ฝนหนักระลอก2 ตกติดต่อกัน 2 วันในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหลายแห่ง สุราษฎร์ฯริมฝั่งแม่น้ำตาปี-แม่น้ำพุมดวงเอ่อท่วมบ้านเรือน ส่วนพัทลุงสั่งปิดโรงเรียน 207 แห่ง
วันที่ 10 พ.ย.หลังจากฝนตกหนัก 2 วันติดต่อกันทำให้ระดับน้ำในลำคลองต่างๆใน จ.นครศรีธรรมราชเริ่มมีระดับสูงขึ้นมาอีกครั้งหลังจากระดับน้ำเริ่มลดลงไปเมื่อ 2-3 วันก่อน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช เช่น ชุมชนท่าโพธิ์ ชุมชนบ่อทรัพย์ ชุมชนเตาหม้อ รวมทั้งหลายพื้นที่ก็เริ่มจะมีน้ำท่วมสูงขึ้นมาอีก ในระดับที่ระดับน้ำในคลองนครน้อย ช่วงเขื่อนนครน้อย เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้เข้าบริหารจัดการน้ำอีกครั้งเพื่อป้องกันน้ำทะลักในตัวเมืองชั้นใน ขณะเดียวกันในอำเภอรอบนอกปริมาณน้ำในลำคลองสายต่างๆ เริ่มทะลักเข้าท่วมหลายจุดเช่น อ.พระพรหม อ.ร่อนพิบูลย์ เป็นต้น
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทางนายอำเภอในพื้นที่ที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม ประกอบด้วย อ.ลานสกา บพิตำ สิชล ขนอม ฉวาง ร่อนพิบูลย์ และอ.พิปูน เตรียมพร้อมและรีบอพยพราษฎรที่อาศัยบริเวณเชิงเขาไปอยู่ในที่ปลอดภัยโดยเร็วทันทีเนื่องจากพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่เสี่ยงภูเขาอุ้มน้ำไว้เต็มที่ อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ที่หมู่ 8 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ ชาวบ้าน กว่า 200 คน ที่มีบ้านพักและขึ้นไปทำสวนบนเขารามโรม ได้ทยอยอพยพลงมาอยู่บ้านพักด้านล่างเพื่อความปลอดภัยแล้ว หากมีฝนตกหนักเช่นนี้ติดต่อกัน 3-4 ชั่วโมง อาจจะเกิดน้ำป่าไหลหลากอีกครั้ง
สุราษฎร์ฯเร่งอพยพชาวบ้านริมทะเลไชยาและท่าชนะ
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีฝนลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตาปี และ แม่น้ำพุมดวง มีปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้นและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นระลอกที่ 2 มีสภาพแช่ขังร่วม 1สัปดาห์ และทะเลมีคลื่นลมแรงกระโชกแรง มีคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
นายโชตินรินทร์ เกิดสม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ชาวประมงพื้นบ้านพื้นที่ ต.พุมเรียง อ.ไชยา และ ต.ท่ากระจาย อ.ท่าชนะ ที่พักอาศัยอยู่ริมชายฝั่งทะเล ได้เฝ้าระวังและเตรียมอพยพหากสถานการณ์รุนแรง เนื่องจากมีคลื่นลมแรง
นายเกษม ซ้ายคล้าย ผู้ช่วย ผอ.เขื่อนรัชชประภา อ.บ้านตาขุน กล่าวว่า ทางเขื่อนได้หยุดการระบายน้ำ และไม่ได้เดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้ามาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อลดปริมาณน้ำลงสู่คลองพุมดวง และลดผลกระทบพื้นที่ใต้เขื่อน โดยให้ศูนย์ควบคุมฯไฟฟ้าภาคใต้รับกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าราชบุรีและโรงไฟฟ้าขนอมเป็นการทดแทน โดยปริมาณน้ำในเขื่อนขณะนี้มีเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าทางเขื่อนจะปล่อยน้ำออกมา
พัทลุงสั่งปิดโรงเรียน 270 แห่งไม่มีกำหนด
ฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้โรงเรียนในพื้นที่ จ.พัทลุง จำนวน 270 แห่ง ที่เปิดการเรียนการสอนมาได้ 2วัน ต้องปิดไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้นักเรียนได้กลับบ้านโดยเร็ว เนื่องจากหวั่นความปลอดภัย จากฝนตกหนักและน้ำท่วม
ขณะที่ทางจังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณที่ลาดเชิงเขาบรรทัด ที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหล ของ อ.ตะโหมด, อ.ศรีบรรพต, อ.ศรีนครินทร์, อ.กงหรา อ.ป่าบอน อ.ป่าพะยอม และบริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา อ.เมืองพัทลุง, อ.ควนขนุน, อ.เขาชัยสน และ อ.บางแก้ว ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม
นอกจากนี้สำนักงานชลประทานพัทลุงก็ได้เร่งปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำคลองป่าบอน และอ่างเก็บน้ำป่าพะยอม เพื่อเร่งระบายน้ำออก เนื่องจากหวั่นเกรงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างมากเกินที่สันเขื่อนจะรับได้
ฝนตกทั้งวันเทศบาลเมืองตรังสำลักน้ำ
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา เริ่มทำให้เกิดน้ำท่วมขังขึ้นมาบ้างแล้ว โดยมีระดับสูง 30-50 เซนติเมตร ทำให้รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ เช่น ถนนพัทลุง บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ถนนบริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาลวัดควนขัน ถนนเจิมปัญญา หน้าโรงเรียนดรุโณทัย ส่วนพื้นที่อำเภอนาโยง ระดับน้ำในคลองนางน้อย ก็เริ่มสูงขึ้นอีกครั้งจนล้นตลิ่ง ทำให้ประชาชนหลายครัวเรือนต้องเตรียมตัวอพยพข้าวของ
ทั้งนี้แม้ว่าพื้นที่ต่างๆ ระดับน้ำได้ลดลงกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว 90 % ยกเว้นบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำตรัง ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่บางส่วน ของ 3 อำเภอ 8 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อำเภอเมืองตรัง 14 หมู่บ้าน อำเภอวังวิเศษ 4 หมู่บ้าน และอำเภอกันตัง จำนวน 3 หมู่บ้าน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1877 ครั้ง