บรรยากาศการซื้อขายกระทงและวัสดุทำกระทงทั่วประเทศไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากใบตองและต้นกล้วยขาดแคลนอย่างหนัก เพราะสวนกล้วยทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่จนได้รับความเสียหายจำนวนหลายพันไร่ โดยเฉพาะที่ อ.ไชโย อ.เมือง และ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคากระทงพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยกระทงขนาดเล็กราคาขยับขึ้นกว่าใบละ 50-60 บาท จากเดิมขายใบละ 10-30 บาท ส่วนกระทงขนาดใหญ่มีราคาสูงถึงใบละ 100-150 บาท จากเดิมราคาไม่ถึง 100 บาท
อย่างไรก็ดี ทำให้พ่อค้าแม่ค้าบางรายต้องหันไปใช้วัสดุอื่นทำกระทงแทน เช่น ขนมปัง และสิ่งที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ก็มีพ่อค้าแม่ค้าบางรายหันกลับไปใช้โฟมแทนหยวกกล้วย ทั้งที่มีการรณรงค์ให้ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ เพื่อเป็นการรักษาแม่น้ำ ทำให้หน่วยงานราชการหลายแห่งขอความร่วมมือในการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างเร่งด่วน
พนักงานขายร้านนนทรีเบเกอรี่ ตลาดซุ้ย จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า เทศกาลลอยกระทงปีนี้กระทงขนมปังได้รับความนิยมจากลูกค้ามาหาซื้อกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปีนี้หลายจังหวัดประสบปัญหาอุทกภัย ส่งผลให้ใบตองและหยวกกล้วยที่จะนำมาทำกระทงมีราคาแพงขึ้นกว่าทุกปี
ขณะที่นายพยอม สุขโรจน์เจ้าของตลาดศูนย์การค้า จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ได้รณรงค์ให้พ่อค้าแม่ค้าใช้พืชผักทำกระทงขายแทนใบตองและหยวกกล้วย ซึ่งขาดแคลนหนักอยู่ในขณะนี้ กระทงดังกล่าวนอกจากจะรักษาสิ่งแวด ล้อมแล้ว ยังเป็นอาหารสัตว์น้ำหลังจากย่อยสลาย
ด้านนางกานดา นามหม่อง แม่บ้านชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม กล่าวว่า กระทงโคนไอศกรีมได้รับความนิยมจากลูกค้าจนไม่สามารถผลิตได้ทัน เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสภาพแวดล้อมเหมือนกระทงโฟม แม้ว่าสร้างผลกำไรเล็กน้อย แต่ก็มีส่วนช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สำหรับการเตรียมรับมือเทศกาลลอยกระทงที่กรุงเทพฯ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ได้ระดมเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือและโป๊ะที่ถูกใช้เป็นสถานที่ลอยกระทงแห่งละ 20 นาย เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วคอยดูแลกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน
ทั้งนี้ ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง เพราะปีนี้น้ำแรงและไหลเชี่ยว คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานลอยกระทงจำนวนมาก เพราะเป็นวันหยุดราชการ โดยปีที่ผ่านมาเก็บกระทงตามแม่น้ำลำคลองได้กว่า 8 แสนใบ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1802 ครั้ง