เวลา 19.30 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 บริเวณแยกศาลาแดงภายหลังบังเกอร์ของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เต็มไปด้วยความวุ่นวายและโกลาหน เสียงปืนและประทัดยักษ์ดังขึ้นนับร้อยนัด ผู้คนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…
หลังเสียงปืนสงบ ร่างของพล.ต.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ค่อยๆทรุดฮวบลงกับพื้น ท่ามกลางความตื่นตกใจของบรรดาการ์ดที่ยืนรายล้อมรักษาความปลอดภัย เสียงตะโกนดังลั่นเพื่อขอความช่วยเหลือ ร่างของนายทหารที่ผ่านรบมาอย่างโชกโชนถูกหามขึ้นรถฉุกเฉิน ข้ามเลยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่อยู่ติดกันไปยังโรงพยาบาลหัวเฉียวที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร…อีก 4 วันต่อมา ดวงวิญญาณของนายทหารที่สร้างสีสันให้กับการเมือง มาตลอดเวลา 4-5 ปีก็ทิ้งร่างที่บอบช้ำไป
คมกระสุนที่ฝีงร่างเสธ.แดง ในค่ำคืนนั้น ได้เปลี่ยนโฉมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์โดยสิ้นเชิง
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ในท่วงทำนองของอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง คือ แก้วประการที่ 3 เป็นกองกำลังในทราบฝ่ายที่เข้ามาให้การช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดง แก้วประการที่ 1 คือ มวลชนคนเสื้อแดงจากทุกสารทิศ แก้วประการที่ 2 คือ ส.ส.เพื่อไทยในสภา ที่ทำหน้าที่คู่ขนานกันมาตลอดกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง การที่หัวหน้าของแก้วประการที่ 3 ถูกเด็ดหัว ทำให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แม้จะมีความพยายามปฏิเสธในภายหลังว่า เสะ.แดงไม่มีกองกำลังติดอาวุธ แต่คำตอบอยู่ที่พฤติกรรมของเสธ.แดงเอง ตั้งแต่การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล เสธ.แดง ได้ออกมาพูดว่า จะมีการกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงใส่ผู้ชุมนุม แล้วก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง จึงเชื่อกันว่า ถ้าเสธ.แดงไม่ทำแล้วจะรู้ได้อย่างไร
หลังการจราจลเมื่อเดือนเมษายน 2552 เสธ.แดงมุ่งมั่นอย่างมากในการฝึกกองกำลังพระเจ้าตาก จนใกล้การชุมนุมของเสื้อแดงในเดือนมีนาคม 2553 เสธ.แดง ได้ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ และออกมาประกาศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ตกลงให้จัดตั้งกองทัพประชาชน หลังจากนั้น เสะ.แดงได้เดินสายไปยังภาคอีสาน เพื่อฝึกอดีตทหารพรานเพื่อนำมาเป็นการ์ดเสื้อแดง ทหารพรานเหล่านี้ มีความชำนาญในการใช้อาวุธอย่างยิ่ง
หลายฝ่ายการวิเคราะห์การสังหารเสธ.แดงไปในหลายทิศทาง ฝ่ายพลพรรคเสื้อแดง มั่นใจว่า ฝ่ายอำนาจรัฐเป็นคนลงมือ ขณะที่ฝ่ายอำนาจรัฐและฝ่ายที่เอนเอียงกับอำนาจรัฐ มองว่า เป็นการสังหารกันเองของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้ง 2 กลุ่ม
กลุ่มที่เชื่อว่า เป็นการลงมือของฝ่ายอำนาจรัฐ นั้น มองว่า พล.ต.ขัตติยะ เป็นแกนนำเสื้อแดงที่คุมกำลังติดอาวุธ (บางคนพยายามปฏิเสธว่า เสื้องแดงไม่มีอาวุธ) และคุมการ์ดเสื้อแดง คุมแนวปะทะกัลฝ่ายอำนาจรัฐ หากไม่มี เสธ.แดงเท่ากับว่า กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ ไม่มีคนสั่งการ คนวางแผน คนวางยุทธศาสตร์การตั้งรับกับฝ่ายรัฐ ภาพที่ผู้ชุมนุมเห็นจนชินตา คือภาพเสธ.แดง ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ตรวจความแน่นหนาของบังเกอร์ทุกเช้าค่ำ ไม่ยอมให้มีจุดโหว่ ให้กำลังฝ่ายอำนาจรัฐเข้ามาได้แม้แต่นิดเดียว
