รูปภาพ : นายทาเล็บขณะพบปะนักลงทุนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่มาของภาพ : Bloomberg News
นายนัสซิม นโคลัส ทาเล็บ ผู้แต่งหนังสือที่ชื่อ “Black Swan” ซึ่งใช้อธิบายว่า เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นก่อให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลกได้อย่างไร ได้กล่าวว่า เศรษฐกิจดูไบแข็งแกร่งกว่าสหรัฐฯเนื่องจากปัญหาหนี้ของดูไบสามารถ “ควบคุมได้”
“แม้คุณจะหยิบยกเอาประเทศเกิดใหม่อาจจะดูที่แย่ที่สุด สถานที่อย่างดูไบ คุณจะพบว่าดูไบแกร่งกว่าสหรัฐฯ” นายทาเล็บกล่าวในการประชุมกองทุนรวมที่กรุงมานาม่า ประเทศบาห์เรนวานนี้ (4 ตุลาคม 2010) “ดูไบได้กู้ยืมเงินเพื่อมาสร้างอาคารสูงแปะไว้บนโปสต์การ์ด ดูไบสามารถหยุดมันได้ แต่อเมริกาจำเป็นต้องกู้ยืมเพียงเพื่อเปิดประตูในตอนเช้า นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงไม่ค่อยสบายใจกับสหรัฐฯ”
ก่อนเลห์แมนบราเธอร์สจะล้มละลายในเดือนกันยายน 2008 ทาเล็บได้เตือนว่า บรรดานายธนาคารกำลังพึ่งพาแบบจำลองความน่าจะเป็นมากเกินไปและกำลังไม่ตระหนักถึงความเป็นไปได้ของการเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายที่ไม่คาดคิด หนังสือของเขาได้เรียกเหตุการณ์เช่นนี้ว่า Black Swan หรือ หงส์ดำ ซึ่งอ้างอิงถึงความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า มีแต่หงส์ขาวเท่านั้นในโลกนี้ กระทั่งมีการค้นพบหงส์สีดำในออสเตรเลียในปีค.ศ. 1697 และทาเล็บกล่าวว่า วิกฤตการเงินจะรุนแรงกว่าเดิม
“ดูไบ พวกเขาไม่ได้พึ่งพาการก่อหนี้ มันไม่ใช่หนี้เรื้อรัง มันไม่เหมือนคนอเมริกันซึ่งต้องพึ่งพาการก่อหนี้และพวกเขาได้ก่อหนี้สินตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980″ ทาเล็บอดีตนักค้าตราสารอนุพพันธ์ระบุ “มันไม่ใช่แบบจำลองที่ยิ่งใหญ่แต่มันแข็งแกร่งกว่าสหรัฐฯ ง่ายๆเพราะสถานการณ์หนี้สินของพวกเขาสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าสหรัฐฯมาก”
จ่ายคืนหนี้
ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯและรัฐบาลของเขาได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอลงกว่าเดิมโดยการมองหามาตรการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจแทนที่จะจ่ายคืนหนี้ภาครัฐ นายทาเล็บกล่าวเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่กรุงมอนทริอัล รัฐบาลทั่วโลกจำเป็นที่จะต้องลดภาระหนี้สินและหลีกเลี่ยงการเข้าไปอุ้มบริษัทที่มีปัญหาเพราะ นั่นจะเป็นหนทางเดียวที่พวกเขาจะสามารถป้องกันเศรษฐกิจของตัวเองจากผลกระทบทางลบของการประมาณการณ์ทางการคลังที่ผิดพลาด นายทาเล็บกล่าวที่มอนทริอัล
ดูไบเผชิญกับวิกฤตหนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเมื่อบริษัทดูไบเวิร์ล หนึ่งใน 3 บริษัทโฮลดิ้งหลักของรัฐบาลกล่าวว่า บริษัทจะเลื่อนการชำระหนี้มูลค่า 26,000 ล้านดอลลาร์ ดูไบ รัฐที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ในบรรดา 7 รัฐที่ประกอบขึ้นเป็นประเทศ UAE และบริษัทรัฐวิสาหกิจทั้งหลายกู้ยืมเงินกว่า 109,300 ล้านดอลลาร์ จากการประมาณการณ์ของไอเอ็มเอฟ เนื่องจากรัฐดูไบต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน ลอจิสติก และการท่องเที่ยว หนี้ก้อนหนี้มีมูลค่ากว่า 133% ของจีดีพีดูไบซึ่งมีมูลค่า 82,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2008 ตามที่รายงานในหนังสือชี้ชวนในการขายตราสารหนี้เมื่อเดือนที่แล้ว
ในเดือนกันยายนประธานาธิบดีโอบามาได้เสนอมาตรการลดภาษีธุรกิจมูลค่าและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 180,000 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างงานนอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 814,000 ล้านดอลลาร์ที่ออกไปเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันสหรัฐฯมีหนี้สาธารณะคงค้างอยู่กว่า 13.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากตัวเลขของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นั่นทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะมีมูลค่า 94% ต่อจีดีพีของสหรัฐฯในปี 2009 ที่มีมูลค่า 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของบลูมเบิร์ก
ที่มา Bloomberg