วันที่ 16ก.พ.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการทดสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ว่า จากการทด สอบ 20 ครั้ง ใช้งานได้ 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าไม่ถึง 25% ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปกับเครื่องที่เหลือนั้น นายกฯบอกเพียงว่ายังไม่ได้คิด
ด้านคุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยภายหลังนำเสนอผลการทดสอบประ สิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 แก่นายกรัฐมนตรี ว่า ผลจากการทดสอบประสิทธิภาพ จีที 200 ในมุมของนักวิชาการ ชี้ให้เห็นชัดเจนถึงประสิทธิภาพการใช้งานของจีที 200 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ โดยหลังจากการทดสอบ 20 ครั้ง จีที 200 สามารถชี้ถูกต้องเพียง 4 ครั้ง และไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
โดยยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการในส่วนใดต่อ โดยในที่ประชุมครม. ได้รายงานข้อมูลตามที่ได้ทดสอบตามความเป็นจริง และเตรียมแจ้งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่ใช้เครื่องจีที 200 ให้รับทราบ นอกจากนกยกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้แต่ละหน่วยงานทำรายงานขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี มีความกังวลที่ต้องการให้ผู้ใช้เข้าใจข้อเท็จจริง โดยรัฐบาลจะเป็นผู้แจ้งผลทดสอบให้ทุกหน่วยได้ทราบว่าในห้องทดสอบมีการทดสอบรูปแบบใดและมีผลทดสอบออกมาอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังกังวลว่า คนที่ใช้มีความเชื่อมั่นว่ามีกำลังใจเวลาออกพื้นที่ เพราะคนที่ออกพื้นที่แล้วไปมือเปล่าไม่มีอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยว ขณะนี้ยังไม่มีการหารือว่าจะใช้เครื่องอะไรแทนเครื่องนี้
“ในส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังไม่ได้รับมอบให้ปฏิบัติภารกิจเพิ่มเติม แต่หากคณะรัฐมนตรีต้องการให้ทดสอบเครื่องมือชนิดอื่น ก็สามารถแจ้งข้อมูลมาได้ กระทรวงวิทย์ก็ยินดี ซึ่งในส่วนเครื่องอัลฟ่า 6 กระทรวงมหาดไทยได้มีจดหมายมาให้กระทรวงวิทย์ฯ ซึ่งหากให้ดำเนินการต้องเตรียมการทั้งคน และสิ่งของที่ต้องใช้ตรวจเพราะมีลักษณะแตกต่างกัน แต่อาจใช้เทคนิคเดียวกันในการตรวจได้” รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องแจ้งไปให้รัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตหรือไม่นั้น คุณหญิงกัลยาตอบว่า เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ต้องดูในส่วนของกฎหมาย โดยต้องศึกษาข้อมูลว่าเป็นอย่างไร บริษัทเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ภารกิจในส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์จบแล้ว
เอกชนชี้เครื่องมือใช้ทำงานจำเป็นในพื้นที่3จัวหวัดใต้
นายวิรัช อัศวสุขสันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา กล่าวว่า เห็นด้วยการเลิกใช้ทีจี 200 เพราะมีเหตุผลที่จะยกเลิก แต่มีข้อเสนอว่า การแก้ปัญหา 3 จังหวัด การใช้เครื่องมืออื่นประกอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังมีความจำเป็นอยู่ เพราะจะอาศัยเจ้าหน้าที่และความร่วมมือจากประชาชนคงไม่พอ
“การติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมพื้นที่ การจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังภาคประชาชน นี่ก็คือเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ จะหวังพึ่งเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่พอ สำหรับการแก้ปัญหา 3 จังหวัด”
ฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องหาเครื่องมืออื่นๆมาทดแทน ทีจี 200 และก่อนที่จะนำเครื่องมือใดๆมาใช้ จะต้องทดสอบประสิทธิภาพการทำงานเสียก่อน ไม่ใช่ซื้อมาแล้วๆค่อยทดสอบภายหลัง อย่างครั้งนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ เสียเงินไปตั้งกว่า 500 ล้านบาทฟรีๆ งบประมาณขนาดนี้สามารถอำอะไรได้อีกมาย
นายวิรัช กล่าวและว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะนำสุนัขดมกลิ่นมาใช้มากขึ้น ซึ่งการใช้สุนัขดมกลิ่นใช้ได้บางพื้นที่เท่านั้น เนื่องจากในพื้นที่มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ การจะใช้สุนัขดมกลิ่นก็มีปัญหา ในพื้นที่สีแดงการหาความร่วมมือจากประชาชนทำได้ยาก
“หรือแนวทางที่ทำได้และทำอยู่แล้วคือการหลักนิติวิทยาศาสตร์มากขึ้น ก็จะช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่มากขึ้น แต่สรุปทั้งหมด ต้องมีเครื่องมือประกอบการทำงานหลายๆอย่างมาใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะภาคธุรกิจในพื้นที่ยังต้องการ” ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา กล่าว
ผู้นำศาสนาเสนอใช้ประชาชนแทนจีที200
นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจ.ยะลา กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ จีที200 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหา 3 จังหวัด และที่สำคัญเป็นการลดความหวาดระแวงของประชาชนในพื้นที่ได้มาก เพราะที่ผ่านมาหลายคนประสบด้วยตนเอง จากการใช้จีที200 ของเจ้าหน้าที่ และกลายเป็นผู้ร้าย ผู้ต้องสงสัยจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกที่ดีต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่