กลุ่มที่เชื่อว่า ฝ่ายเสื้อแดงเล่นงานกันเอง มองว่า เสธ.แดง เหมือนอำนาจแฝงในกลุ่มคนเสื้อแดง เจ้าตัวพยายามเข้าสู่อำนาจเพื่อชิงการนำหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จตั้งแต่การชุมนุมใหญ่ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่อาจฝ่าด่านแกนนำ 3 คน จตุพร พรหมพันธุ์ วีระ มุสิกพงศ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อได้ ถึงกับโดนแกนนำกลุ่มนี้ ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ ไม่ยอมให้เข้าร่วมขบวนการ แต่เสธ.แดง ก็ยังหน้าทนเข้าอยู่ในขบวนการ มองอีกด้านหนึ่ง อาจเป็นยุทธการหน้าไหว้หลังหลอกของบรรดาแกนนำ
แต่ฟางเส้นสุดท้าย เกิดภายหลังที่แกนนำ 3 คนมีท่าทีรับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะยุบสภาในปลายเดิอนกันยายน ทำให้เสธ.แดงไมพอใจ เห็นว่า เป็นการยอมแพ้ต่ออำนาจรัฐ ประกาศผลักดดันแกนนำฮาร์ดคอร์ อย่างอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นแกนนำการชุมนุมต่อไปและประกาศไล่ล่าแกนนำที่ยอมแพ้ เป็นสาเหตุการสังหาร
อีกฝ่ายหนึ่ง มองว่า มีคำสั่งมาจากนายใหญ่ ให้เก็บเสธ.แดง เพราะมองว่า เสธ.แดงรู้พูดมากเกินไป จนอาจจะสาวถึงตัวการใหญ่ ฝ่ายนี้ ได้นำตัวละคร อย่างพล.อ.พ. ทหารในกองทัพมาแสดงว่า เป็นคนสั่งการเพื่อเก็บเสธ.แดง
ทั้งหมด เป็นข้อสมมติฐานที่ต่างฝ่ายต่าง หาความชอบธรรมให้กับฝ่ายตนเอง MTODAY พยายามเสาะข้อมูลตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สังหาร ผ่านมา 3-4 เดือน จึงได้ข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ถึงสาเหตุการสังหาร ล่วงรู้เบื้องหลังการสังหาร และฝ่ายที่สังหาร รู้แม้ระทั่งหน่วยใดเป็นผู้ลงมือสังหาร แต่ข้อมูลเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทั้งหมด
ข้อมูลเบื้องหลังการสังหารเสธ.แดง คนในอำนาจรัฐรัดับสูงรู้ ฝ่ายเสื้อแดงที่อยู่ในอำนาจรัฐรู้ว่า จะมีการสังหารเสธ.แดง แต่หลายคนไม่รู้รายละเอียดของหน่วยสังหาร จะเห็นได้จากก่อนการสังหาร 3-4 วัน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ได้โทรศัพท์เตือน พล.ต.ขัตติยะ ให้ถอนตัวออกมา เพราะจะมีการสังหาร เพื่อนฝูงของเสธ.แดงหลายคนที่อยู่ในส่วนของความมั่นคง ได้เตือนเสธ.แดงเช่นเดียวกัน แต่เสธ.แดง ปฏิเสธความหวังดีเหล่านี้ ด้วยเหตุผลว่า จำเป็นต้องอยู่เพื่อรักษาชีวิตของผู้ชุมนุมและเชื่อว่า จะสามารถดูแลชีวิตของตัวเองได้ ในฐานะชายชาตินักรบที่ผ่านสมรภูมิรบมามากมาย เสธ.แดงยอมตายในสงครามมากกว่ายอมแพ้
เหตุผลของการสังหาร เสธ.แดง มาจากคำพูดเดียว “ถ้าไอ้แดง ยังอยู่เรื่องไม่จบ” เป็นคำพูดของฝ่ายที่มีอำนาจสั่งการ แต่เป็นฝ่ายไหนนั้น ไม่อาจเปิดเผยได้ แต่จะเห็นว่า ในช่วงการสู้รบ การต่อสู้ภายในกองทัพเอง ก็ดุเดือดไม่น้อย ฝ่ายที่ต้องการคุมอำนาจ ก็ได้แสดงศักยภาพออกมาเช่นเดียวกัน จะเห็นได้จากการสังหารนายทหารพยัคฆ์บูรพา มีการวางแผนมาอย่างดี จากฝ่ายทหารในกองทัพ โดยมีตำรวจ และกองกำลังไมทราบฝ่ายเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะการสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และความพยายามสังหาร พล.ต.วลิต ผู้บัญชาการพล.ม.2 ด้วยการยิง M79 ลงกลางวงวางแผนในค่ำวันที่ 10 เมษายน
