นายกฯนำปชช.จุดเทียนชัยถวายพระพร “ในหลวง” พร้อมกับคนไทยทั่วประเทศ รวมทั้งเปิดขบวนเรือเฉลิมพระเกียรติ 587 ลำ จุดเทียนชัยถวายพระพร “ในหลวง” เต็มลำน้ำเจ้าพระยา ประชาชนสวมเสื้อสีชมพูร่วมแน่น 2 ฝั่ง ปล่อยโคมลอย 8,400 ดวง-จุดพลุ999นัด สว่างไสวทั่วฟ้า
วันที่ 5 ธันวาคม เวลาประมาณ 19.19 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานถวายเทียนชัยราชสักการะ และนำประชาชนจุดเทียนชัยถวายราชสดุดี พร้อมกันทุกจังหวัดที่เวทีศาลฎีกาข้างสนามหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมว่า “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพเจ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพ่อค้า ประชาชน ทุกหมู่เหล่าที่มาพร้อม ณ มณฑลพิธีแห่งนี้และประชาชนทั่วทุกจังหวัด
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายล้วนจงรักภักดีหาที่สุดมิได้ ทรงเป็นพลังแห่งแผ่นดิน และทรงงานหนักยิ่งเพื่อขจัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกร นับตั้งแต่เถลิงถวัลย์ราชสมบัติมา 84 ปี ทรงพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานับประการ เปรียบประดุจทิศทางที่หลั่งไหลมาหล่อเลี้ยงชีวิตใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงศึกษาวิจัยเพื่อความสงบสุขของพสกนิกร ข้าฯจักสนองพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความกตัญญูกตเวทิคุณ เนื่องในมหามงคลสมัยในวันที่ 5 ธันวาคม
และขอพระราชทานราชานุญาตนำประชาชนถวายพระพร และปฏิญาณตน ข้าฯจะคิดพูดทำด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตนและผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ จะประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกาและระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน และจะทำความคิดเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
ข้าฯทั้งปวงจะยึดถือคุณธรรมที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระราชทานไว้เป็นหลักประจำกายและใจ และปลูกฝังให้อนุชนประพฤติปฏิบัติตามตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” พร้อมเปล่งคำว่า ทรงพระเจริญ 3 ครั้ง จากนั้น นายกฯได้นำร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเดินทางไปท่าเรือธรรมศาสตร์เพื่อร่วมงานแผ่นดินของเรา
นอกจากนี้ยังมีการแสดงพลุดอกไม้ไฟจำนวน 19 ชุด ซึ่งมีความงดงามตระการตาอย่างยิ่ง ขณะที่มีประชาชนเข้าร่วมงานและชมความงามของการแสดงชุดต่างๆจำนวนมาก
หลังจากนั้น เวลา 20.39น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายัง เวทีกลางน้ำ ฝั่งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเป็นประธานในกิจกรรม “ร้อยดวงใจจุดเทียนชัยถวายพระพร” พร้อมกับประชาชนกว่า 3.2 หมื่นในขบวนเรือเฉลิมพระเกียรติประดับไฟจำนวน 587 ลำ ที่จอดอยู่ในเต็มลำน้ำเจ้าพระยา
นอกจากนี้ ได้มีการปล่อยโคมลอย 8,400 ชุดขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมทั้งจุดพลุ 999 นัด ทำให้บรรยากาศในลำน้ำเจ้าพระยาสว่างไสวสวยงามเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งได้มีการฉายมิวสิควีดีโอเพลง ราชาแห่งราชันย์ บนม่านน้ำขนาดใหญ่ด้วย
ทั้งนี้กิจกรรมบริเวณเวทีกลางน้ำฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วง 17.30น. โดยมีชุดการแสดงเฉลิมพระเกียรติต่างๆอย่างหลากหลาย อาทิ การแสดงดนตรีจากเยาวชน การแสดงเพลงแหล่เฉลิมพระเกียรติ “ราชาแห่งราชันย์” การแสดงเพลงเรือถวายพระพรโดยกลุ่มศิลปินแห่งชาติ
การเปิดไฟในขบวนเรือตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบการบรรเลงเพลงและการแสดงภาพบนม่านน้ำ การแสดงจากศิลปินรับเชิญจากค่ายต่างๆ
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 18.00 น.ขบวนเรือประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2553 บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 587 ลำ ได้รวมตัวจอดอยู่บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า โดยเรือแต่ละลำได้เริ่มเปิดไฟที่ประดับประดาไว้ ทำให้บรรยากาศกลางลำน้ำเจ้าพระยาสว่างไสวสวยงามยิ่ง ทั้งนี้ ขบวนเรือจะเรียงรายตั้งแต่ท่าเรือปิ่นเกล้าไปจนถึงท่าเรือวัดระฆัง โดยเรือทั้งหมดจะออก ล่องผ่านหน้าโรงพยาบาลศิริราชและไปสิ้นสุดที่สะพานพุทธ
ขณะที่ประชาชนจำนวนต่างพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีชมพูเข้าชมขบวนเรือแน่นสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
นายกฯนำจุดเทียนถวายพระพร 19.29น.
