วันที่ 11 ธันวาคม นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวยืนยันว่า ไม่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแน่นอน แม้ถูกแฟนบอลรวมตัวขับไล่ พร้อมเผยว่า ตนเองยังคงมีความชอบธรรมในการบริหารงาน และพร้อมที่จะหาแนวทางออกร่วมกันกับกลุ่มแฟนบอลที่รวมตัวต่อต้านหลังวันที่ 19 ธ.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าที่อาคารมาลีนนท์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แฟนบอลชาวไทยหลายร้อยชีวิต อันประกอบไปด้วยตัวแทนจากเว็บไซด์ฟุตบอลไทย“ไทยแลนด์สู้สู้”, “เชียร์ไทยร์พาวเวอร” และ “เชียร์บอล” ร่วมกับแฟนคลับจากหลากสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก และลีกภูมิภาค ร่วมเดินทางมามายื่นหนังสือต่อ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังถึงการบริหารงานที่ผิดพลาดของทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
พร้อมเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.นายกสมาคมฯต้องลาออกจากตำแหน่ง 2.ต้องการปฏิรูปการเลือกตั้ง โดยให้บุคคลภายนอกมีสิทธิ์ออกเสียง 3.ต้องการให้บุคคลใหม่เข้ามาบริหารงานในการวางแผนนโยบายใหม่ 4. เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกได้ทราบถึงการบริหารงบประมาณ นอกจากนั้นยังได้ประกาศนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ที่สนามศุภชลาศัยอันเป็นที่ทำการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในวันที่ 19 ธ.ค.ก่อนที่จะสลายการชุมชุมในเวลา 11.00 น.
นายพินิจ งามพริ้ง ประธานกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นของวงการฟุตบอลไทย ไม่ใช่เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆดังเช่นปัจจุบัน ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราดำเนินเรื่องคุณวรวีร์ เราเคยยื่นหนังสือแล้วเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายกสมาคมฯเองก็รับปากเราเป็นอย่างดีว่าจะจัดการให้ตามที่เรียกร้อง แต่ถึงปัจจุบันเรายังไม่เคยเห็นสิ่งร้องขอไปเลย ซึ่งจากล้มเหลวที่เกิดขึ้นตกรอบซีเกมส์ ที่ลาว รวมถึงล่าสุดตกรอบ “ซูซูกิ คัพ” เราจึงต้องเรียกหาความผิดชอบของทางสมาคมฯ
ด้านนายพิพัฒน์ วราเมธพิพิฒน์ ตัวแทนแฟนบอล กล่าวว่า ครั้งนี้เรามาเพื่อต้องการมิติใหม่ นี่คือจุดเริ่มต้นฟุตบอลไทยยุคใหม่ เราต้องการนายกสมาคมฯคนใหม่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมีประ สบการณ์ในการบริหารงาน และเป็นคนเปิดกว้างรับต่อความคิดของเหล่าแฟนบอล ไม่ใช่แค่สร้างฝันไปฟุต บอลโลกไปวันๆ
สำหรับผลงานทีม“ช้างศึก”เริ่มจาก 24 ธ.ค. 2551 แพ้ เวียดนาม คาบ้านในรอบ 41ปี, 18 พ.ย. 2552 แพ้ สิงคโปร์ คาบ้านในรอบ34ปี, 11 ธ.ค. 2552 แพ้ มาเลเซีย ตกรอบแรกซีเกมส์ในรอบ36ปี, 3 มี.ค.2553 แพ้ อิหร่าน ทำให้ไม่ผ่านเข้าไปเล่นศึกเอเชียนคัพ รอบสุดท้าย ครั้งแรกในรอบ 43 ปี,1 ธ.ค. 2553 เสมอ ลาว ครั้งแรกในรอบ 41 ปี และ ล่าสุด 7 ธ.ค. แพ้ อินโดนีเซีย ตกรอบแรก อาเซียนคัพ ในรอบ 27 ปี
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการบันทึกเทป รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ถึงปัญหาวิกฤติฟุต บอลไทยว่า “อย่าให้การเมืองไปแทรกเลยครับ แต่มันก็เป็นความรับผิดชอบและดุลพินิจของผู้ที่เขาเกี่ยวข้อง ผมไปพูดเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องการเมืองไปแทรก”
เมื่อถามว่า มีการมองว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องกีฬาน้อยไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้ามีปัญหาอะไรเราก็จะดูในแง่ของการสนับสนุนของรัฐบาล
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มพลังลูกหนังที่มีบุคลากรในวงการฟุตบอลไทยช่วงที่รุ่งเรืองจนถึงขนาดพุ่งขึ้นไปติดใน 50 อันดับแรกของโลก เริ่มออกมาเคลื่อนไหวกันแล้ว เพื่อรวบรวมกำลังพลและเตรียมที่จะร่างนโยบายเพื่อลงชิงชัยในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในสมัยหน้า
“ไม่ใช่เพียงเพราะเหตุฟุตบอลไทยตกรอบแรกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้เท่านั้น หากแต่การเริ่มออกมาเคลื่อนไหวนี้ได้เริ่มกันมานานแล้ว นับตั้งแต่นโยบายการบริหารสมาคมฟุตบอลไทยภายใต้การนำของนายวรวีร์ มะกูดี ไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจน และแทบไม่มีเวลาในการเข้ามาบริหารงานของสมาคม แม้จะมอบหมายงานบางเรื่องให้นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการเป็นผู้ดูแล แต่กลับไม่มีอำนาจการตัดสินใจใดๆ เสมือนอำนาจรวมทั้งหมดยังอยู่ที่นายกสมาคมเพียงคนเดียวเท่านั้น”
แหล่งข่าวรายเดิมยังกล่าวอีกว่า ผลงานของทีมฟุตบอลชาติไทยที่ตกต่ำลงทุกขณะ ไม่เพียงแต่ย่ำยีศักดิ์ศรีของประเทศ หากแต่สมาคมยังคงนิ่งเฉยที่จะพัฒนา หรือแก้ไขข้อบกพร่อง ดังจะเห็นได้จากภายหลังการตกรอบแรกฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ จนถึงฟุตบอลซีเกมส์ สมาคมยังคงทำงานโดยไร้แบบแผนที่จะเห็นได้ว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น
“ขณะเดียวกันเรื่องของการคอรัปชั่นในเชิงนโยบายกลับมีกระแสค่อนข้างแรงขึ้นทุกวัน ทำให้กลุ่มของคนที่เคยอยู่ในวงการลูกหนังยุคที่ไทยเป็นเจ้าอาเซียน เริ่มทนความล้มเหลวไม่ไหว และเตรียมรวบรวมทีมงานเพื่อลงแข่งขันนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยสมัยหน้า”
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1131 ครั้ง