วันที่ 8ธ.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าชี้แจงข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป(ซีเอสซีอี)เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถเดินทางไปสหรัฐฯได้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่หนีคดีมา 2 ปีแล้ว
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้สถานเอกอัครราชทูตทุกประเทศประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตไทยในทุกประเทศทั่วโลก ได้ชี้แจงต่อรัฐบาลประเทศต่างๆเกี่ยวกับสถานะพ.ต.ท.ทักษิณ และความคืบหน้าเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม การเมืองอยู่เป็นระยะๆทั้งทางตรงและทางอ้อม ขณะเดียวกัน ตนได้พบและพูดคุยทางโทรศัพท์กับรมว.ต่างประเทศ ประเทศต่างๆ มาโดยตลอด เพื่อให้ทราบความเป็นไปเกี่ยวกับการเมืองของไทย การปรองดองของไทย กระบวนการยุติธรรม และคดีต่างๆที่ยังคั่งค้าง ซึ่งมั่นใจว่าทุกรัฐบาลและสถานทูตต่างประเทศได้ทราบอยู่ทุกขั้นตอนว่าอะไรเป็นอะไร
“ประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่รับพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศของเขา ที่ผ่านมาทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ก็ไม่ให้เข้า ดังนั้นประเด็นที่ต้องตอบคือจะได้รับเชิญจากใครก็ตาม หรือนายอัมสเตอร์ดัมส์ ทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปติดต่ออะไรก็ตาม ก็ออกมาเป็นข่าวได้ แต่จะเข้าประเทศเหล่านั้นได้หรือไม่ ก็เป็นคำถามที่เราต้องตอบกัน ตนไม่มีหน้าที่ตอบ แต่เท่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณก็เข้าประเทศต่างๆไม่ได้ เพราะเขาไม่ต้องการให้เข้าประเทศของเขา ” นายกษิตกล่าว
นายกษิต กล่าวต่อว่า แนวทางการชี้แจงต่อซีเอสซีอีจะพูดถึงแค่เหตุการณ์เม.ย.2552 และพ.ค.2553 คงไม่ได้ การละเมิดสิทธิเสรีภาพ สูญเสียชีวิตด้วยเหตุการณ์ทางการเมือง ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เหตุการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ การฆ่าตัดตอนในการปราบปรามยาเสพติด การลักพาตัวของทนายสมชาย นีละไพจิตร เหตุการณ์ที่ตากใบและกรือเซะ มาจนถึงเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ในช่วงรัฐบาลสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถึงเหตุการณ์ในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทั้งหมดพัวพันอยู่ในความเป็นสังคมประชาธิปไตยของไทย ที่มีการประท้วง สูญเสียชีวิต
ซึ่งไทยมีกระบวนการยุติธรรมที่ซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ไม่มีการเมืองเข้าแทรกแซง ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ หรือคดีของตน ต่างก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยหนีศาล ทุกอย่างคณะทูตต่างประเทศได้รับทราบผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศมาโดยตลอด
“สำหรับส.ส.และส.ว.รวมทั้งรัฐมนตรีบางคนที่อยากเชิญอดีตนายกฯเราก็ได้ป้อนข้อมูลให้เขา เราได้ทำมาโดยตลอด สถานทูตไทยก็ได้ดำเนินการแล้ว เพื่อจะบอกว่าอะไรเป็นอะไรว่าวันนี้กระบวนการปรองดองของไทยอยู่ที่ไหน การเมืองของไทยก็กลับมาสู่รัฐสภา ที่มีการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญอย่างน้อย 2 เรื่อง ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการปรองดองได้ในกระบวนการปฏิรูปการเมือง ต่างประเทศก็เฝ้ามองอยู่ ต่างประเทศก็ส่งคนมาให้คำแนะนำอยู่ รัฐบาลไม่ได้ปิดบังอะไร เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้ไม่ได้เกรงกลัว ไม่หวั่นอะไรทั้งสิ้นว่าใครอยากจะรู้หรือไม่อยากรู้อะไร เราทำด้วยความโปร่งใส ส่วนเรื่องที่ยังติดค้าง เช่น สังคมในอิตาลี ญี่ปุ่น ที่ยังติดใจเรื่องผู้สื่อข่าวเสียชีวิต กระบวนการยุติธรรมของไทยก็กำลังสอบสวนอยู่ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ จึงขอให้สบายใจ อย่าไปหวั่นไหวกับข่าวที่ทำให้ไม่สบายใจ หลายกรณีก็เป็นแค่การสร้างข่าว ปล่อยข่าวขึ้นมาเท่านั้น ” นายกษิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปว่าเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่สามารถเข้าสหรัฐใช่หรือไม่ นายกษิตตอบว่า คิดว่าคำตอบมันอยู่ในตัว พ.