อีสาน “ทักษิณ-เพื่อไทย” สิ้นมนต์ขลัง กระแสเสื่อม “เนวิน” ล้างแค้นสำเร็จ กู้หน้าหลังแพ้มาสองนัด ชนะม้วนเดียวจบ โคราช-สุรินทร์ “เหลิม” เลิกซ่า อ้างรู้มานานแล้วสู้ไม่ได้ “บุญจง-เกื้อกูล” แต่งตัวรอกลับเป็นรัฐมนตรี หลังเด็กเติ้งฝ่าเสื้อแดงเข้าป้ายที่อยุธยา ตำรวจเดินหน้าสอบซื้อเสียงเมืองย่าโม
ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 5 เขต 5 จังหวัด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2553 พบว่าชัยชนะส่วนใหญ่เป็นของพรรคร่วมรัฐบาล แยกเป็นประชาธิปัตย์ ที่รักษาพื้นที่กรุงเทพมหานครไปได้ตามความคาดหมายกับชัยชนะของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ในเขต 2 กรุงเทพมหานคร
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ในภาคอีสานเป็นครั้งแรก และเป็นชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งแรกของนายเนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย นับแต่มีการตั้งพรรคภูมิใจไทยมา หลังจากก่อนหน้านี้นายเนวินและพรรคภูมิใจไทยแพ้การเลือกตั้งแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยมาตลอดในการเลือกตั้งซ่อมที่สกลนครและมหาสารคาม 2 ครั้งติดต่อกัน
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ก็ได้รับชัยชนะเช่นกัน หลังนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต รมช.คมนาคม เอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นพื้นที่เลือกตั้งซึ่งเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงในภาคกลาง
ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะเพียงที่เดียว คือที่ขอนแก่น ซึ่งการแข่งขันไม่เข้มข้นเท่าที่ควร เพราะคู่แข่งขันคือประชาธิปัตย์ยังเป็นรองอยู่มาก
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้คาดการณ์กันว่าการปรับ ครม.ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ที่ชนะการเลือกตั้งที่โคราช และนายเกื้อกูล จะกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง หลังจากทั้งสองคนลาออกไปก่อนหน้านี้
หล่อเล็กชนะม้วนเดียวจบ
โดยผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในพื้นที่ต่างๆ มีดังนี้ เริ่มจากเขต 2 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีหน่วยเลือกตั้ง 546 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 103,491 คน ผลการเลือกตั้งผู้ชนะคือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้คะแนน 71,072 คะแนน เอาชนะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยไปขาดลอย เพราะนายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ จากพรรคเพื่อไทย ได้เพียงแค่ 30,506 คะแนน
นายเจริญรัตน์ ชุติกาญน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังสรุปผลคะแนนเสียงการเลือกตั้งว่า มีผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 111,696 คน คิดเป็น 33.73 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 1443 ใบ คิดเป็น 1.29 เปอร์เซ็นต์ ผู้มาใช้สิทธิ์แต่ไม่ลงคะแนน 6,762 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 6.05 ส่วนการที่คนมาใช้สิทธิ์น้อยนั้น ปลัดกรุงเทพมหานครยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนมาใช้สิทธิ์กันอย่างเต็มที่แล้ว
หลังได้รับชัยชนะ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ กทม. บอกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะมี ส.ส.กทม.เพิ่มขึ้น และไม่มีปัญหาถ้าหากจะมีการเลือกตั้งใหญ่
ขอนแก่นไม่พลิก
ส่วนผลการเลือกตั้งที่เขต 2 จังหวัดขอนแก่น อันเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคเพื่อไทยที่ส่ง ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น ลงป้องกันพื้นที่กับนายอธิปรัชญ์ ทัดพิชญางกูร จากพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งการแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเพียงอุ่นเครื่องทำพื้นที่ในขอนแก่นเท่านั้น ยังไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับการเลือกตั้ง ผนวกกับฐานเสียงของ ร.ท.ปรีชาพล ซึ่งเป็นบุตรชายนายเสริมศักดิ์ อดีตปลัดมหาดไทย และอดีต ผวจ.ขอนแก่น และนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ที่เป็นอดีต ส.ว.ขอนแก่น ทำให้ ร.ท.ปรีชาพลเป็นต่ออยู่มาก อีกทั้งขอนแก่นก็เป็นจังหวัดที่รู้กันดีว่าเป็นฐานหลักของคนเสื้อแดงในภาคอีสาน
ซึ่งผลการเลือกตั้งก็ออกมาตามที่คาดหมาย คือ ร.ท.ปรีชาพล ได้คะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการ 121,888 คะแนน อันเป็นคะแนนที่ได้รับหลังนับคะแนนไปได้มากกว่าร้อยละ 90 ขณะที่นายอธิปรัชญ์ได้ 35,624 คะแนน
นายมานพ แสนประเสริฐ ประธาน กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า ให้พนักงานสืบสวนสอบสวน กกต.ขอนแก่น สรุปสำนวนความผิดตามข้อกฎหมายเลือกตั้ง หลังพบผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรคร้องต่อ กกต. และแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำลายป้ายหาเสียงและซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งนั้นคาดว่าจะสามารถประกาศผลและรับรองได้ภายใน 30 วัน ทั้งนี้เขต 2 ขอนแก่น มีด้วยกันทั้งสิ้น 9 อำเภอ หน่วยเลือกตั้งมี 763 หน่วย
