เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นางออง ซาน ซูจี สัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกักบริเวณในบ้านพักแล้ว หลังจากที่ครบกำหนดตามคำสั่งของศาล โดยซูจีออกมาปรากฎตัวและทักทายฝูงชนนับพันที่มาปักหลักเฝ้ารอคอยวินาทีที่ซูจีได้รับอิสรภาพตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีข่าวลือว่าซูจีอาจได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซูจีปรากฎกายขึ้นที่ประตูบ้านพักริมทะเลสาปอินเลเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ตามเวลาในไทย นับเป็นการได้รับอิสรภาพครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยเธอได้โบกมือและยิ้มให้กับกลุ่มผู้สนับสนุนที่พากันปรบมือและส่งเสียงเชียร์
ซูจีกล่าวกับฝูงชนว่า ถึงเวลาที่ต้องมาพูดคุยกัน ประชาชนต้องร่วมกันทำงานโดยพร้อมเพรียง เพราะมีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายของเราได้ จากนั้นซูจีได้ขอให้กลุ่มผู้สนับสนุนกลับมาเจอเธออีกครั้งหนึ่งที่ที่ทำการพรรคในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้เพื่อฟังสิ่งที่เธออย่างจะพูด เพราะไม่อาจตะโกนแข่งกับเสียงของฝูงชนจำนวนมากที่มาให้กำลังใจได้ จากนั้นซูจีได้กลับเข้าไปยังบ้านพักแต่ฝูงชนก็ยังคงจับกลุ่มอยู่หน้าบ้านพักของซูจี
สำหรับวาทะสำคัญที่ ซูจี กล่าวถึงฝูงชนคือ
” People must work in Unison. Only then Can we achieve our goal. “
” ประชาชน ต้องทำงาน เป็นเอกภาพ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเรา”
มีรายงานด้วยว่าซูจีได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของเธอต่อทันที นับเป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยผู้บริหารอาวุโสของพรรคต่างทยอยเดินทางเข้าไปยังบ้านพักริมทะเลสาบของซูจีอย่างต่อเนื่อง สื่อต่างประเทศตีความว่าคำประกาศของซูจีแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยในพม่าต่อไป
แม้ว่าซูจีจะปรากฏตัวต่อสาธารณชนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลพม่าหรือจากพรรคของซูจีว่าสถานะของซูจีในขณะนี้คือได้รับการปล่อยตัวอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ ก่อนหน้านั้น กลุ่มผู้สนับสนุนซูจีเกือบจะก่อเหตุปะทะกับตำรวจปราบจลาจลกว่า 30 นายที่มาคอยควบคุมสถานการณ์ที่หน้าบ้านพัก หลังจากที่ฝูงชนซึ่งรอคอยมายาวนานกว่า 2 วัน ไม่ได้รับสัญญาณที่ชัดเจนว่าซูจีจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนตะโกนร้องให้ปล่อยตัวซูจีจนตำรวจซึ่งมีอาวุธครบมือต้องออกคำสั่งให้กลุ่มผู้สนับสนุนถอยห่างไปจากรั้วกั้น ท่ามกลางตำรวจนอกเครื่องแบบของพม่าที่คอยเก็บภาพกลุ่มผู้สนับสนุนซูจีอย่างละเอียด
ขณะที่บรรยากาศทั่วไปในกรุงย่างกุ้งมีการจัดวางมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการจัดเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลเต็มคันรถบรรทุกวิ่งไปมารอบเมืองและคอยจอดดูสถานการณ์
อิสรภาพของซูจีได้รับเสียงตอบรับด้วยความยินดีจากนานาประเทศ ไม่ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ที่ระบุว่าซูจีเป็นฮีโร่ของเขา และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชนในพม่าและในโลก ความพยายามที่จะโดดเดี่ยวและทำให้ซูจีเงียบเสียงของรัฐบาลทหารพม่า กลับยิ่งทำให้ซูจีต่อสู้ด้วยความกล้าหาญเพื่อประชาธิปไตย สันติภาพ และการเปลี่ยนแปลงในพม่า ด้านสหภาพยุโรปเตือนให้รัฐบาลพม่าให้ความเคารพต่อเสรีภาพในการเคลื่อนไหวและแสดงความเห็นใดๆ ของซูจี เพราะการปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
นางนาวี พิเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า การปล่อยซูจีเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าพม่าตั้งใจที่จะเดินหน้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งซูจีสามารถมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศไปสู่กระบวนดังกล่าวได้ ขณะที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า การปล่อยซูจีเป็นเพียงกลทางการเมืองของรัฐบาลพม่าที่จะลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านไป พร้อมกับเรียกร้องให้พม่าปล่อยนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ที่ยังถูกจองจำด้วย