ต.ท.ทักษิณเข้าหลายประเทศไม่ได้ เข้าสหรัฐไม่ได้ เมื่อถามว่าสิ่งที่นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจะดำเนินการอย่างไร นายกษิต ตอบว่า ทำไปแล้ว เรามีนายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี และมีนายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตประจำ นครนิวยอร์ก สหประชาชาติ อยู่แล้ว และป้อนข้อมูลให้กับสถานทูตทุกประเทศอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะมีการสอบถามไปยังทางการสหรัฐหรือไม่ถึงกรณีดังกล่าว นายกษิต ตอบว่า แน่นอน ทางสถานทูตไทยก็ต้องไปพบกับส.ส. และส.ว. และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งฝ่ายเลขาธิการของซีเอสซีอีว่าเป็นมาอย่างไร มีข้อสงสัยอะไร ซึ่งเราต้องป้อนข้อมูลให้ทราบ ส่วนแนวทางการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เราต้องทำ โดยหากรู้ข้อมูลก็จะแจ้งให้อัยการสูงสุดรับทราบ เมื่ออัยการสั่งกลับมาเราก็ดำเนินการ เป็นหลักปฏิบัติที่ทำมาตลอดเวลา และไม่ใช่การตามล้างตามเช็ด ตนพยายามจะไม่ให้ข่าว เดี๋ยวจะหาว่าตนกลั่นแกล้ง และจะเกิดคะแนนสงสาร
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเเจ้งว่า กำหนดการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนั้น เป็นการล็อบบี้ของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ล็อบบี้ยิสต์ระดับโลก ที่มาทำงานช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเป็นการการันตีการเดินทางไปประเทศอื่นๆได้ เเละไม่โดนรัฐบาลประเทศนั้นๆจับกุมตามหมายจับผู้ร้ายข้ามเเดน
รายงานข่าวกล่าวว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ไปสหรัฐฯนั้น ก็จะมีการเคลื่อนเกมรุกในด้านอื่นๆ ประกอบด้วยเช่นกัน อาทิ การเเฉกรมสอบสวนคดีพิเศษในเรื่องต่างๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ,การชุมนุมของคนเสื้อเเดงที่เรียกร้องประชาธิปไตยเเต่โดนรัฐบาลเเละกองทัพปราบปรามจนมีคนตายจำนวนมาก เเละพ.ต.ท.ทักษิณจะไปชี้เเจงเรื่องนี้กับประเทศอื่นๆด้วย
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 16 ธ.ค.ตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ว่า หลังจากที่มีการเสนอข่าวเรื่องนี้ออกไป ปรากฏว่ารัฐบาลและรมว.ต่างประเทศต่างตื่นเต้นและตื่นตูมมากพอสมควร มีความพยายามล็อบบี้ฝ่ายบริหารระดับสูงของสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้ออกวีซ่าแก่พ.ต.ท.ทักษิณ จนวงการทูตและนักการเมืองในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะที่วอชิงตันหัวเราะกันทั้งบาง ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการปิดโอกาสพ.ต.ท.ทักษิณไม่ให้ไปชี้แจงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์การสลายชุมนุม คำถามที่ตามมาก็คือรัฐบาลปกปิดอะไรไว้จากกรณีที่มีคนตายกว่า 91 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน
เผย“ทักษิณ”ยื่นขอทำวีซ่าแล้ว