ในเวลา 19.29 น. วันนี้ (5ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และปล่อยโคมลอยบนเรือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ณ แม่น้ำเจ้าพระยา หน้าโรงพยาบาลศิริราช ในงานเฉลิมพระเกียรติทางเรือกลางลำน้ำเจ้าพระยา ที่หลายหน่วยงานร่วมกันจัดขึ้น
ทั้งนี้จะมีการปล่อยขบวนเรือประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ 587 ลำ สามารถรองรับประชาชนที่จะมาร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และจุดโคมลอยกลางลำน้ำเจ้าพระยาได้ประมาณ 40,000 คน เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้ทอดพระเนตรถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรที่มีต่อพระองค์ด้วยพระเนตรจากอาคารที่ประทับภายในโรงพยาบาลศิริราชได้
พร้อมกันนี้ ยังจัดการแสดงบนเวทีกลางลำน้ำเจ้าพระยา โดยระดมศิลปินแห่งชาติและศิลปินชื่อดังมากมายมาขับร้องเพลงแหล่เฉลิมพระเกียรติ ราชาแห่งราชัน พร้อมการแสดงตระการตา อาทิ การสร้างภาพจากม่านควัน โดยมีการฉายพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บนม่านควัน ทำให้เห็นภาพพระองค์ลอยอยู่บนฟ้า การยิงเลเซอร์จากสะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อให้ภาพไปปรากฏบนผนังอาคารคอนโดมิเนียมด้านข้างสะพานพระปิ่นเกล้า โดยเป็นภาพพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในรูปลายเส้นสีเขียว
ทั้งนี้ ในการปล่อยโคมลอย จำนวน 8,999 ดวง และจุดพลุดอกไม้ไฟประกอบจากเชิงสะพานพระปิ่นเกล้นั้น มีโคมลอยลอยไปเต็มท้องฟ้า ทำให้ประชาชนที่ไปชมต่างส่งเสียงด้วยความดีใจและเปล่งเสียงทรงพระเจริญ และร้องสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชา จากนั้นต่างก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และหลังจากเสร็จพิธีการบริเวณเวทีกลางน้ำแล้ว นายกฯและคณะก็ได้เดินทางออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เช่นเดียวกับประชาชนที่บางส่วนทยอยเดินทางกลับ ขณะบางส่วนก็ยังถ่ายภาพโคมที่ลอยเป็นสายเต็มท้องฟ้า
บริเวณลำน้ำเจ้าพระยา ยังมีจัดการแสดงบนเวทีกลางลำน้ำเจ้าพระยา โดยระดมศิลปินแห่งชาติและศิลปินชื่อดังมากมายมาขับร้องเพลงแหล่เฉลิมพระเกียรติ ราชาแห่งราชัน พร้อมการแสดงตระการตา อาทิ การสร้างภาพจากม่านควัน โดยมีการฉายพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บนม่านควัน ทำให้เห็นภาพพระองค์ลอยอยู่บนฟ้า การยิงเลเซอร์จากสะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อให้ภาพไปปรากฏบนผนังอาคารคอนโดมิเนียมด้านข้างสะพานพระปิ่นเกล้า โดยเป็นภาพพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรูปลายเส้นสีเขียวด้วย
