1. นายสมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.เชียงราย 2. นายนที สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ 3. นายจิรพันธ์ ลิ้มสกุลศิริรัตน์ 4. นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายกฯ 5. นายปิยะรัช หมื่นแสน ส.ส.ร้อยเอ็ด และ 6. นายกิตติ สมทรัพย์ ส.ส.ร้อยเอ็ด และ7.นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.สัดส่วน ซึ่งส.ส. 5 คนได้ย้ายมาทำกิจกรรมร่วมกับพรรคภูมิใจไทยนานแล้วยกเว้นนายกิตติ ขณะที่นายนิคมที่จะย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อเป็นเช่นนี้ที่ประชุมจึงเกิดความวุ่นวายอย่างหนัก เนื่องจากส.ส.เนื้อแท้ของพรรคเพื่อไทยได้ตะโกนไม่ยอมรับการเสนอสัดส่วนดังกล่าว โดยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ขอให้ผู้เสนอรายชื่อกรรมาธิการในนามพรรคเพื่อไทยถอนชื่อออกเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพรรคเพื่อไทย เนื่องจากพรรคได้มีมติไม่ร่วมเป็นกรรมการฯในครั้งนี้ด้วย แต่ก็ยังมีบุคคลอ้างเป็นสมาชิกพรรค ยืนยันว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นตนจึงอยากให้บันทึกไว้เพื่อนำไปแจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ประธานทบทวนในเรื่องนี้ วันนี้สภาฯกำลังเอาชนะคะคานกัน ทั้งที่ต้องการให้เกิดความปรองดองแต่วันนี้เป็นตัวอย่างที่จะไม่ทำให้เกิดความปรองดอง ตนเห็นว่าประธานกำลังโกหกสมาชิก
เมื่อถึงช่วงนี้นายชัย ได้สวนขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทันทีให้นายวิชาญถอนคำพูดที่กล่าวหาว่าประธานโกหก เมื่อนายวิชาญไม่ยอมถอนนายชัยจึงได้ปิดไมค์ไม่ให้พูด นายวิชาญจึงยอมถอนคำพูดในที่สุดและชี้แจงต่อโดยอ้างถึงหนังสือที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านทำถึงประธานรัฐสภาในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ยืนยันพรรคเพื่อไทยมีมติไม่ส่งบุคคลร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขดังกล่าว หากผู้ใดแอบอ้างถือว่าไม่ใช่การเสนอในนามพรรคเพื่อไทย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ขอร้องว่า บุคคลทั้ง 7 ไม่ได้ทำกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว ถ้านายปิยะรัชไม่อยากเอาหน้าซุกดิน ขอให้ถอนการเสนอชื่อทั้งหมด เพราะนายกิตติ สมทรัพย์ ส.ส.สัดส่วนแจ้งว่าถูกแอบอ้างชื่อกำลังเดินทางเข้ามายังรัฐสภาเพื่อยืนยันไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่นายชัย ชิดชอบ ได้ตัดบทให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เสนอแปรญัตติภายใน 15 วันท่ามกลางการประท้วงของส.ส.พรรคเพื่อไทย ตะโกนประท้วงลั่นห้องประชุม จนทำให้นายชัยต้องเรียกรปภ.ให้เขาดูแลโดยระบุว่า มีคนอาละวาดในห้องประชุมให้มาดูแลด้วย จากนั้นนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าทำแบบนี้ตนจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะการทำแบบนี้ไม่ถูกต้องและคนที่เสนอรายชื่อกรรมาธิการวิสามัญไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทำตามมติของพรรค ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์ในการเสนอรายชื่อ ซึ่งการกระทำดังกล่าวหวังประโยชน์ฝ่ายเดียว และถ้าคิดเอาสัดส่วนไปประโยชน์แก่รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลมันผิดหลักของรัฐธรรมนูญ และความยุ่งเหยิงในอนาคตเป็นอย่างไรหากใช้บรรทัดฐานแบบนี้ แบบนี้ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยไม่ยอมและจะส่งศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มีส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างลุกขึ้นอภิปรายตอบโต้อย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวหารายชื่อทั้ง 7 รายชื่อในสัดส่วนพรรคเพื่อไทยว่าเป็นงูเห่า และรู้กันอยู่ว่าจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยแล้วจะให้มาเสนอสัดส่วนในนามพรรคเพื่อไทยได้อย่างไรท่านต้องพิจารณา
ขณะที่นายสุวโรช พะลัง กล่าวว่า เมื่อเราลงมติเสร็จแล้ว และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแล้วก็ขอให้ดำเนินการตามระเบียบวาระไปเลย
จนท้ายที่สุดนายชัย ต้องสั่งให้วิปทั้ง 3 ฝ่ายไปหารือกัน แล้วสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที
อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นปรากฎว่าส.ส.พรรคเพื่อไทยยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความไม่พอใจนายปิยะรัช อย่างมาก โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ตะโกนลั่นห้องประชุมว่า “หากทำอย่างนี้เป็นเผด็จการรัฐสภา อยู่กันไม่ได้แล้ว ยุบสภาไปเลย “พร้อมเดินออกจากห้องประชุมทันที
ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเห็นนายปิยะรัช ซึ่งเป็นผู้เสนอรายชื่อกรรมาธิการในนามพรรคเพื่อไทย อยู่ท่ามกลางส.ส.พรรคภูมิใจไทยก็เกิดอาการหมั่นไส้ โดยนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ตะโกนด่า ว่า “ไอ้ควาย… มึงเดินออกไปทำไม ไหนบอกว่าเป็นส.ส.เพื่อไทย แต่มึงเดินออกจากคอกพรรคภูมิใจไทย ” ทำให้ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยต้องกันตัวนายปิยะรัชออกจากห้องประชุม ขณะที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวก็อย่างอารมณ์เสียเช่นกันว่า “สภาฯควาย ต่อยแม่งเลย..” นอกจากนั้นได้ถอดรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ พร้อมกล่าวว่า “กูจะถอดรองเท้าเขวี้ยงหน้าแม่ง…เลย” พูดเสร็จก็สวมรองเท้ากลับตามเดิม ขณะที่ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยก็พยายามกันนายปิยะรัชออกจากห้องประชุมเช่นกัน
ต่อมาเมื่อเวลา 18.35 น. ได้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้ง โดยมีนายชัยทำหน้าที่เป็นประธานเช่นเดิม โดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ขอให้นายกิตติ สมทรัพย์ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ชี้แจงในฐานะที่ถูกนายปิยะรัช หมื่นแสน ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แอบอ้างชื่อเสนอรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 93-98 เกี่ยวกับวิธการเลือกตั้งส.ส.และสัดส่วนส.ส. โดยนายกิตติ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีมติในการไม่ร่วมตั้งคณะกรรมาธิการฯหากมีการคว่ำร่างคปพร. แต่ปรากฎว่านายปิยรัชแอบอ้างชื่อตนไปเสนอชื่อคณะกรรมาธิการร่วมฯ จึงขอให้ประธานดำเนินการด้วย
ด้านนายชัย กล่าวว่า กระบวนการเสร็จสิ้นไปแล้ว ต้องให้กรรมาธิการฯลาออกจากการเสนอรายชื่อ จากนั้นนายชัยได้ถามหาคณะกรรมาธิการร่วมฯในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยที่ถูกเสนอชื่อว่าอยู่หรือไม่ ซึ่งปรากฎว่าไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ซึ่งทำให้นายชัยกล่าวว่าเอาอย่างนี้ตนจะขอรับผิดชอบ ให้เอาชื่อคณะกรรมากรร่วมกันฯที่นายปิยะรัช เสนอลาออกทั้งหมด
ซึ่งนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมเพื่อสอบสวนว่านายปิยรัชแอบอ้าง นำรายชื่อคณะกรรมาธิการร่วมฯมาเสนอโดยเจ้าตัวไม่ยินยอม
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเป็นประธานจริยธรรมของพรรค ซึ่งตนรู้ว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน เพราะอะไร เพราะตนรู้ว่ามีหลายใครที่ส.ส.ในพรรคเสนอชื่อตัวเองเป็นกรรมธิการ โดยไม่สนมติพรรค ซึ่งวันนี้ความใจอ่อนกลับมาฆ่าตนเอง และวันนี้เป็นความผิดของตนที่ปล่อยปละ แต่เรื่องนี้ใจอ่อนไม่ได้เพราะเป็นเรื่องในรัฐสภา วันนี้ทำไม่ได้ต้องขอให้ประธานดูระเบียบในสภาฯและขอให้ประธานรัฐสภาดูมติของพรรคเพื่อไทย เพราะตนได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรถึงประธานรัฐสภา ไม่เช่นนั้นระบบเราจะอยู่ตรงไหน เราจะอยู่หรือไม่สภาฯต้องอยู่ จะลาออกหรือไม่ลาออกไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่สภาฯต้องอยู่
ขณะที่ส.ว.ต่างแสดงความห่วงใยและไม่อยากให้ใช้เวทีรัฐสภาในการเล่นการเมือง โดยนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า มันไม่มีการเคารพกัน ในรัฐสภา ได้มีการแจ้งเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วว่าจะลดคณะกรรมาธิการฯจาก 45 คนเป็น 24 คน ซึ่งทำแบบนี้มันไม่โปร่งใส และทำให้พวกเราไม่สบายใจว่าเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่
ขณะที่นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้มีขบวนการที่ไม่ชอบมาพากล ตนขอขอบคุณวุฒิสมาชิกที่เห็นในสิ่งที่ตนเห็นเหมือนกับท่าน ซึ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการเสนอสัดส่วนคณะกรรมาธิการฯก็เป็นสิทธิ์ของพรรค