พ.อ.ร่มเกล้านั้น ถูกยิงด้วยปืนอาก้าติดเลเซอร์จากรัสเซีย เลเซอร์ที่ส่องเข้าหน้าพ.อ.ร่มเกล้า ขณะยืนสั่งการบนรถถังและยิงปืนสั้นขึ้นฟ้านั้น ไม่ใช่เป็นเลเซอร์ชี้เป้า แต่เป็นเลเซอร์ส่องยิง จะเห็นว่า มีการระเบิดกระสุนทันทีที่เลเซอร์ส่องถึงตัว เป็นการยิงในระยะการยิงที่ไม่ไกลจากตึกสูงใกล้เคียง แต่การยิงครั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของหน่วยยิงว่า มีความแม่นยำระดับมืออาชีพที่ฝึกบรือมาอย่างดี ภายในเสี้ยงวินาทีสามารถลั่นกระสุนเข้าใส่เป้าที่กำลังเคลื่อนที่ได้เหมือนจับวาง
การสังหารพล.ต.ขัตติยะนั้น จะต้องใช้พลแม่นปืนที่ฉมังกว่า มีความแม่นยำสูง ซึ่งว่ากันว่า ฝีมือการสังหารเสธ.แดงนั้น คนที่สามารถทำได้ มีไม่มากนักในกองทัพ ถึงขนาดมีการขมวดปมว่า มีเพียง 2-3 คนเท่านั้น จะว่าไปแล้ว การวงแผนสังหารเสธ.แดง ฝ่ายเสื้อแดงเอง ก็ระแวดระวังอยู่เช่นเดียวกัน จะเห็นได้จากการบุกเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพราะเชื่อว่า มีหน่วยสุ่มสังหารอยู่ในโรงพยาบาล แต่เสื้อแดงคาดการณ์ผิด หน่วยสุ่มสังหาร ไม่ได้อาคารของโรงพยาบาลจุฬาฯ เพราะเต็มไปด้วยความพลุกพล่าน มีคนเข้าออกตลอดเวลา
การสังการเสธ.แดง มีการวางแผนกันหลายชั้น เพื่อไม่ให้การทำงานผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าหากผิดพลาดนั้นหมายถึงปฏิบัติการกระชับวงล้อมเพื่อขอคืนพื้นที่ล้มเหลวด้วย แต่เสธ.แดงก็มีจุดอ่อน ที่เป็นคนพูดมาก และมีการเคลื่อนไหวที่เป็นเป้าให้ติดตามได้ไม่ยากนัก ภายหลังบังเกอร์สูงท่วมหัวบริเวณแยกสีลม เป็นสถานที่ๆสามารถหาเสธ.แดงได้ที่นั่น การฝึกอาวุธนักรบ กระทำกันที่นั่น บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 นักข่าวจะไปสัมภาษณ์เสธ.แดง ก็ไปหาได้ที่นั่น หน่วยล่าสังหารจึงสามารรถเร้นกายบนตึกซักแห่งหนึ่งเพื่อรอจังหวะ แต่การหาจังหวะนั้นค่อนข้างยาก
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ใกล้ตัวของเสธ.แดงนั้น มีสปายอยู่ คอยรายงานการเคลื่อนไหวและร่วมวางแผนการสังหาร เพราะมีปรากฏการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นในค่ำคืนของการสังหาร มีนักข่าวต่างประเทศสัมภาษณ์เสธ.แดง ยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งบทสัมภาษณ์นี้ ไม่เคยถูกนำมาเปิดเผยเลยนับตั้งแต่การสัมภาษณ์ ทั้งที่เป็นบทสัมภาษณ์สุดท้ายที่ต้องถือว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งที่สำนักข่าวที่สัมภาษณ์ต้องนำมาเปิดเผยเพื่อเรียกเรทติ้ง แต่ไม่มีการพูดถึงหรือนำเสนอบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเลย
จังหวะของการสังหารมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมการ์ดของเสธ.แดง จึงนำเสธ.แดง ออกมายืนตรงลานโล่ง ง่ายต่อการตกเป็นเป้าการสังหารที่ง่ายต่อการลงมือ เพราะการสัมภาษณ์ในเวลากลางคืน นักข่าวจะเปิดไฟส่องสว่างใส่หน้าผู้ให้สัมภาษณ์ เป็นการวางแผนร่วมกันหรือเป็นการประมาทเลินเล่อจนต้องถูกสังหาร
หน่วยที่ลงมือเป็นหน่วยไหน ไม่สามารถเปิดเผยได้ บอกได้แต่เพียงว่า เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษในหน่วยงานที่ไม่ต่ำเตี้ยติดดิน หน่วยงานนี้มีหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ใครเป็นฝ่ายสั่งการนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นเดียวกัน
ทีมข่าว MTODAY ได้รับข้อมูลมาว่า พลสังหารได้ติดตามเสธ.แดงมาก่อนวันสังหารไม่นานนัก หลังจากได้ข้อสรุปว่า เพื่อให้เรื่องจบต้องไม่มีเสธ.แดง งานการข่าว อุปกรณ์ที่มีทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดถูกนำมาใช้กับการสังหารครั้งนี้
