วันที่ 19 พ.ย. ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกคำสั่ง โดยระบุว่า ตามการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี นั้น เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการป้องกันเหตุร้ายแรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จึงออกคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ / ห้ามบุคคลใด ครอบครองหรือจำหน่าย จ่าย แจก วัตถุทุกชนิด ที่ทำให้ปรากฏความหมายในลักษณะยั่วยุ ปลุกระดม หรือสร้างความปั่นป่วน โดยให้ยึดหรืออายัด วัตถุเหล่านั้นได้ โดยหากผู้ใดฝ่าฝืน ข้อห้ามตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ วัตถุทุกชนิด อาทิ การจ่ายแจกสินค้า เสื้อผ้า หรือวัตถุที่มีการพิมพ์ เขียน วาดภาพ ถ่ายภาพ ที่ทำให้เกิดการยั่วยุ ปลุกระดม ทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ขณะที่คำสั่งดังกล่าวได้ออกมาในวันเดียวกับที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้นัดชุมนุม เชิงสัญลักษณ์ ในโอกาสครบรอบ 6 เดือนการชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้จัดกิจกรรมชุมนุมที่บริเวณเรือนจำบางขวาง สำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และบริเวณสี่แยกราชประสงค์ อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำวัตถุ สินค้า ภาพวาด ภาพถ่ายที่ออกไปทางยั่วยุปลุกระดม ไปเผยแพร่ในหลายพื้นที่การชุมนุมแล้ว
สถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงเย็นที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามใช้แนวรั้วแผงเหล็กสกัด เพื่อจำกัดบริเวณการชุมนุม แต่ก็ไม่อาจต้านทานผู้ชุมนุมที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ในที่สุดผู้ชุมนุมก็ขยายพื้นที่ครอบคลุมแยกราชประสงค์ได้แล้ว ทำให้ไม่สามารถใช้เส้นทางการจราจรจากถนนต่างๆ โดยรอบเข้ามาในบริเวณนี้ได้ ยกเว้นเพียงรถที่ตกค้างสะสม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งระบายรถ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พยายามเจรจาขอคืนพื้นที่แยกราชประสงค์จากผู้ชุมนุมแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
เวลา 19.00น. หลังจากที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศยุติการชุมนุม มวลชนคนเสื้อแดงได้ทยอยเดินทางกลับ พร้อมกับสถานการณ์ที่เข้าสู่สภาวะปกติ โดยการจราจรที่เป็นอัมภาตในช่วงก่อนหน้านี้ ก็ได้เปิดให้รถสัญจรได้ บรรดากลุ่มผู้ชุมนุม ต่างทยอยเดินทางกลับทันที ส่งผลให้การจราจรที่เคยติดขัด และต้องปิดเส้นทางการจราจรในบางจุด อาทิ ถนนราชดำริ จากแยกประตูน้ำ ถึงแยกราชประสงค์ ถนนพระรามที่ 1 และถนนราชดำริ ต้องปิดเส้นทางการจราจร ไปโดยปริยาย กลับมาใช้ได้ตามปกติแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังที่กลุ่มผู้ชุมนุม เดินทางกลับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบความเรียบร้อย พื้นที่การชุมนุม รวมถึงเจ้าหน้าที่ เทศกิจจากกรุงเทพมหานคร ได้เข้าทำความสะอาด พื้นที่บริเวณโดยรอบ ซึ่งเบื้องต้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ยังไม่พบวัตถุต้องสงสัย หรือเป็นอันตรายในพื้นที่การชุมนุมแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 19.15น. ได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นที่หน้ารร.แกรนด์ ไฮแอท ตำรวจจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ พบนายฉลวย รุ่งรัช 41 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง อยู่ในอาการมึนงง จอดรถอยู่ข้างทาง โดยให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนได้ขับรถมาทางถ.ราชดำริ และเมื่อถึงที่เกิดเหตุ ได้พบชายจำนวนสองคนสวมเสื้อสีดำ ขับรถจักรยานต์ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ โยนประทัดยักษ์ออกมาเกิดเสียงดังสนั่น และเกิดอาการหูอื้อ พร้อมกับมีอาการบาดเจ็บบริเวณชายโครง หลังจากที่ตำรวจมาตรวจสอบแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1329 ครั้ง