วันที่ 6 ตุลาคม ในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่หลายส่วนได้เข้าไปภายในสถานที่เกิดเหตุระเบิดที่ อาคารสมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ได้เข้าตรวจสอบห้องหมายเลข 202 ห้องที่เกิดเหตุ ของนายสมัย วงศ์สุวรรณ โดยได้พบ ถังดับเพลิง ถังแก๊ส และถังน้ำยาแอร์ ทั้งเก่าและใหม่ บรรจุปุ๋ยยูเรีย ซึ่งหลักฐานดังกล่าว เชื่อว่า น่าจะเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในหลายสถานที่ อาทิ ข้างสนามม้านางเลิ้ง กระทรวงสาธารณสุข รร.สันติราษฎร์ และห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ยังได้พบปืน เอชเค จำนวน 1 กระบอก อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปกู้ซากตึก ที่พังถล่มลงมา เนื่องจากคาดว่า น่าจะมีผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากตึกอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่ในช่วงเที่ยง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่เข้าตรวจสอบซากอาคาร สยามเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง ซึ่งได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ล่าสุด พบกระสุนปืนอาก้าจำนวน 1 ถุง ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังพบกระสุนปืนอาก้า ซึ่งบรรจุอยู่ในแมกกาซีนจำนวน 1 ตลับอยู่ในกระเป๋าคาดเอวสีดำอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมให้ชุดสืบสวน ซึ่งเข้าเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดเข้ารายงานพยานหลักฐาน ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุพบชายนิรนามเดินออกจากห้อง 202 ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถติดต่อชายคนดังกล่าวได้
พล.ต.อ. วิเชียร กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้น ว่า ห้องที่เกิดเหตุระเบิด คือห้องหมายเลข 202 สมานเมตตาแมนชั่น โดยในห้องที่เกิดเหตุคือห้องของนายสมัย วงศ์สุวรรณ ที่พักกับด้วยสามีภรรยาคู่หนึ่งยังไม่ทราบชื่อ โดยเข้าพักเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ทั้งนี้ ในวันที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลา ประมาณ 13.00 น. โดยเเม่บ้านเห็นนายสมัย เเละสามีภรรยาคู่หนึ่ง หิ้วกระสอบขึ้นไปในห้องพัก 2-3 กระสอบ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่าสิ่งที่บรรจุในกระสอบนั้นคืออะไร เเละหลังจากนั้นในเวลา 18.00น. ก็ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า นายสมัย เคยถูกดำเนินคดีปาระเบิดที่เชียงใหม่เมื่อปี 2552 ขณะนี้หลบหนีคดีอยู่ เบื้องต้นทราบว่า เคยร่วมชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ ราชประสงค์ โดยจากการตรวจสอบคาดว่า จะเป็นระเบิดทีเอ็นที 10 ก.ก. เเต่สาเหตุ น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของการประกอบระเบิด ที่เกิดเหตุพบเเบตเตอรี่ 12 โวลต์ เเละสายไฟจำนวนหนึ่ง เครื่องวัดมัลติมิเตอร์ ชิ้นส่วนถังน้ำยาเเอร์ เเผงวงจรต่อเวลา เเละถังดับเพลิง ซึ่งวัตถุพยานทั้งหมดนี้ สามารถเชื่อมโยงได้ใน 3 คดี คือ ที่หน้าร.ร.สันติราษฎร์วิทยา ที่ลานจอดรถกระทรวงสาธารณสุข ลานจอดรถห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เเต่ 3 พื้นที่ดังกล่าว สามารถเก็บกู้ระเบิดได้
นอกจากนี้ ยังโยงไปยังระเบิดที่สนามม้านางเลิ้งได้ด้วย อีกทั้งหน่วยเก็บกู้ระเบิดยังรายงานเข้ามาว่า เเผงวงจรต่อเวลาสามารถตั้งเวลาระเบิดได้ ภายใน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคดีนี้สามารถขยายผลได้อีกนับ10 คดี
นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวถึงเหตุระเบิดสมานแมนชั่น บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดว่า ไม่อยากจะให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่เป็นการเตือนถึงเหตุรุนแรงที่จะมีในเดือนตุลาคม นี้ ตลอดทั้งเดือน อาทิ วันที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง คือ วันที่ 6, 10 และ 14 ต.ค. เป็นต้นไป
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในรายสนามเป้าเล่าข่าว ทางช่อง 5 ในช่วงเช้าถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดสมาน-เมตตา แมนชั่น จ.นนทบุรี ว่า รายงานล่าสุดที่ได้รับทราบ คือ มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการมีจำนวนทั้งสิ้น 3 ราย ส่วนการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเช้าของวันนี้ เพราะช่วงเมื่อคืนทางเจ้าหน้าที่ต้องหยุด เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายตึกถล่ม เนื่องจากโครงสร้างตึกอาคารที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายอย่างมาก ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจในเช้านี้ ซึ่งเราคาดว่าอาจจะมีผู้เสียชีวิตติดอยู่อีก
