ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีชิงทรัพย์ ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายกตัญญู แฝงสุวรรณ อายุ 21 ปี ชาว จ.นครพนม และ นายธีรวัฒน์ วงศ์สุรินทร์ อายุ 19 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด เป็นจำเลยที่ 1 – 2 ในความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์เวลากลางคืน และฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
โดยอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 28 พ.ค. 53 ซึ่งอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 24.00 น – 04.00 น.ในท้องที่กรุงเทพมหานคร จำเลยได้ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว โดยขณะที่นายสมชัย ยวมใจ ผู้เสียหาย นั่งดื่มเบียร์ที่ม้าหินหน้าบ้าน ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี จำเลยทั้งสองถือไม้มาคนละท่อนแล้วเอ่ยปากขอเงินผู้เสียหาย ซึ่งได้ส่งเงินให้ 40 บาท แต่จำเลยจะขอเงินในกระเป๋าอีก แต่ถูกปฏิเสธ จึงใช้ท่อนไม้ตีผู้เสียหายที่ศีรษะ และตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บแล้วชิงเอา รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน ทะเบียน สธฉ กทม. ราคา 50,000 บาท ของผู้เสียหายหลบหนีไป ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจจับกุมได้พร้อมรถของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยัน สามารถจดจำใบหน้าจำเลยทั้งสองได้อย่างแม่นยำ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาฐานร่วมกันชิงทรัพย์ฯ จำคุก 15 ปี และฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 2 เดือน รวมจำคุกคนละ 15 ปี 2 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 7 ปี 7 เดือน โดยให้บวกโทษจำคุกนายกตัญญู จำเลยที่ 1 อีก
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1236 ครั้ง