ปธ.สอบคลิป ศาล รธน.ประชุมนัดแรกกว่า 4 ชั่วโมง วางกรอบสอบทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 ตอน ไม่เว้นแม้แต่ตุลาการ ที่ปรากฏในคลิป ย้ำ คกก.มีสิทธิชี้มูลเพื่อแจ้งข้อหา “พสิษฐ์” ก่อนเสนอที่ประชุมตุลาการ ด้านเลขาธิการศาล รธน.เผย ตร.ประสานเรื่องดูแลความปลอดภัยตุลาการและสำนักงานแล้ว รอศึกษารูปแบบก่อน เพื่อความเหมาะสม
วันที่ 22 ต.ค.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสนิท จรอนันต์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปวิดีโอการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยภายหลังการประชุมนัดแรกที่ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเพื่อวางกรอบการทำงานในเบื้องต้นว่า อำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการจะมีมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ คณะกรรมการจะสรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้น ซึ่งเท่าที่ดูจากคลิปทั้ง 5 ตอนที่ประชุมมีมติว่า คณะกรรมการจะตรวจสอบคลิปตอนที่ 3-5 เนื่องจากคลิปดังกล่าวจะมีตุลาการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะกรรมการจะดูเนื้อหาในคลิปที่จะตรวจสอบว่า เป็นการประชุมครั้งที่เท่าไหร่ เป็นการประชุมวาระเรื่องใด และการประชุมครั้งนี้มีใครที่เกี่ยวข้องกับการประชุมบ้าง นอกจากนี้ การพิจารณาแล้วคณะกรรมการ เห็นว่า มีสามส่วนที่กรรมการจะเข้าไปสอบสวน ประกอบด้วย 1.คณะตุลาการ 2.เจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิในการเข้าประชุม และ 3.เจ้าหน้าที่ที่เดินเข้าออกในการส่งเอกสาร
นายสนิท กล่าวต่อว่า ในการประชุมวันนี้คณะกรรมการ ได้ไปตรวจสถานที่ในห้องประชุมตุลาการ ว่า มีการจัดที่นั่งอย่างไรบ้าง มีใครนั่งตรงไหน นอกจากนี้ คณะกรรมการจะตรวจสอบคลิปทั้ง 3 ตอน ว่า เป็นการประชุมครั้งไหน มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเป็นการวางกรอบกว้างๆ พร้อมทั้งจะดูด้วยว่าอุปกรณ์ที่ใช้บันทึกภาพเป็นแบบใด ชนิดใด
ในส่วนคลิปที่ 2 ที่ปรากฏภาพ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ นายวิรัช ร่มเย็น นั้น คณะกรรมการเห็นว่า ไม่สามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบได้ เพราะไม่ทราบว่าเป็นการถ่ายที่ไหน อีกทั้งยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางศาล ดังนั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่จะเข้าไปตรวจสอบและเอาผิด ส่วนคลิปตอนที่ 3- 5 หากคณะกรรมกรรตรวจสอบ พบว่า มีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด หรือแม้แต่นายพสิษฐ์เข้าไปเกี่ยวข้อง คณะกรรมการตรวจสอบฯ จะนำข้อกฎหมายมาพิจารณาว่าเข้าข้อกฎหมายข้อไหน โดยเป็นอำนาจของกรรมการที่จะชี้มูล และเสนอให้ตุลาการรับทราบ
นายสนิท เปิดเผยอีกว่า การประชุมครั้งหน้าจะประชุมในวันที่ 27 ต.ค.เวลา 13.00 น.โดยจะเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคลิปทั้งสามตอนเข้ามาสอบถาม โดยการทำงานครั้งนี้ก็ทำตามที่ตุลาการมอบหมาย โดยจะแสวงหาข้อเท็จจริงที่เป็นเรื่องภายในสำนักงานทั้งหมด
“ในส่วนของตุลาการ เราก็จะสอบถามด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือไม่ โดยกรรมการจะเร่งตรวจสอบโดยเร็วตามกรอบเวลาที่ได้รับมอบหมายภาย15 วันนับแต่ที่ตุลาการมีคำสั่ง (20 ต.ค.)” นายสนิท กล่าว
ด้าน นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวตุลาการถูกโทร.ขู่หมายชีวิตปรากฏตามข่าวไปแล้ว โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการประสานมายังสำนักงานแล้ว ว่า จะให้มีการดำเนินการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งต้องขอชมเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้ให้ความดูแลเป็นอย่างดี และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างต้องศึกษารูปแบบในการดูแลว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งก็ต้องทำด้วยความพอดี ทั้งนี้ ในเบื้องต้นก็ได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก่อน ซึ่งก็ได้มีการประสานไปแล้ว