จากนั้นนายนพดลได้โชว์สำเนาจดหมายเชิญของซีเอสซีอีที่ลงนามโดยเบนจามิน คาร์ดิน ในฐานะประธานซีเอสซีอี โดยนายนพดลระบุว่า จดหมายเชิญดังกล่าวลงวันที่ 23 พ.ย. 2553 โดยเชิญพ.ต.ท.ทักษิณให้ไปชี้แจงในวันที่ 16 ธ.ค.เวลาประมาณ 15.00 น. ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี โดยสนใจไต่สวนเหตุการณ์สลายการชุมนุมในประเทศไทย รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ นอกจากนี้ยังหวังด้วยว่าซีเอสซีอีและสหรัฐอเมริกาจะสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยได้ และยังหวังว่าจะมีการเลือกตั้งในไม่ช้า ทั้งนี้ซีเอสซีอียังได้ให้พ.ต.ท.ทักษิณชี้แจงด้วยประมาณ 7-10 แต่สามารถขอขยายเวลาได้ถึง 30 นาที แต่ให้ส่งเอกสารประกอบการชี้แจงไปให้ก่อนวันที่ 14 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ซีเอสซีอีก็ได้เชิญตัวแทนจากรัฐบาลไทยด้วย ดังนั้นนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ น่าจะใช้โอกาสนี้เดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อซีเอสซีอีด้วยเช่นกัน
รับจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้วีซ่า
“ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่มีวีซ่า แต่ได้ยื่นขอต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศที่พำนักอยู่แล้ว โดยนำจดหมายเชิญของซีเอสซีอีประกอบการขอวีซ่าด้วย แต่จะได้รับวีซ่าหรือไม่นั้นต้องรอดู แน่นอนว่าถ้าไม่ได้รับก็จะเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้อย่างแน่นอน ” นายนพดล กล่าว
ไม่เชื่อสำนักงานกม.จะล็อบบี้กมธ.ของอเมริกาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขที่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักโทษหนีคดีในประเทศไทยนั้นจะมีผลต่อการขอวีซ่าหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของเขา ตนไม่อยากก้าวล่วง แต่ทั่วโลกเข้าใจดีว่าคดีที่ดินรัชดานั้นเป็นคดีทางการเมือง ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ากรณีนี้มีการล็อบบี้จากสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟนั้น นายนพดล กล่าวว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้มีองค์ประกอบของส.ส.และส.ว.ที่มีความอาวุโส ดังนั้นจึงไม่เชื่อว่าจะมีสำนักงานกฎหมายไหนไปล็อบบี้ได้ ส่วนจะมีคณะกรรมาธิการคนใดให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีการควบคุมตัวพ.ต.ท.ทักษิณแล้วหรือไม่นั้น นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลลึกขนาดนั้น แต่ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ 100% ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไป โดยในขั้นตอนแรกนั้นต้องรอให้ได้วีซ่าก่อน จากนั้นจึงจะดูเรื่องความปลอดภัย ทั้งทางร่างกายและกฎหมาย ต้องประเมินความปลอดภัยเป็นระยะจนวินาทีสุดท้าย และถ้าหากไม่สามารถเข้าสหรัฐอเมริกาได้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเดินทางไปประเทศอื่นไม่ได้
มองโลกในแง่ดีไม่เชื่อแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้าไม่ได้วีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณจะส่งตัวแทนไปชี้แจงแทนหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า คงต้องหาวิธีที่ดีที่สุด ส่วนจะใช้วีดีโอลิงก์ไปชี้แจงแทนหรือไม่หากวีซ่าไม่ผ่านนั้น นายนพดลก ล่าวว่า เราไม่ปิดทุกช่องทาง ทั้งนี้เท่าที่คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณล่าสุดเมื่อช่วงเช้านั้น ท่านยังยืนยันและตั้งใจว่าจะเดินทางไปตามคำเชิญของซีเอสซีอี ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่า เกรงว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาหรือไม่ หลังจากที่ไทยได้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธสงครามไปให้กับทางการสหรัฐก่อนหน้านี้ นายนพดล กล่าวว่า ไม่อยากคาดการณ์ไกลขนาดนั้น อยากมองในแง่ดีว่าเขาอยากทราบข้อมูลเราจริงๆ ส่วนผลการไต่สวนของซีเอสซีอีจะมีน้ำหนักต่อคดีความที่ยื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่นั้น นายนพดล กล่าวว่า ความจริงมันแยกส่วนกัน แต่อาจจะมีน้ำหนักถึงกันก็ได้
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 842 ครั้ง