“คนที่ไม่เคยโดนเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือนี้ แล้วมีการเชิญตัวไปสอบสวน คงไม่รู้สึก แต่คนที่เคยโดนเขารู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อเครื่องมือนี้มาแล้ว”
นายนิมุ กล่าวและว่า เมื่อผลออกมาอย่างนี้ คงไม่มีทางอื่น นอกเหนือจากการยกเลิกการนำจีที200มาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัด นอกจากการประกาศยกเลิกการนำเครื่องมือมาใช้ แต่หากว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานที่ใช้ยังเชื่อมั่นในเครื่องมือนี้และต้องการใช้งานต่อไป ก็ได้ แต่ต้องเป็นการใช้ในหน่วย และองค์กรของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ห้ามนำมาใช้ในการตรวจค้น หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดกับประชาชน เพราะอาจะนำไปสู่ปัญหาตามมา ในเมื่อผลการพิสูจน์ออกมาแล้วว่ามันไม่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ 1.หากเจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่ามีความจำเป็นต้องมีเครื่องมือประกอบการทำงาน คล้ายกับ จีที200 ก็ต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ ในเรื่องคุณภาพและการยอมรับในระดับสากล และสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ถึงประสิทธิภาพการทำงาน 2.ให้เจ้าหน้าที่หันมาใช้ความร่วมมือจากประชาชนในการทำงาน ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ เพราะหากประชาชนเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ และให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ จะดีกว่าการใช้เครื่องมืออื่นๆ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสอบเครื่องจีที 200 ว่า เบื้องต้นทราบว่า ผลการทดสอบระบุว่า เครื่องมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาด หลังจากนี้จะหารือกับพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงาน ในส่วนของสถาบันนิติวิทย์ ซึ่งเขาคงไม่สั่งห้ามให้เลิกหรือหยุดใช้เครื่องดังกล่าว ถ้าเจ้าหน้าที่มีความมั่นใจก็ใช้ต่อไป แต่ถ้าหน่วยงานใดจะขออนุมัติอุปกรณ์ในลักษณะเดียวกับเครื่องจีที 200 อีก เขาจะไม่อนุมัติให้ซื้อเพิ่มแน่นอน เพราะเกิดข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพ
สำหรับเครื่องอัลฟ่า 6 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ที่อยู่ระหว่างการส่งมอบอุปกรณ์นั้น ภายหลังผลทดสอบระบุว่า เครื่องมีประสิทธิภาพต่ำ เขาจะหารือกับปปส.ว่า หน่วยงานต่าง ๆ ยังยืนยันในความต้องการจะใช้เครื่องอัลฟ่า 6 อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขาเคยเสนอให้คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ นำเครื่องอัลฟ่า 6 ไปทดสอบพร้อมกัน แต่ที่ผ่านมามีเพียงการทดสอบตรวจค้นสารประกอบระเบิดเท่านั้น
“ประเด็นที่ยังน่าสงสัยคือ ถ้าเครื่องจีที 200 ไม่มีประสิทธิภาพเลย เครื่องไม่น่าจะตรวจพบสารประกอบระเบิด แต่ในการทดสอบยังตรวจพบถึง 4 ครั้ง ส่วนการตรวจ 16 ครั้งไม่พบสารระเบิด ซึ่งจำเป็นต้องหาข้อพิสูจน์ให้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
“หมอพรทิพย์”ไม่สนผลทดสอบยันขอใช้ต่อ
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า สถาบันนิติวิทย์ฯจะใช้เครื่องจีที 200 ต่อไป แต่จะไม่สั่งซื้อเครื่องเพิ่มเติม ที่ผ่านมา ชี้แจงไปแล้วว่า เครื่องจีที 200 ไม่ใช่อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ มีตัวแปรของผู้ใช้งานเป็นส่วนสำคัญ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทย์ฯใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ไม่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์หลักในการเก็บกู้ระเบิด
ด้านพล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการปปส. กล่าวว่า เครื่องที่ปปส.ใช้งานตรวจสารเสพติดเป็นเครื่องอัลฟ่า 6 ไม่ใช่จีที 200 โดยปกติอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์จะใช้เป็นอุปกรณ์เสริม ไม่ใช่อุปกรณ์หลักในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม ปปส.พร้อมให้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องอัลฟ่า 6 ซึ่งมีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับเครื่องจีที 200 เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.กฤษณะเคยออกมาแถลงข่าวยืนยัน ในประสิทธิภาพและความแม่นยำ ในการตรวจหาสารเสพติดของเครื่องอัลฟ่า 6 จนทำให้ปปส.เลิกใช้สุนัขดมกลิ่น ซึ่งมักจะเมารถระหว่างการเดินทาง และสุนัขยังจัดเป็นครุภัณฑ์เสื่อมสภาพและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามาก โดยปปส.ได้จัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 อีกเป็นจำนวนมาก
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1024 ครั้ง