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไทยออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลไทยยินดีอย่างยิ่งที่ซูจีได้รับการปล่อยตัว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในกระบวนการปรองดองแห่งชาติและกระบวนการประชาธิปไตยของพม่า โดยรัฐบาลไทยหวังว่าซูจีจะได้มีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเสริมสร้างชาติพม่า พร้อมกับยืนยันความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ของพม่าในความพยายามดังกล่าว เพื่อสันติภาพ การพัฒนา ความมั่งคั่งของพม่า และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนพม่า
นักวิเคราะห์ มองว่า การให้อิสรภาพกับซูจีถูกมองว่าเป็นแผนการอีกขั้นหนึ่งของกองทัพพม่าเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง หลังจากที่จัดการเลือกตั้งไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะถูกประณามจากนานาชาติว่าเป็นเพียงการถอดชุดทหารแปรสภาพมาเป็นรัฐบาลพลเรือนเท่านั้น ทั้งนี้ การปล่อยตัวซูจีถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวที่ช่วยกู้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลทหารพม่า และทำให้ประเทศตะวันตกทบทวนมาตรการคว่ำบาตรพม่า เพื่อให้กองทัพพม่าได้มีเวลาพักหายใจ แม้จะยังมีความเคลือบแคลงสงสัยว่าพม่าสนใจเรื่องภาพลักษณ์ตนเองในสายตาตะวันตกจริงหรือไม่ เมื่อการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นได้รับเสียงสนับสนุนโดยพร้อมเพรียงจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับพม่าอย่างใกล้ชิดอย่างจีน
อย่างไรก็ดี อิสรภาพของซูจีอาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่หลวงให้รัฐบาลทหารพม่า เมื่อซูจีเคยประกาศสนับสนุนแนวทางโดดเดี่ยวรัฐบาลพม่า และยังพร้อมจะร่วมช่วยหาข้อพิสูจน์ว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติหลายคนออกมาแสดงความหวั่นวิตกถึงผลกระทบจากการสู้รบที่เพิ่งเกิดขึ้นด้านชายแดนไทย พร้อมกับย้ำถึงข้อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองกว่า 2,200 คนในพม่า เพราะแม้ว่าการเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านพ้นไปจะถูกขนานนามว่าเป็นขั้นแรกของโรดแมปสู่ประชาธิปไตย 7 ขั้นของพม่า แต่การปะทะกันมีผู้หนีภัยสู้รบเข้ามายังประเทศไทยย้ำให้เห็นถึงปัญหาท้าทายอีกมากมายที่พม่าต้องเผชิญ และหนทางไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องรวมถึงการเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงออง ซาน ซูจี ชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ที่ถูกปฏิเสธไม่ให้มีส่วนในกระบวนการเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านพ้นไป
ทางด้านสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่านั้น เหตุการณ์ทั่วไปตามแนวชายแดนยังสงบ ทั้ง อ.พบพระ และ อ.แม่สอด จ.ตาก ล่าสุดทหารพม่าค้นบ้านพักของญาติๆ นายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ ใน จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด ของกลุ่ม พ.อ.นะเคามวย ผู้บัญชาการกะเหรี่ยงดีเคบีเอ พบอาวุธเอ็ม 16 และอาก้า จำนวน 14 กระบอก รวมทั้งกระสุนอาร์พีจีและเอ็ม 79 จำนวนมาก บริเวณบ้านอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเมย ซึ่งทหารพม่าได้ยึดอาวุธไปทั้งหมด แต่ไม่พบญาติๆ ของ พ.อ.นะเคามวย
ส่วนทางด้านแนวชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นายจำรัส กังน้อย นายอำเภอสังขละบุรี กล่าวว่า สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ปกติ ร้านค้าบริเวณด่านเจดีย์สามองค์เริ่มเปิดกิจการเกือบ 100% แล้ว และถือว่าฝั่งไทยสถานการณ์ปลอดภัย 100%
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1293 ครั้ง