วันที่ 5 พ.ย.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า ได้จับกุมเครือข่ายลักลอบค้าอาวุธสงคราม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการประสานงานจากกรมสรรพาวุธทหารบก จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีนายศักดิ์ชัย เลิศเสถียร อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/333 ถนนทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ลูกจ้างฝ่ายเอกสาร สังกัดโรงงานอาวุธ ปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่กรมสรรพาวุธทหารบก
นายธาริต กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2552 นายศักดิ์ชัย ได้ติดต่อแหล่งข่าวว่าต้องการขายลำกล้องปืน เอ็ม 16 จำนวน 5 ลำกล้อง ในราคา 15,000 บาท จนเมื่อเดือนสิงหาคม 2553 นายศักดิ์ชัยได้เสนอขายซองกระสุน อาวุธปืนเอ็ม 16 ให้กับแหล่งข่าว จำนวน 20 ซอง ราคาซองละ 650 บาท เป็นเงิน 13,000 บาท แหล่งข่าวจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีนายศักดิ์ชัย จากนั้นจึงได้ส่งมอบลำกล้องปืน ซองกระสุนให้แหล่งข่าว ต่อมาจึงได้ติดต่อมายังแหล่งข่าวว่าต้องการซื้อเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม. จากแหล่งข่าว จำนวนหลายครั้ง และได้มีการขอดูอาวุธสงครามดังกล่าวก่อนตกลงซื้อขาย
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ต่อมาแหล่งข่าวได้แจ้งว่านายศักดิ์ชัย ได้ติดต่อขอซื้อเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม. โดยนัดส่งมอบบริเวณลานจอดรถ ห้างบิ๊กซีวงศ์สว่าง จึงได้วางกำลังเข้าจับกุมตัวนายศักดิ์ชัย ได้ในขณะที่ส่งมอบเงินจำนวน 80,000 บาท ให้กับแหล่งข่าวและขนอาวุธสงครามไปไว้ในรถยนต์ยี่ห้อ บีเอ็มดับบลิว หมายเลขทะเบียน ขห 2552 กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวนายศักดิ์ชัย พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
จากการขยายผล มีหลักฐานน่าเชื่อได้ว่ายังมีนายธีรวุฒิ ศรัทธาบุญ นายขจรพันธุ์ สว่างพงษ์ และนายนภดล หรือโย่ง พิงคะสัน เป็นเครือข่ายร่วมกับผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุมนายธีรวุฒิ ได้ที่บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 8 ต.ธารทอง อ.พาน จ.เชียงราย และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่สืบสวนสะกดรอยได้ เข้าทำการจับกุม จ่าสิบตรี ขจรพันธุ์ สว่างพงษ์ ได้ที่กรมสรรพวุธทหารบกอย่างไรก็ตามในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับนายนภดล หรือโย่ง พิงคะสัน ยังคงหลบหนีการจับกุม และจากการสอบสวนขยายผลสืบทราบว่า จะมีการนำอาวุธสงครามที่ซื้อได้ไปที่ จ. เชียงราย ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะทำการขยายผลเพื่อดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายธาริต กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2552 นายศักดิ์ชัย ได้ติดต่อแหล่งข่าวว่าต้องการขายลำกล้องปืน เอ็ม 16 จำนวน 5 ลำกล้อง ในราคา 15,000 บาท จนเมื่อเดือนสิงหาคม 2553 นายศักดิ์ชัยได้เสนอขายซองกระสุน อาวุธปืนเอ็ม 16 ให้กับแหล่งข่าว จำนวน 20 ซอง ราคาซองละ 650 บาท เป็นเงิน 13,000 บาท แหล่งข่าวจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีนายศักดิ์ชัย จากนั้นจึงได้ส่งมอบลำกล้องปืน ซองกระสุนให้แหล่งข่าว ต่อมาจึงได้ติดต่อมายังแหล่งข่าวว่าต้องการซื้อเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม. จากแหล่งข่าว จำนวนหลายครั้ง และได้มีการขอดูอาวุธสงครามดังกล่าวก่อนตกลงซื้อขาย
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ต่อมาแหล่งข่าวได้แจ้งว่านายศักดิ์ชัย ได้ติดต่อขอซื้อเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม. โดยนัดส่งมอบบริเวณลานจอดรถ ห้างบิ๊กซีวงศ์สว่าง จึงได้วางกำลังเข้าจับกุมตัวนายศักดิ์ชัย ได้ในขณะที่ส่งมอบเงินจำนวน 80,000 บาท ให้กับแหล่งข่าวและขนอาวุธสงครามไปไว้ในรถยนต์ยี่ห้อ บีเอ็มดับบลิว หมายเลขทะเบียน ขห 2552 กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวนายศักดิ์ชัย พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
จากการขยายผล มีหลักฐานน่าเชื่อได้ว่ายังมีนายธีรวุฒิ ศรัทธาบุญ นายขจรพันธุ์ สว่างพงษ์ และนายนภดล หรือโย่ง พิงคะสัน เป็นเครือข่ายร่วมกับผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุมนายธีรวุฒิ ได้ที่บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 8 ต.ธารทอง อ.พาน จ.เชียงราย และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่สืบสวนสะกดรอยได้ เข้าทำการจับกุม จ่าสิบตรี ขจรพันธุ์ สว่างพงษ์ ได้ที่กรมสรรพวุธทหารบกอย่างไรก็ตามในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สำหรับนายนภดล หรือโย่ง พิงคะสัน ยังคงหลบหนีการจับกุม และจากการสอบสวนขยายผลสืบทราบว่า จะมีการนำอาวุธสงครามที่ซื้อได้ไปที่ จ. เชียงราย ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะทำการขยายผลเพื่อดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2031 ครั้ง