อย่างไรก็ตามกรมเจ้าท่าปิดการจราจรทางน้ำ ในแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ตั้งแต่เมื่อเวลา 12.00 น.ของวันที่ 5 ธ.ค. โดยห้ามเดินเรือทุกชนิดผ่านโดยเด็ดขาด เพื่อให้เรือที่เข้าร่วมขบวนถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทยอยเข้าประจำตำแหน่ง จากนั้นเวลา 17.30 น. เริ่มเปิดการแสดงเพลงแหล่เฉลิมพระเกียรติราชาแห่งราชัน ณ เวทีกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จะทำให้พื้นหลังเป็นม่านน้ำ ต่อด้วยการแสดงเพลงเรือถวายพระพรโดยศิลปินแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 17.20 น. บริเวณถนนราชดำเนินใน ตั้งแต่ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ตลอดทั้งแนว เนืองแน่นไปด้วยประชาชนซึ่งสังกัดองค์กรต่างๆ เช่น องค์กรแม่บ้านสามเหล่าทัพ กลุ่มเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งสวมเครื่องแบบขาวเต็มยศ และประชาชนทั่วไปที่ต่างสวมเสื้อสีชมพูมารอเฝ้ารับเสด็จ และร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรในช่วงค่ำ
ขณะเดียวกันตั้งแต่ ถ.ราชดำเนินไปจนถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ท่าพระอาทิตย์ และบริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นจุดรับชมขบวนเรือนั้น ปรากฏว่าต่างเนืองแน่นไปด้วยประชาชนทั้ง ผู้สูงอายุ กลุ่มนักศึกษา และเด็กเล็กที่เดินทางมากับผู้ปกครอง ได้มาจับจองที่นั้งตั้งแต่ช่วงบ่าย ส่วนภายใน ม.ธรรมศาสตร์ได้จัดไว้ให้เฉพาะสื่อมวลชนและผู้ที่ลงทะเบียนมีบัตรเข้าชมพระราชพิธีเข้าได้เท่านั้น
และบริเวณท่าพระอาทิตย์ ฝั่งสนามหลวงมีการตั้งเต๊นท์แจกเทียนสีชมพูให้กับประชาชนเพื่อร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ขณะที่ฝังศาลฎีกา ซึ่งเป็นด้านที่นายกรัฐมนตรีจะป็นประธานจุดเทียนชัยมีการนำแผงเหล็กมาวางกั้นตอลดแนว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และกลุ่มลูกเสือจากโรงเรีนยต่างๆ มาจัดระเบียบความเรียบร้อย
นอกจากนี้ อาคารสูงภายใน ม.ธรรมศาสตร์ มีเจ้าหน้าที่ประจำดาดฟ้าเฝ้าสังเกตการณ์ความปลอดภัยโดยทั่วไป ส่วนประชาชนที่ไม่สามารถเข้ามาในบริเวณจัดงานได้ เจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าสามารถรับชมขบวนเรือ และการแสดง แสง สีเสียง ในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ได้ที่บริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้ขณะที่เริ่มงาน ส่วนบรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ
ส่วนบรรยากาศการจัดงานแผ่นดินของเรา เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต คึกคักไปด้วยพสกนิกรที่เริ่มทยอยมาร่วมงาน ซึ่งโดยรอบบริเวณการจัดงานเต็มไปด้วยเต้นท์ลงนามถวายพระพร โดยกระทรวงต่างๆ ได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ รวมถึงเต้นท์ของหน่วยงานองค์กรเอกชน ที่มาร่วมแสดงสินค้าอย่างคับคั่ง ขณะที่ประชาชนที่มาร่วมงาน ต่างรู้สึกปราบปลื้มที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน ส่วนกิจกรรมการแสดงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต ในเวลา 17.00 น. จะมีการแหล่เรื่องไตรรงค์ ธงสยาม และการแสดงชุดเดินตามรอยพ่อ ของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และจะมีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในเวลา 19.29 น. โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จากนั้นต่อด้วยการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติด้วย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2305 ครั้ง