เมื่อถามว่า ห้องหมายเลข 202 ที่มีการบอกว่าเป็นห้องจุดเกิดเหตุระเบิด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้รับรายงานเข้ามาอย่างนั้น ซึ่งมีการคาดกันว่าห้องจุดเกิดเหตุนั้นมีการเก็บสะสมวัตถุระเบิดไว้จำนวนมาก ส่วนเหตุที่มีการระเบิดเกิดขึ้นนั้นมีการสัญนิฐานเบื้องต้นว่าน่าจะเกิดจากการประกอบระเบิดผิดพลาดของผู้ที่ครอบครองระเบิดเอง อย่างไรก็ตามชนิดระเบิดที่เกิดเหตุขึ้นนี้คงต้องรอผลการตรวจสอบหลักฐานต่างๆจากห้องแล็ป ทางผบ.สตช.ได้สั่งการให้ตรวจสอบโดยละเอียดว่ามีวัตถุระเบิดเหลืออยู่หรือไม่ อยากจะขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากมีผู้ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ หรือผู้ต้องสงสัย ให้แจ้งข้อมูลเข้ามาเพื่อทางตำรวจจะตรวจสอบทางลับ
นายสมาน บุญประเสริฐ อายุ 60 ปีเป็นเจ้าของแมนชั่นดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีวิทยุชุมชน “ตลาดบางบัวทอง” คลื่น 106.25 โดยตั้งสถานีอยู่ในตึกแถวเลขที่ 269/42 ฝั่งตรงข้ามแมนชั่นที่เกิดเหตุ ส่วนเสาสัญญาณวิทยุติดตั้งอยู่บนดาดฟ้าแมนชั่นที่เกิดเหตุ สูงประมาณ 50 เมตร ได้ทำหนังสือชี้แจง ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด
“ขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อเเดง ส่วนสถาวิทยุที่เปิดนั้น มีเนื้อหาด้านธรรมมะเเละบันเทิงเท่านั้น ล่าสุด เมื่อเดือนที่ผ่านมา ก็พึ่งไปต่ออายุใบอนุญาติ ซึ่งหากสถานีวิทยุเกี่ยวข้องกับเเดงจริงคงไม่ได้รับการต่ออายุเเน่นอน ส่วนมาตการรักษาความปลอดภัยในเเมนชั่น นั้น ด้านล่างมีกล้องซีซีทีวี 4 ตัว ส่วนด้านบนอีก5 ชั้น มีด้านละ 2 ตัว คาดว่า คงจะได้เบาะเเสจากกล้องดังกล่าว ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเอาเทปไปเเล้ว” นายสมาน กล่าว
นายคมเดช ชัยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า กรณีเกิดเหตุระเบิดที่อพาร์ทเมนท์ย่านบางบัวทอง เมื่อคืนวันที่ 5 ต.ค. ตนเห็นว่า ที่รัฐบาลยังประกาศคงพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ทำให้ประเทศเสียหายในด้านธุรกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพราะประเทศไทยขาดความเชื่อมั่น ภาพพจน์ของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปจากกรุงเทพฯเมืองสวรรค์กลายเป็นนรกไปแล้ว ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกำลังประสบปัญหาเพราะไม่มีใครมาเที่ยว นอกจากนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ประสบปัญหา หากรัฐบาลยังปล่อยให้มีปัญหาเช่นนี้ต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะมีเกิดเหตุการณ์อีกยาวนานขนาดไหนทำให้ธุรกิจและภาพพจน์ของประเทศเสียหายกระทบภาพรวมของประเทศชาติในระยะยาว
นอกจากนี้ มีข่าวปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์ กรณีพ.ร.บ.องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่กำลังจะมีการประกาศใช้ ทำให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเกิดความกังวลว่าหากมีกฎหมายแล้วกำนัน , ผู้ใหญ่บ้าน , สารวัตรตำบล พ้นจากตำแหน่งและหน้าที่ในเขตเทศบาล โดยจะกลายเป็นประเด็นปัญหาเพราะจะมีการรวมตัวของกำนันผู้ใหญ่บ้านเพื่อออกมาเคลื่อนไหว จึงฝากให้สภาแก้ไขปัญหานี้ โดยตนในฐานะส.ส.พรรคเพื่อไทยขอยืนยันมติของพรรคที่จะให้คงมีกำนันผู้ใหญ่บ้านอยู่ต่อไป
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีที่ตำรวจจับกุมนักรบเสื้อแดง 11 คนได้ที่จ.เชียงใหม่นั้น นายสุเทพได้แจ้งต่อที่ประชุมด้วยว่า กลุ่มบุคคลที่ถูกส่งไปฝึกอาวุธอยู่ในต่างประเทศนั้นมีทั้งหมด 39 คน และ ถูกฝึกอาวุธในหลากหลายชนิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามบุคคลกลุ่มนี้มานานแล้วแต่สามารถจับกุมได้ในเบื้องต้น 11 คน โดยทั้ง 11 คนได้ให้การสารภาพว่าได้ฝึกอาวุธจากต่างประเทศเสร็จแล้ว และ ถูกพาไปดูบ้านพักของบุคคลสำคัญมาแล้วด้วย โดยบ้านของตนนั้นถูกพาไปดูมาถึง 2 ครั้งแล้ว รวมทั้งบ้านนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระรวงการต่างประเทศ นายเทพไท เสนพงศ์ ด้วยอย่างไรก็ตาม เมื่อทั้ง 11 คนให้การสารภาพก็จะกันตัวไว้เพื่อเป็นพยานต่อไป
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2005 ครั้ง