พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขั้นนอนไม่หลับ คืนสุขดิบ ทวีตตอนที่ 4 คดี 7.6 หมื่นล้าน อ้างมีมาตั้งแต่ปี 2537 จำนวน 60,000 ล้าน ขณะที่การพิจารณาคดีเดินหน้า รอคำพิพากษาตอนบ่าย สื่อนอกเกาะติดสถานการณ์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ วันประติศาสตร์ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริต โดยตลอดทั้งคืนพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เป็นอันหลับนอน ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ในนาม Thaksinlive โดยส่งข้อความถึงลูกสาวคนเล็ก แพทองธาร ชินวัตร ว่า “Sleep tight, don’t worry. We will be together forever regardless what’s happening loog rak” ซึ่งแปลความคร่าวๆ มีใจความว่า “หลับเถอะไม่ต้องกังวลใจ เราจะอยู่ร่วมกันตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นลูกรัก”
ต่อจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร น้ำใจของพี่น้องคนเสื้อแดงที่คอยห่วงใยและให้กำลังใจตนและครอบครัวมาตลอด มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ตนและครอบครัวจะจดจำไปตลอดนานแสนนาน และจะไม่มีวันลืมเลือน
นอกจากนี้ ได้โพสต์ข้อความยืนยันว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินของตนและครอบครัวที่หามาได้ด้วยหยาดเหงื่อรวมทั้งมันสมอง โดยไม่ได้โกงมาอย่างที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งเมื่อปี 2537 ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ไปทั้งหมด 60,000 ล้านบาท
อนึ่ง จากการสืบค้นข้อมูลย้อนหลัง พบว่า เมื่อปี 2537 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ปกปิด ไม่แจ้งทรัพย์สิน โดยโอนหุ้นไปให้แก่คนใกล้ชิด คนขับรถ และคนรับใช้ ถือแทน มีมูลค่าหุ้นจำนวน 646.984 ล้านบาท (จากมูลค่ารวมทั้งหมดที่ครอบครองกว่า 60,000 ล้านบาท) โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้แจง ต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า เอกสารการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช.ไม่ชัดเจน อีกทั้งตนเองก็โอนหุ้นนี้ให้ภริยานานแล้ว ก่อนที่จะเข้ามาสู่วงการเมือง แต่ ป.ป.ช.ชี้แจงว่า สามีภริยาย่อมเป็นบุคคลเดียวกันตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในประเด็นนี้ว่า การพิพากษาตัดสินคดีที่มีผลต่อการดำรงตำแหน่งผู้นำทางการเมืองของประเทศ จะใช้การอนุมานเอาตามกฎหมายไม่ได้ ป.ป.ช.จะต้องนำสืบให้ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบหรือไม่ว่าภริยาโอนหุ้นไปให้แก่คนอื่นถือไว้แทนตน เพราะในข้อเท็จจริงสามีไม่จำเป็นจะต้องทราบสิ่งที่ภริยาทำทุกเรื่อง ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รับรู้การโอนหุ้นครั้งนี้ (คดีนี้ไม่ใช่คดีแพ่ง ที่สามีภริยามีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกัน หากมีการละเมิดเกิดขึ้น แต่เป็นคดีคล้ายคดีอาญา ที่จะต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่า จำเลยทราบการกระทำของภริยาหรือไม่) โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีนี้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2544
ส่วนการพิจารณาคดีตั้งแต่เช้า องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา ในฐานะเจ้าของสำนวนคดียึดทรัพย์ นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา,นายพิทักษ์ คงจันทร์ ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา,นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลฎีกา,นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ ประธานแผนกคดีเยาว ชนและครอบครัวในศาลฎีกา, ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา,นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา,นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และนายไพโรจน์ วายุภาพ รองประธานศาลฎีกา ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกา โดยรถแลนด์โรเวอร์สีดำกันกระสุน 9 คัน ในรถแต่ละคันมีตำรวจประกบภายในรถ
โดยมีรถตู้ขนเอกสารสำนวน ตามในขบวนด้วย และเมื่อถึงอาคารศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืององค์คณะทั้งเก้า ได้เดินทางขึ้นไปห้องประชุมใหญ่บนอาคาร เพื่อประชุมองค์คณะเสนอคำวินิจฉัยส่วนตัวมาพิจารณาร่วมกันเพื่อลงมติเขียนคำพิพากษาในช่วงเช้า เพื่ออ่านคำพิพากษาเวลา 13.30 น. โดยการลงมติองค์คณะพิพากษาคดีแต่ละประเด็นจะยึดถือเสียงข้างมาก
สำหรับบรรยากาศรักษาความปลอดภัยนั้นมีกำลังเจ้าหน้าที่ รปภ.รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกครื่อง แบบ และตำรวจปราบจลาจลซึ่งมีอาวุธโล่ กระบอง เตรียมพร้อมประมาณ 150 นายภายในบริเวณภายในศาล โดยมีรถวิทยุ191 และบก.น.1 ,บก.น.6 และหน่วยอื่น ๆ อีกประมาณ 300 นาย ประจำการตรวจตราโดยรอบศาลฎีกา ขณะเดียวกัน ได้มีการทดลองตัดสัญญานโทรศัพท์ป้องกันการจุดระเบิดด้วย
การพิจารณาคดี 76,000 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากสื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์จำนวนมาก สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าวศาลฎีกาฯนัดพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนา ยกฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ไปทั่วโลก โดยสื่อต่างชาติใช้คำว่าเป็นวันพิพากษาใหญ่ซึ่งทำให้รัฐบาลไทยระดมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั่วประเทศ
บรรยากาศที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ขณะนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหาร คอยรักษาความปลอดภัยบริเวณประตูทางเข้าตามปกติไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ประกอบกับมีสารวัตรทหาร 2 นาย ผลัดเปลี่ยน เพื่อเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัยที่อาจเข้ามาก่อเหตุไม่สงบภายในพื้นที่อยู่เสมอ
แม้ในวันนี้จะมีการพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าจะไม่มีการชุมนุม หรือเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน รวมทั้ง เปิดเผยว่า หากมีเหตุเกิดขึ้นจริงก็มีแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยบริเวณศาล และปล่อยแถวตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธมาตรวจสอบระเบิดรอบบริเวณศาล พร้อมเสริมกำลังอีก10 กองร้อยคอยสแตนด์บายเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1316 ครั้ง