นายกรัฐมนตรี รับปัญหาอุทกภัย ฉุด จีดีพีของไทยลง0.3%เหลือ 7.7 %-ย้ำเวทีเอเปค ควรเน้นการค้าคู่มิติสมดุลทางสังคม
ก่อนเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 18 ณ เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พบและหารือข้อราชการกับนายเซบัสเตียน ปิเญร่า เอเซนีก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐชิลี ซึ่งผู้นำชิลี ได้ชื่นชมและขอบคุณไทยที่ส่งวิศวกร 2 คน ไปร่วมในปฏิบัติการช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ใต้เหมืองจนประสบความสำเร็จ ในโอกาสนี้ผู้นำชิลี ยังได้สอบถามถึงความเหมือนและต่างในการรวมตัวของอาเซียน และอียู ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทย ชี้แจงว่าอียูเป็นการรวมตัวในลักษณะของสหภาพ แต่อาเซียนเป็นการรวมตัวในลักษณะของประชาคม ที่เน้นความร่วมมือของชาติสมาชิก อย่างไรก็ตามนอกจาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียนก็มีความร่วมมือกรอบอื่นๆ ด้วย เช่น เกาหลี จีน และญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามในส่วนของไทยเองก็ต้องการจะขยายความร่วมมือธุรกิจกับชิลี นอกเหนือจากการผลักดันการเปิดเอฟทีเอ เช่น การใช้ช่องทางสภาธุรกิจไทย-ลาติน โดยในโอกาสพบกันครั้งนี้ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หยิบยกเรื่องค่าเงินผันผวนและเปลี่ยนทัศนะ ซึ่งส่วนของไทย นายอภิสิทธิ์ เห็นว่าไม่ได้เกิดจากปัญหาค่าเงินบาท แต่เกิดจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ดังนั้นแนวทางแก้ไขอาจมีการพิจารณาเรื่องการสำรองเงินตราต่างประเทศโดยเพิ่มเงินสกุลอื่นๆ มาแทนเงินดอลลาร์สหรัฐให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาอุทกภัย ว่า อาจกระทบต่อจีดีพีของไทย ประมาณร้อยล 0.3 ทำให้อัตราที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 8 อยู่ที่ร้อยละ 7.7 ซึ่งผู้นำชิลีได้แสดงความชื่นชมว่าตัวเลขดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมภาพรวมของเศรษฐกิจโลกโดยรวม เนื่องจากปีหน้าคาดการณ์ว่าอัตราเศรษฐกิจของโลกอยู่ที่ร้อยละ 4
นอกจากหารือทวิภาคีกับผู้นำชิลีแล้ว เวลาต่อมานายกรัฐมนตรียังได้หารือทวิภาคีกับนายอลัน การ์เซีย เปเรซ ประธานธิบดีสาธารณรับเปรู ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความพอใจว่า 9 เดือนที่ผ่านมาตัวเลขการค้าระหว่างกันเพิ่มมากกว่าร้อยละ 250 แต่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะแสวงหาความร่วมมือเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าต่อกันอีก ซึ่งกรอบการค้าระหว่างไทยและชิลี กำลังเข้าสู่การพิจารณาเพื่อขออนุมัติรัฐสภาตามมาตรา 190 ประมาณสัปดาห์หน้า และนอกจากกรอบข้อตกลงที่จะมีในอนาคตแล้วนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าการเปิดเสรีทางการค้าจะเป็นอีกช่องทางที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันมากขึ้นด้วย
ในโอกาสที่ได้พบกับนายอภิสิทธิ์ ผู้นำเปรู ยังได้สนใจและสอบถามถึงกลวิธีที่ไทยใช้ในการประชาสัมพันธ์จนทำให้อาหารไทยเป็นที่ยอมรับในประชาคมโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ระบุ นอกจากฝ่ายไทยแล้ว การได้รับโอกาสถือว่ามีส่วนสำคัญ เช่น ล่าสุดไทยได้รับโอกาสจากทางการจีนให้นำผลไม้ไทย ไปเผยแพร่ในมหกรรมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวานนี้ (12 พ.ย. 53) ด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมในเวทีเอเปก นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำจุดยืนอีกครั้งว่าเวทีเอเปกไม่ควรเน้นการเติบโตเพียงเพื่องการค้า แต่ควรเน้นเรื่องความสมดุลในมิติทางสังคมด้วย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานผลสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ขณะนี้ มีพื้นที่ประสบปัญหาอยู่ทั้งสิ้น 13 จังหวัด 57 อำเภอ 418 ตำบล 2,852 หมู่บ้าน 240,370 ครัวเรือน 827,599 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 6,316,156 ไร่ ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นนทบุรี และปทุมธานี และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 152 ราย
ส่วนพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้ มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ทั้งสิ้น 6 จังหวัด 67 อำเภอ 486 ตำบล 3,575 หมู่บ้าน 263,330 ครัวเรือน 856,717 คน ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 63
พร้อมกันนี้ ปภ. ยังสรุปพื้นที่ประสบภัยหนาว และประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน แล้ว 13 จังหวัด 174 อำเภอ 225 ตำบล
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1622 ครั้ง