วันเดียวกันที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาระบุถึงว่า นายชวน รู้จัก กับ นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ผู้ที่ได้รับการประมูลโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ในศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ยอมรับว่า รู้จักกับ นางนุชนารถ มา 10 กว่าปีแล้ว โดยทราบว่า นางนุชนารถ มีอาชีพทำธุรกิจตกแต่งภายใน ซึ่ง นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็รู้จักเช่นกัน แต่ตนไม่ทราบว่า นางนุชนารถ ทำธุรกิจติดตั้งกล้องซีซีทีวีด้วย และไม่ทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีโครงการดังกล่าว นายจตุพร อาจจะพยายามโยง แต่ตนเชื่อว่า คงจะไม่เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรค ซึ่งพฤติกรรมของ นายจตุพร ทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีคนไม่เข้าใจบทบาทของศาลจำนวนมาก และศาลก็ไม่มีคนชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดี เพราะไม่ถือว่าเป็นหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายตุลาการต้องดำเนินการเพื่อไม่เกิดความเข้าใจผิด
ส่วนกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถูกข่มขู่ นายชวน กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลักสำคัญของบ้านเมือง และได้รับแรงกดดันจากหลายด้าน ซึ่งศาลก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงต้องออกมาพูด ดังนั้น ประชาชนต้องช่วยกันเป็นฐานในการสนับสนุนและรักษาความเป็นสถาบันขององค์กรเหล่านี้ไว้ เพราะองค์กรเหล่านี้สามารถรักษาหลักของบ้านเมืองที่ถูกต้องไว้ได้ ดังนั้น ต้องช่วยกัน อย่ากดดันศาล หรือเขียนพยากรณ์อะไรล่วงหน้า และตนเชื่อในความเป็นผู้ใหญ่ของตุลาการและท่านที่มีประสบการณ์สูง มีเกียรติประวัติในการทำงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การข่มขู่ศาลจะกระทบกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า จากเกียรติประวัติและภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญ ที่แสดงความจำนงและความตั้งใจในการทำงาน ตนเชื่อมั่นว่า จะไม่กระทบกับการตัดสินคดี ซึ่งกระบวนการข่มขู่องค์กรต่างๆ ก็มีการทำมาโดยตลอด เช่น กกต.ที่โดนหนักถึงขั้นประกาศจะเอาชีวิต แต่ขณะนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ได้รับการกดดันข่มขู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราห่วงมาโดยตลอด
“ในการประชุมทีมกฎหมายของพรรค เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีข่าวการข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทีมกฎหมายของพรรคได้คุยกันว่า จะทำอย่างไรให้รัฐบาลดูแลศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ถูกข่มขู่และกดดัน ยังถามกันว่า ขอให้ใครก็ได้ช่วยเรียนนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้หาทางป้องกันปัญหา เพราะไม่เช่นนั้นจะยุ่ง ผมเข้าใจดีว่าศาลเองก็รู้สึกว้าเหว่ เหมือนไม่มีใครดูแล แต่รัฐบาลก็เอาใจใส่ ซึ่งในกรณีที่มีการโทรศัพท์ข่มขู่นั้น หากฝ่ายศาลไม่แจ้งมา รัฐบาลก็ไม่สามารถทราบได้ แต่เรื่องนี้ถือเป็นจุดท้าทายให้เห็นถึงความเข้มแข็ง เที่ยงตรง รักษากฎหมาย และคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นจุดที่ศาลได้รับการยอมรับที่สุด” นายชวน กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1135 ครั้ง