แน่นอนว่า ปืนที่ใช้สังหารจะต้องเป็นสไนเปอร์ที่แม่นยำและทรงประสิทธิภาพที่สุด หน่วยสังหารเลือกใช้สไนเปอร์ ยี่ห้อ SIG SAUR จากสาธารณรัฐเช็ค กระบอกละ 300,000 กว่าบาท เป็นทูตสังหาร จนได้เวลามั่นเหมาะ เวลา 19.30 น. SIG SAUR ได้ส่งกระสุนหัวทองเหลือง ขนาด .308 มิลลิเมตรเข้าศีรษะของพล.ต.ขัตติยะ ภายใน 1.3 วินาที กระสุน 2 นัดเจาะเข้าร่างพล.ต.ขัตติยะอย่างแม่นยำเหมือนจับวาง นัดหนึ่งเข้าที่ศีรษะ อีกนัดหนึ่งเข้าที่หน้าอกซ้าย ส่งให้ชายชาตินักรบที่ห้าวหาญอ่อนระทวยล้มลงกแน่นิ่ง ท่ามกลางเสียงหวีดร้องตกใจของคนที่อยู่ใกล้เหตุการณ์และตามมาด้วยความโกลาหน
SIG SAUR ปืนที่ใช้ยิงเสธ.แดง
SIG SAUR ทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพยิ่ง
SIG SAUR เป็นสไนเปอร์ที่พลแม่นปืนทั่วโลกนิยมใช้ ด้วยมีความแม่นยำสูง ลำใช้ใช้สังหารเสธ.แดงในค่ำคืนวันที่ 13 พฤษภาคม เพิ่งนำเข้ามาจากสาธารณรัฐเช็คได้ไม่นาน มีไนซ์อาย สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืนในระยะไกล รัศมีการสังหาร 200 เมตร– 2 กิโลเมตร มีระบบนำทางแบบอินฟาเรด มีกล่องขนาด 3.5-4.5 นิ้ว ระยะมองเห็น 2 กิโลเมตร กระสุนที่ใช้สังหาร เป็นกระสุนหัวทองเหลืองธรรมดา จะเห็นได้จากรู้เข้ากับรู้ออกเท่ากัน การที่พลแม่นปืนไม่ใช่กระสุนหัวทองเหลือง เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเสียงดัง
เพียงเท่านี้ ก็ทรงประสิทธิภาพ ส่งให้นักรบผู้อหังการ ที่คนเดียวกล้าท้ากับกองทัพทั้งกองทัพล้มลงไดในบัดดล อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
การสังหารเสธ.แดง ทำให้การสั่งการกองกำลังติดอาวุธขาดประสิทธิภาพ กองกำลังและกลุ่มผู้ชุมนุมเต็มไปด้วยความคั่งแค้นดาหน้าออกมาอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อหวังแก้แค้นให้กับคนที่พวกเขาเชื่อว่า คอยปกป้องชีวิตของพวกเขา เห็นเหตุให้เกิดการสูญเสียมากมายใน 4-5 วันต่อ จนที่สุดพวกเขาก็พ่ายแพ้
————
เปิดปูม พล.ต.ขัตติยะ ชำนาญการรบ–วางกลยุทธ์
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เป็นที่รู้จักของสาธารณชนจากเหตุการณ์ในค่ำคืนหนึ่ง ที่เขาและพลพรรคจำนวนหนึ่งขึ้นไปบนสำนักพิมพ์ไทยโพสต์ ท่ไปวิพากษ์วิจารณ์ผู้เป็นนาย ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รมว.แรงงาน เมื่อปี 2540 แต่เขาหายไปนานหลังจากนั้น มาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังเหตุการณ์บุกรื้อบาร์เบียร์ที่สุขุมวิท ซอย 10 ที่ดินของชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์
เสธ.แดง ออกมาชนกับพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.ในขณะนั้นที่ตั้งข้อหาทหารในกองทัพ ทำให้เขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพล.ต.อ.สันต์ จนครั้งหนึ่งถูกตำรวจอุ้มโรงพักที่หน้าโรงแรมดิ เอ็มเมอร์รัลด์ เป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนหนังสือ คม…เสธ.แดง อันเป็นหนังสืออัตชีวประวัติและรวบรวมความคิดคำพูดของเขาที่ขายดีจนติดอันดับหนังสือขายดี
จากนั้น เสธ.แดง ก็ออกมาโลดแล่นในยุทธภพสู้รบกับฝ่ายตำรวจอย่างเต็มตัวเพื่อปกป้องทหารในหลายสถานการณ์ รวมทั้งเหตุการณ์การปล้นปืนที่ค่ายทหารพัฒนาจังหวัดนราธิวาส สิ่งที่ทำให้เสธ.แดง มีกำลังสู้รบมาจากอ้อมแขนโอบกอดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันหนึ่งท่ามกลางวงล้อมของตำรวจ นั้นเป็นการซื้อใจให้เสธ.แดง จงรักภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ จนตัวตาย
