วันที่ 8 ตุลาคม นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา แถลงว่า มีข่าวจากฝ่ายความมั่นคงระบุ กลุ่มการ์ดคนเสื้อแดงอย่างน้อย 4 กลุ่มมีการซ่องสุมและฝึกอาวุธเพื่อประสงค์จะก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ต่างๆ โดยมีกลุ่มอดีต ส.ส. และ ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน ไม่สามารถระบุพรรคได้ให้การสนับสนุนอยู่ ทั้งนี้ทราบด้วยว่ามีการส่งท่อน้ำเลี้ยงมาจากกลุ่มบุคคลต่างๆเพื่อให้ใช้ในการก่อเหตุรวมถึงซื้อวัสดุอุปกรณ์เพื่อนำมาประกอบระเบิด โดยตนขอเรียกร้องให้ทางฝ่ายความมั่นคงตั้งชุดปฏิบัตการพิเศษขึ้นมาเกาะติดกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นการกดดันและไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
ก่อนหน้านี้ 7 ต.ค.เวลา 21.00 น.ร.ต.ท.สุทิน ซ้อนรัมย์ ร้อยเวร สน.บางรัก รับแจ้งเหตุพบอาวุธสงคราม ในห้องเช่าภายใน ซ.กิตพาณิชย์ ข้างซ.ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสะพานเหลือง แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ทหารไปยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหา สองชั้นครึ่งแบ่งซอยห้องให้คนเช่า ภายในห้องของอาคารดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี 1 กระบอก ปืนอาก้า 1 กระบอก ลูกจรวดอาร์พีจี 4 ลูก และกระสุนปืนอาก้า 750 นัด
นายไชยยศ เลิศวรวงศ์ อายุ 57 ปี ช่างซ่อมประจำตึกเกิดเหตุ กล่าวว่า เจ้าของตึกพาณิชย์ดังกล่าวได้โทรเรียกตนมาเพื่อเปิดห้องเช่าห้องหนึ่งที่ปิดตายหลายเดือนแล้ว จากนั้นตนจึงขึ้นไปยังห้องเกิดเหตุแล้วงัดประตูเข้าไป แล้วบอกกับเจ้าของว่ามีของใช้หลายอย่างอยู่ เจ้าของตึกตอบกลับมาว่าให้นำไปทิ้งให้หมด ตนจึงเดินเข้าไปแล้วยกกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบหนึ่งแต่ยกไม่ไว้จึงเปิดดูจึงพบว่าเป็นลูกกระสุนปืนอาก้าจำนวนมาก และข้างกล่องกระสุนปืนมีกระเป๋าเป้สะพายสีดำ 1 ใบ เปิดดูภายในพบลูกจรวดอาร์พีจี 4 ลูก สภาพใหม่เอี่ยมพร้อมทำงาน
“ผมจึงโทรแจ้งไปยังหมายเลข 191 แต่ตำรวจไม่มา จึงโทรไปที่หมายเลข 1111 อีกครั้งและได้รับการประสานกลับมาว่าให้โทรไปยัง สน.บางรัก ตนจึงโทรไปจากนั้นตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารจึงมาที่เกิดเหตุ”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้กันไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุเกรงจะเป็นอันตราย ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าก่อนหน้านี้มี นายอุเทน ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเคยทำงานให้กับพรรคเพื่อไทยมาเช่าห้องที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2552 และหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนอาวุธที่เจ้าหน้าที่สามารถค้นเจอขณะนี้ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ ศอฉ.แล้ว ส่วนผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามจับกุมมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ย่านสะพานเหลือง และ พบอาวุธเป็นลูกระเบิดอาร์พีจี 4 ลูกพร้อมด้วยเครื่องยิง และยังพบปืนอาก้า พร้อมด้วยกระสุนอีกกว่า 750 นัด ว่า เหตุการณ์เมื่อช่วงคืนวาน(7 ต.ค.) ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุที่อาวุธระเบิดของทหารที่หายจากจังหวัดลพบุรี ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าการค้นพบอาวุธสงครามดังกล่าว มีการเชื่อมโยงเพื่อใช้ในการก่อเหตุใดบ้าง แต่กรณีนี้คล้ายกับที่เคยพบในกระทรวงกลาโหม ส่วนเรื่องที่ว่ากองทัพบกแจ้งว่า ระเบิดดังกล่าวทางกองทัพเลิกใช้ไปนานแล้วนั้น ก็ต้องเชื่อฟังตามเหตุผล เพราะทางกองทัพก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องวัตถุระเบิด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้เช่าห้องดังกล่าวไปแล้ว 2 คน ซึ่งคือนายสุขสรรต์ รังวิเรนทร์ และนายปรีดา แก่นโพธิ์ โดยแจ้งข้อหามีอาวุธและเครื่องกระสุนที่ใช้ในราชการสงคราม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน มีโทษจำคุก 20 ปี แต่หากนำไปใช้จะมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนเลขทะเบียนยุธภัณฑ์ต่างๆ ที่ระบุไว้ในระเบิดและอาวุธที่พบ ขณะนี้หน่วยพิสูจน์หลักฐาน และ EOD กำลังตรวจสอบที่มาที่ไปอยู่ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวต้องมีการขยายผลอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ในส่วนขั้นตอนปฏิบัติจะให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจค้นบ้านเช่า อพาร์ทเมนท์เพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อเป็นการเฝ้าระวังเหตุร้ายในอีกทางหนึ่ง โดยจะให้สายสืบซึ่งคอยตรวจค้นยาเสพติด เพิ่มมาตรการตรวจสอบหาวัตถุอันตรายที่คนไม่หวังดีอาจจะนำไปซุกซ่อนไว้
“ส่วนความพร้อมในการดูแลการจัดกิจกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทางเจ้าหน้าที่ก็มีความพร้อมรับมือ และขณะนี้ยังไม่มีข่าวที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น แต่ก็ให้ผู้บังคับการแต่ละท้องที่ที่รับผิดชอบ ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ประชาชนสบายใจมากที่สุด โดยเฉพาะบก.น.1 บก.น.5 และบก.น.6 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรม ซึ่งผู้บังคับการก็ทราบแนวทางปฏิบัติเป็นอย่างดี และผมจะเข้าไปดูแลเพิ่มเติมด้วย” พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าว
รรท.ผบช.น. กล่าวอีกว่า ในส่วนของเว็บไซท์ต่างๆ ที่อาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนัดแนะระหว่างกลุ่ม และที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เฝ้าจับตาดูอยู่ เพราะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงดูแลในส่วนนี้ โดยส่วนใหญ่การนัดแนะต่างๆ กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะใช้สื่อด้านนี้เป็นการประสานงานกัน แต่เชื่อว่าจะสามารถดูแลได้อย่างแน่นอน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 3025 ครั้ง