วันที่ 3พ.ย. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1 ให้ ส.ส. 6 คน พ้นจากสมาชิกภาพ เนื่องจากถือหุ้นในกิจการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ม.265 และ ม.48 รวมทั้งได้หุ้นมาหลังจากได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แล้ว ส่วนผู้ถูกร้องที่เหลือรอดคดีเนื่องจากกฎหมายไม่ได้บัญญัติห้ามการคงไว้ซึ่งหุ้น
ประกอบด้วย 1.นายสมเกียรติ ฉันทวาณิชย์ พรรคประชาธิปัตย์ 2.นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร พรรคภูมิใจไทย รมช.คมนาคม 3.นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ พรรคเพื่อแผ่นดิน 4.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ พรรคภูมิใจไทย รมช.มหาดไทย 5.รท.ปรีชาพล พงษ์พาณิช พรรคเพื่อไทย และ 6. ม.ร.ว.กิตติวัฒนา (ไชยยันตร์) ปรกมนตรี พรรคเพื่อแผ่นดิน
“สมเกียรติ”ขอหารือผู้ใหญ่ปชป.ก่อน
ด้านนายสมเกียรติ ที่ถูกศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งส.ส.กรณีถือครองหุ้น ให้สัมภาษณ์ว่า ตนทราบข่าวจากสื่อมวลชนที่โทรศัพท์มาสัมภาษณ์แต่ยังไม่รู้ในรายละเอียดว่าถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งส.ส.จากการถือครองหุ้นตัวไหน เพราะตนถือครองหุ้นอยู่ในมือหลายตัว แต่คาดว่าอาจจะเป็นหุ้นของปตท.ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ตนคงต้องหารือกับผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ก่อน
“อภิสิทธิ์”แย้มผลสอบวิรัชไม่เหมาะสมโทษไม่พ้นสมาชิกพรรค
เมื่อเวลา 14.40 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงโทษแค่การภาคทัณฑ์นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนองพรรประชาธิปัตย์ คณะทำงานด้านกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ปรากฎตัวในคลิปที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการวิจารณ์ว่าเป็นการลงโทษที่น้อยเกินไป ว่า ยังไม่ได้มีอะไรเลย
เมื่อถามว่าเห็นว่าโทษมีเพียงแค่การตัดเตือนเท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ยังเลยครับ ซึ่งตามหลักคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะส่งรายงานมาให้ซึ่งตนเพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นก็จะเป็นอำนาจของตนในการดำเนินการต่อ และจนถึงขณะนี้ผมยังไม่ได้มีการสั่งการอะไรเลย เพราะกำลังพิจารณาตัวรายงานและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม”
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัจจัยในการตัดสินใจจะดูจากอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะดูจากพื้นฐานของรายงานที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมา และต้องคำนึงถึงหลักความรับผิดชอบ
เมื่อถามว่าในรายงานมีการระบุถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า ใช่ เบื้องต้นคณะกรรมการฯสรุปว่าไม่เหมาะสม แต่ว่าแม้จะไม่มีเจตนาหรือที่มาที่ไปจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ก็มีการระบุมาแล้วว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อไม่เหมาะสมตนก็จะต้องสอบถามตัวนายวิรัชว่าเขาคิดอย่างไร และจะมีการดำเนินการ
เมื่อถามว่าบทลงโทษของพรรคหัวหน้าพรรคต้องนำเข้าหารือกับ กก.บห.พรรคอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วตามข้อบังคับค่อนข้างจะมีช่องว่างนิดหน่อยว่าอำนาจของตนจะมีในเรื่องของการภาคทัณฑ์ ตักเตือน ยุติเรื่องไปเลยหรือตั้งกรรมการสอบเพิ่ม และถัดจากนั้นไปก็กลายเป็นเรื่องการสอบสอบเรื่องสมาชิกภาพ ซึ่งตนคิดว่าสุดโต่งเกินไปทั้ง 2 ทาง
เมื่อถามว่ากรณีของนายวิรัชครั้งนี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะหมดสมาชิกภาพใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “ผมคิดว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ แต่ความไม่เหมาะสมก็ต้องมีการดำเนินการตามมาซึ่งผมกำลังดูอยู่” ต่อข้อถามว่าการตัดสินแค่การภาคทัณฑ์น่าจะเป็นโทษสูงสุดแล้วอย่างนั้นหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เพียงแต่ในข้อบังคับพรรคเขียนไว้อย่างนั้น
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 962 ครั้ง