รูปภาพ : นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาตารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ล่าสุดได้ออกมาปกป้องการตัดสินใจเรื่องมาตรการ QE ของเขาที่จะพิมพ์เงินดอลลาร์กว่า 600,000 ล้านเหรียญออกมาจนโดนทั่วโลกสวดยับ
ที่มา : Bloomberg
กองทุนน้ำมันแห่งชาติ หรือ National Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของคาซัคสถานเตรียมลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลบราซิลและเกาหลีใต้ จากการเผิดเผยของนายกริกอรี่ มาร์เชนโก้ ประธานธนาคารกลางคาซัคสถาน
“จะไม่มีการตัดลดสัดส่วนการลงทุนของกองทุนน้ำมันแห่งชาติในพันธบัตรสหรัฐฯแบบฮวบฮาบ” นายมาร์เชนโก้กล่าวเมื่อครั้งให้สัมภาษณ์ในนครอัลมาตี้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “ในทางทฤษฎี ส่วนแบ่งควรถูกตัดเหลือ 35% จาก 40% แต่เรื่องนี้ต้องเป็นการตัดสินใจที่มีการพิจารณาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน”
กองทุนน้ำมันซึ่งบริหารโดยธนาคารกลางอาจลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯและพันธบัตรของประเทศสมาชิกเงินยูโรขณะที่เพิ่มการลงทุนในประเทศเกิดใหม่ไปที่ 10% นายมาร์เชนโก้กล่าว กองทุนควรมองหาความเป็นไปได้ในการซื้อตราสารหนี้ของประเทศที่มีเครดิตเรตติ้งที่สูงเช่น บราซิล แล เกาหลีใต้ เขากล่าว
ประเทศคาซัคสถานซึ่งมีสำรองน้ำมันกว่า 3% ของโลกจากข้อมูลของบีพี ได้ตั้งกองทุนน้ำมันแห่งชาติขึ้นมาในปี 2000 เพื่อป้องกันผลกระทบจากการตกลงของราคาน้ำมัน สินทรัพย์ของกองทุนเพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 5 ล้านล้านเตงก์ (33,900 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 10 เดือนแรกของปีเนื่องจากรายได้จากภาษีอุตสาหกรรมน้ำมันกลบผลขาดทุนมูลค่า 161,400 ล้านเตงก์ลงไปได้ จากข้อมูลรายงานทางบัญชีของกองทุนที่โพสต์ในเว็บไซต์กระทรวงการคลัง
นายมาร์เชนโก้กล่าวอีกว่า กองทุนรัฐบาลคาซัคถือครอง 80% ของสินทรัพย์ไว้ในพันธบัตรและ 20% ในหุ้น โดยกลุ่มสินทรัพย์อ้างอิงในตราสารหนี้ของกองทุนประกอบไปด้วยพันธบัตรสหรัฐฯที่มีอายุ 1-5 ปี 40%, พันธบัตรประเทศเขตเงินยูโรทีมีเรตติ้ง AA ถึง AAA ทีมีอายุไถ่ถอน 1-10 ปี จำนวน 35% และพันธบัตรอายุ 1-10 ปีของอังกฤษและญี่ปุ่นอย่างละ 10% และพันธบัตรของออสเตรเลียอายุ 1-10 ปี 5% จากข้อมูลของธนาคารกลางคาซัคสถาน
หลักทรัพย์ของจีนและอินเดีย
กองทุนรัฐบาลคาซัคได้ขายพันธบัตรรัฐบาลกรีก สเปน และโปรตุเกสออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามกองทุนไม่ได้ประสบผลขาดทุน “แบบจำเพาะเจาะจง” นายมาร์เชนโก้กล่าว
“เราปิดสถานะ (หมายถึงขายพันธบัตร) พวกนั้นด้วยตัวของเราเองและเตือนไปยังผู้จัดการกองทุนภายนอก (หมายถึงผู้จัดการกองทุนที่ทางรัฐบาลว่าจ้างและให้โควตาเงินลงทุนและนโยบายการลงทุนกว้างไป เรียก external manager) ซึ่งคอยสนับสนุนการตัดสินใจของเรา” เขากล่าว “ผู้จัดการบางรายเสนอให้เราคงไว้แต่พันธบัตรเยอรมัน ฝรั่งเศส และของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย แต่เราปรับสถานะในลักษณะที่เป็นทางสายกลางและตัดทิ้งทางเลือกที่สุดโต่งทั้งหลายออกไป”
กองทุนอาจลงทุนในหลักทรัพย์ของจีนและอินเดีย “แต่คำถามของความสะดวกในการแลกเปลี่ยนของเงินท้องถิ่นกับเงินตราต่างประเทศก็จะถูกตั้งขึ้นมาทันที” นายมาร์เชนโก้กล่าว “แนวโน้มคือ เราต้องการมองไปยังประเทศกำลังพัฒนามากขึ้นซึ่งต้องเป็นประเทศที่ไม่ผูกติดกับการผลิตโภคภัณฑ์มากนักแบบเรา”
นายมาร์เชนโก้กล่าวว่า ธนาคารกลางจะดูผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วงครึ่งหลังของปีก่อนทำการตัดสินใจลงทุนในทางกลยุทธ์หลังจากผลขาดทุนช่วงครึ่งแรกของปี
“ดัชนีหุ้นเพิ่มได้อย่างมาก็แค่ 8% เท่านั้น ขณะที่รายได้จากหลักทรัพย์รัฐบาลเกือบเท่าศูนย์” เขากล่าว “แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องโยกเงินไปยังเครื่องมือทางการเงินใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากความเสี่ยงสูงกว่าและเราอาจเพิ่มผลขาดทุนก็เป็นได้ งานของเราคือต้องไม่หัวเสียและทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป”
รัฐบาลคาซัคสถานได้ใช้เงินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์จากกองทุนน้ำมันในเดือนตุลาคม 2008 เพื่อเข้าไปอุ้มธนาคารพาณิชย์และบริษัทต่างๆหลังจากตลาดสินเชื่อหดหยุดชะงักลงอย่างแรงและฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลกล่าวในเดือนมกราคมว่า กองทุนจะใช้เงิน 8,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม
รัฐบาลยังมีแผนที่จะเพิ่มขนาดสินทรัพย์ของกองทุนเป็น 90,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 จากคำสั่งที่ลงนามโดยประธานาธิบดีนุรสุลต่าน นาฐาร์บาเยฟเมื่อเดือนเมษายน
ที่มา Bloomberg