โดยนายชัย ยืนยันว่า ตนจะให้ทั้ง 7 คนลาออก และถือว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งชื่อคณะกรรมาธิการร่วมฯในสัดส่วนพรรคเพื่อไทยทั้ง 7 คนและจะถือว่าทั้งหมดได้ลาออกจากคณะกรรมาธิการร่วมฯแล้วและจะให้ทำหนังสือลาออกภายหลัง
ขณะที่นายตวง อันธะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ส.ว.พยายามอดทนอดกลั้นแม้จะกลืนเลือดตัวเอง ข้อเสนอของเราคือเราต้องการเดินไปข้างหน้า และรัฐสภาสามารถผ่านวิกฤตไปได้ ขณะที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการฆาตกรรมพรรคการเมือง ท่านเคยได้ยินกินบนเรือนขี้บนหลังคาหรือไม่ พฤติกรรมของคน 7 คนนี้เหมือนพรรคเพื่อไทยถูกปล้นแล้วเอาคนในครอบครัวไปข่มขืน ดังนั้นประธานรัฐสภาต้องหาทางออก หรือว่าจะใช้ข้อบังคับข้อ 5 ก็ได้ในการก่อให้เกิดความเรียบร้อยในที่ประชุม ไม่ใช่ปล้นไปแล้วก็ปล่อยไป ข่มขืนไปแล้วก็ปล่อยไปไม่ได้ ขณะที่นายชัย กล่าวว่า ตนบอกไปแล้ว ว่าจะให้ถือว่า 7 คนลาออกและขอยุติเพียงแค่นี้ใครไม่พอใจก็ให้ยุติกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ
สุดท้ายเมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้ลุกขึ้นหารือว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเราสามารถอะลุ่มอะลวยได้ เมื่อพรรคเพื่อไทยบอกว่าต้องให้เป็นไปตามมติของพรรคเพื่อไทยก็ควรทำแบบนั้น ซึ่งถ้าเรายอมรับว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ใช้สิทธิ์ในคณะกรรมาธิการร่วมฯก็ขอให้พักการประชุมอีก 5 นาที เพื่อไปตรวจสอบคณะกรรมาธิการร่วมฯว่าตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับเป็นอย่างไร ซึ่งหากยกเว้นข้อบังคับได้ตนก็ไม่ขัดข้องและจะให้ยกเว้นข้อบังคับการประชุม ซึ่งประธานวิปฝ่ายค้านก็ยังยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้เสนอชื่อคณะกรรมาธิการร่วมฯแต่แรก ดังนั้นไม่ต้องหารือ
เมื่อมาถึงตรงนี้นายชัยได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการนับคะแนนฯ และให้พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่รัฐบาลเสนอ แต่ส.ว.หลายคนได้ทักท้วงว่ายังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งนายชัย กล่าวว่า ตอนนี้คนที่ถูกเสนอชื่อเป็นกรรมาธิการร่วมฯได้ลาออกไปแล้ว 1 คนและภายในวันพรุ่งนี้ทั้ง 6 คนก็จะลาออกทั้งหมด
หลังจากนั้นประธานในที่ประชุมได้สั่งให้มีการลงมติในร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไข ม.190 ด้วยการขานชื่อผลรับหลักการ 354 คะแนน ไม่รับ 19 คะแนน และงดออกเสียง 17 คะแนน แล้วพิจารณาการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาต่อไป โดยมีการลงมติงดใช้ข้อบังคับเนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมเสนอซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วย
เพื่อไทยตอบโต้รัฐบาลยื่นศาลรธน.ฟ้อง”ชัย”
เมื่อเวลา 20.20 น.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. เเละนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เเถลงข่าวกรณีที่การตั้งกมธ.วิสามัญ เเก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา93-98 โดยมีการนำ 7 ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคอื่นมาเป็นกมธ.โดยที่ขัดกับมติพรรค โดยนายวิชาญกล่าวว่า ตนหารือกับนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม ในฐานะประธานจริยธรรมส.ส.พรรคเพื่อไทยเเล้ว เเละได้เรียกประชุมคณะกรรมการจริยธรรมพรรค เพื่อดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้
นายวิชาญกล่าวว่า ส่วนการพิจารณาเเก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่มีปัญหานั้น พรรคจะดำเนินการทางกฎหมายโดยจะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ในเรื่องการเสนอชื่อเเละวิธีปฏิบัติ เพราะตนเตือนนายชัยในการเเทรกเเซงการทำงานของพรรคเพื่อไทยในที่ประชุมสภาไปเเล้ว ส่วนการพิจารณาเเก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 นั้น พรรคไม่สามารถร่วมพิจารณาได้ เพราะเจตนาของฝ่ายรัฐบาลไม่มีความบริสุทธิ์ใจตั้งเเต่เเรก เเละยังดำเนินการเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในการเเก้ไขโดยวางเเผนไว้เเล้ว ตนไม่นึกว่าการกระทำเเบบนี้จะใช้สภาในการกระทำที่ไม่ชอบ เเละพรรคจะไม่ส่งส.ส.ไปเป็นกมธ.ร่างฉบับนี้ด้วย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1106 ครั้ง