“จิ๋ว” เหิมอีกแล้ว ดึงสถาบันคลุกการเมือง เผยบ้านเมืองมีปัญหาพระองค์เสด็จลงมาแก้ก็จบ ตอกย้ำทำหนังสือกราบบังคมทูลแล้ว บังอาจหนักคิดแทน บอกพระองค์ท่านทรงคิดมาก มีคนไปต่อว่าทำให้ทรงลังเล ไปไกลหนักข้อชี้หากสถาบันยังนิ่งทหารจะทำเอง ดูได้จากประวัติศาสตร์ ฟุ้งจงรักภักดี เร็วๆ นี้จะมี “หม่อมเจ้า” เข้าพรรค “
เมื่อวันศุกร์ พรรคเพื่อไทยได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องวิกฤตการณ์การเมืองกับทางรอดประเทศ ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวเปิดสัมมนา มีการกล่าวถึงสถาบันอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการทำหนังสือกราบบังคมทูลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาแก้ปัญหาวิกฤติ ซึ่งเคยถูกวิจารณ์มาแล้วว่ามิบังควร โดย พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ คือ สถาบัน ในการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองหรือแก้ไขวิกฤติมาโดยตลอด เมื่อใดบ้านเมืองมีปัญหา หากพระองค์ท่านเสด็จลงมา ปัญหาก็จะจบง่าย ด้วยเหตุนี้ พรรคเพื่อไทยจึงได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานพระบารมี คิดว่าด้วยน้ำพระทัยที่มีต่อพี่น้องชาวไทย ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่เคยสัมผัส รับใช้สนองพระบาท จึงสัมผัสได้ แต่ทุกคนคงตระหนักดีและคงเข้าใจดีว่าพระองค์ท่านอาจทรงคิดมาก การเสด็จมาแล้วมีคนไปต่อว่า ท่านลงมายุ่งอย่างโน้นอย่างนี้ สิ่งนี้อาจทำให้ทรงลังเลพอสมควร
“เชื่อผมเถอะ คิดว่าสิ่งมหัศจรรย์ในประเทศไทยมีอยู่เสมอ เกิดขึ้นเสมอ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ถ้าสถาบันยังไม่เคลื่อนไหว สถาบันที่ทำมาโดยตลอดคือทหาร ที่ผ่านมามีการยึดอำนาจหลายครั้ง แต่เขาก็มาด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกครั้ง ในแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เขียนเหมือนกันหมด เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ประพฤติไม่ชอบธรรม กดขี่ข่มเหงราษฎร ข้าราชการ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจ และร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่” พล.อ.ชวลิตกล่าว
พล.อ.ชวลิตกล่าวต่อว่า มีคนถามจะปฏิวัติอีกไหม ได้บอกว่าปัจจุบันมีคอรัปชั่น มีการรังแกข้าราชการ ฝนตกไม่ต้องตามฤดูกาลหรือไม่ ถ้ามีทุกอย่างครบถ้วน จะรัฐประหารหรือเปล่า ก็คงตัวใครตัวมัน ตอบไม่ได้ ซึ่งเสียดายเป็นบ้า รู้อย่างนี้ยึดอำนาจดีกว่า ถ้ารู้วิธีสร้างประชาธิปไตย รู้อย่างนี้ทำดีกว่า ไม่ใช่อย่างที่ผ่านมายึดแล้วฉีกรัฐธรรมนูญแล้วก็ร่างใหม่ จะว่าเขาไปยุ่งก็ไม่ได้ เพราะเขามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครทำ เขาก็ต้องทำ แต่เราต้องช่วยภาวนาว่านับแต่นี้ อย่าช่วยได้ไหม ให้อยู่เฉยๆ สักพัก ทหารขอให้ใจเย็น
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ยังกล่าวว่า ประเทศจะไปทางไหนอยู่ที่นายกฯ แต่วันนี้คนเป็นนายกฯ น่าสงสารมาก เราช่วยกันให้ความสงสาร ให้กำลังใจกันดีกว่า การติติงอาจมีบ้างเป็นธรรมดา ช่วงการออกโรดแม็พ พรรคเพื่อไทยเคยเสนอแก้ปัญหาความขัดแย้งไปแล้วว่าจะแก้ได้นายกฯ ต้องนำคู่ขัดแย้งมาคุยกัน เมื่อปล่อยเผชิญหน้ากันเลยมีเหตุการณ์ 10 เม.ย. 19 พ.ค.อีก 10 ปี ก็ไม่จบ การปรองดองปัจจัยเวลาสำคัญที่สุดต้องแก้ทันที รวมทั้งนายกฯ ขอให้มีจิตใจความเป็นผู้นำ มองพี่น้องร่วมชาติว่าเป็นพี่น้อง ลูกหลาน อย่าไปมองเป็นผู้ก่อการร้าย
“วันนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องแก้ปัญหาความขัดแย้ง สร้างประชาธิปไตยให้เป็นจริงให้ได้ อย่ามองอย่างคนจบออกซ์ฟอร์ด ต้องมองในสภาวะเมืองไทยด้วย ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย หากเรารู้ปัญหาที่แท้จริง มันเกิดอะไร วันนี้สิ่งที่เจ็บปวดของคนเสื้อแดงคือไปกล่าวหาว่าเขาว่าไม่จงรักภักดี ถือเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่ถูกกล่าวหาเรื่องนี้ ทั้งที่มีอดีตนายกฯ 3 คน อดีต ผบ.ทบ. 3 คน ส่วนตัวได้ประกาศภารกิจตอนเข้ามาในพรรคแล้วว่า เพื่อพิสูจน์ว่าคนในพรรคนี้มีความจงรักภักดี ก็พิสูจน์แล้วว่าทุกคนจงรักภักดี เพียงแต่เราไม่ต้องประกาศว่าเราต้องรวมพลังเพื่อปกป้องสถาบัน เลยทนไม่ไหวบอกไปว่า เอ็งไปปกป้องอะไรท่าน มีแต่ท่านคุ้มกะลาหัวพวกเรา” พล.อ.ชวลิตระบุ
ประธานพรรคเพื่อไทยยังกล่าวว่า อีกไม่นานเกินรอ พรรคนี้จะมีเครื่องหมายแห่งความจงรักภักดีมาอยู่กับเรา หม่อมเจ้าลูกสุดท้ายยังอยากมาอยู่กับเราเลย สิ่งที่ดีที่สุดในการปกป้องสถาบัน ไม่ใช่การร้องเพลง แต่ต้องทำงานถวาย และการต่อว่าไม่จงรักภักดี ต้องเลิกทันที เคยบอกน้องๆ ยืนให้มั่น เราทำถวายด้วยจิตภักดีอย่างเดียวจบ ทำตัวเราเองให้บริสุทธิ์ดีกว่า เพราะเรามีเพื่อน มีความดีงามอยู่ในตัวอยู่แล้ว
พล.อ.ชวลิตกล่าวอีกว่า กองทัพยังต้องเป็นหลักของแผ่นดิน ที่ผ่านมาสถาบันทหารเอาแผ่นดินนี้อยู่รอดมาตลอด ขอฝากผู้นำกองทัพ ช่วยรักษาเกียรติยศ ชื่อเสียง สิ่งที่เราเชื่อเอาไว้ให้ได้ เมื่อไม่มีท่าน ก็ไม่มีชาติ ไม่มีแผ่นดิน อยากให้ทุกท่านได้คิดว่าปัญหาของชาติไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันนิดเดียว แค่แก้ให้ตรง แล้วเราจะก็ประสบแต่สิ่งดีงามในอนาคต
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1272 ครั้ง