เสธ.แดง เป็นชาวอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2494 โดยปู่เป็นชาวมอญย่านวัดขนอน โพธาราม เป็นบุตรชายคนสุดท้องของ ร.อ.สนิท สวัสดิผล และนางสอิ้ง สวัสดิผล จากจำนวนพี่น้อง 4 คนซึ่งเป็นหญิง 3 คนและชาย 1 คน
เสธ.แดง นับว่า เป็นคนที่สนใจการเรียนอย่างยิ่ง เขาเรียนในหลากหลายสาขา จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนศรีวิกรม์ เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 รุ่นน้องพ.ต.ท.ทักษิณ 1 รุ่น โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 และโรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 63 ยังได้เข้าปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาปี 2528 ปริญญาโท คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำเร็จการศึกษาปี 2539 ปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม สำเร็จการศึกษาปี 2545 ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง สำเร็จการศึกษาปี 2547 และจบปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ University of Northern Philippines สำเร็จการศึกษาปี 2551
เสธ.แดง สมรสกับ นาวาเอก (พิเศษ) หญิง จันทรา สวัสดิผล (เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง) มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คน ชื่อ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล (ชื่อเล่น: เดียร์) ปัจจุบันทำงานเป็นทนายความในสำนักกฎหมายเอกชน
นอกจากนี้แล้ว หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว ได้มีผู้หญิงที่อ้างว่ามีลูกกับเสธ.แดงเปิดเผยตัวขึ้น คือ น.ส.ลัดดาวัลย์ พลฤทธิ์ เป็นอดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง โดยรู้จักกับกับ เสธ.แดงในปี พ.ศ. 2546 จากนั้น ทั้งคู่จึงมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง จนกระทั่ง น.ส.ลัดดาวัลย์ได้ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายออกมาในต้นปี พ.ศ. 2547 ชื่อ ด.ช.นักรบ สวัสดิผล (ชื่อเล่น: แดงน้อย) ซึ่งเป็นชื่อที่เสธ.แดงตั้งให้ โดยเสธ.แดงได้ให้การดูแลรับผิดชอบเป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วยังมีบุตรสาวอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นพี่สาวของ น.ส.ขัตติยา แต่คนละมารดา คือ น.ส.กิตติยา สวัสดิผล (ชื่อเล่น: เก๋)
เสธ.แดง เข้ารับราชการครั้งแรกในกองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี และเติบโตมาในสายทหารม้า เคยได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2543 เคยเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในช่วงปี 2529 เป็นนายทหารติดตามของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเคยเป็นนายทหารคนสนิทของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย และดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก่อนเสียชีวิต เขาได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พล.อ.อนุงพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อย่างรุนแรง จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนและสั่งพักราชการ
เสธ.แดง เคยแสดงบทบาทวิพากษ์วิจารณ์การท
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2173 ครั้ง