สุรินทร์เด็กเนวินคว้าชัย
ขณะที่ผลการเลือกตั้งที่เขต 3 จังหวัดสุรินทร์ อีกหนึ่งสนามเลือกตั้งที่แข่งกันอย่างหนักระหว่างพรรคภูมิใจไทย ที่นายเนวิน ชิดชอบ ส่งนายศุภรักษ์ ควรหา อดีต ส.ส.สุรินทร์ ไทยรักไทย และอดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) ลงชนกับนางปทิดา ตันติรัตนานนท์ อดีต ส.จ.หลายสมัย จากพรรคเพื่อไทย
ถือเป็นสนามเลือกตั้งที่มีการแข่งขันดุเดือดไม่น้อย เนื่องจากสุรินทร์เป็นบ้านเกิดของนายเนวิน และเป็นฐานการเมืองสำคัญของพรรคภูมิใจไทยในอีสานใต้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้แรงหนุนจากกลุ่มนายเกษม รุ่งธนเกียรติ จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ตัดสินใจไม่ให้นางมลิวัลย์ ตันยะกิจสกุล อดีต ส.ส.สุรินทร์ของเพื่อแผ่นดินลงสมัครรักษาพื้นที่ หลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มนายเกษมจะย้ายกลับพรรคเพื่อไทย
ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่สุรินทร์ ปรากฏว่าชัยชนะเป็นของนายศุภรักษ์และพรรคภูมิใจไทย ที่ได้คะแนน 104,128 คะแนน ขณะที่นางปทิดาได้ 75,147 คะแนน
โดยเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิ์รวม 179,257 คน คิดเป็นร้อยละ 54.47 สำหรับเขต 3 สุรินทร์ มีด้วยกันทั้งสิ้น 6 อำเภอ มีหน่วยเลือกตั้ง 663 หน่วย มีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 324,203 คน
อยุธยา”เกื้อกูล”ฝ่าเสื้อแดง
ส่วนสนามเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ซึ่งเป็นการลงป้องกันพื้นที่ของนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต ส.ส.อยุธยา 3 สมัย และอดีต รมช.คมนาคม จากพรรคชาติไทยพัฒนา โดยต้องแข่งกับนายองอาจ วชิรพงษ์ จากพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ที่อยุธยาซึ่งมี ส.ส.ได้ 5 คน พบว่าเป็นของพรรคเพื่อไทยถึง 4 คน ทำให้ฝ่ายเพื่อไทยพยายามจะเอาชนะนายเกื้อกูลให้ได้เพื่อให้ได้ ส.ส.เพื่อไทยยกจังหวัด
แต่ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่านายเกื้อกูลเอาชนะเพื่อไทย เพราะได้ 84,518 คะแนน ขณะที่นายองอาจ วชิรพงศ์ จากเพื่อไทยได้ 78,497 คะแนน และนางกาญจน์มณี ทรัพย์พันธ์ จากพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ได้ 10,544 คะแนน
“บุญจง”ลอยลำแต่งตัวรอเป็น มท.2
และสนามเลือกตั้งสุดท้ายคือ นครราชสีมา ที่ถูกจับตามองมากที่สุด เพราะเป็นการแข่งขันที่มีเดิมพันการเมืองสูง ระหว่างพรรคภูมิใจไทยที่ส่งนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทยและรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงสมัครป้องกันพื้นที่กับฝ่ายพรรคเพื่อไทย ที่ส่งนายอภิชา เลิศพชรกมล ลงสมัคร โดยมีข่าวมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่จับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อชนกับนายเนวิน ชิดชอบ และนายบุญจง จึงทำให้สนามเลือกตั้งโคราชมีข่าวมาตลอดว่าการแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด มีการร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งมาตลอด ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายที่แสดงความแปลกใจกับการที่นายบุญจงไม่ค่อยลงพื้นที่หาเสียงหรือเปิดเวทีปราศรัย แต่กลับได้รับชัยชนะ
พ.อ.สันธิรัตน์ มหันธนชาติ ผอ.กกต.จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการว่า นายนิติศักดิ์ วันโสภา จากพรรคเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ได้ 3,366 คะแนน, นายอภิชา เลิศพชรกมล พรรคเพื่อไทย ได้ 63,487 คะแนน และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ได้ 82,978 คะแนน
เหลิมพลิกลิ้นหลังแพ้ยับ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยบอกว่าคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยเป็นรองพรรคภูมิใจไทย เราประเมินไว้แล้วว่าพรรคภูมิใจไทยจะชนะการเลือกตั้งทั้ง 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุรินทร์และนครราชสีมา
ในช่วงค่ำ หลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าได้รับชัยชนะ นายบุญจง วงศ์ไตรัตน์ พร้อมด้วยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวขอบคุณประชาชน และบอกว่าที่ได้รับชัยชนะเป็นเพราะประชาชนในพื้นที่เห็นผลงาน ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้วัดความนิยมระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายเนวินได้หรือไม่ นายบุญจงตอบว่า มันเป็นตัวชี้วัดชัดเจนว่าประชาชนเลือกพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาให้กำลังใจ
ด้านนายชวรัตน์ กล่าวถึงตำแหน่ง รมช.มหาดไทยของนายบุญจงว่า คงไม่มีปัญหา ส่วนตัวสนับสนุนเพราะนายบุญจงมีผลงานให้เห็นอยู่แล้ว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคด้วย
นอกจากนี้ นายบุญจงยังกล่าวถึงการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่โคราชว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. ส่วนกรณีที่มีการร้อง กกต.เรื่องการจัดเลี้ยง เรื่องสัญญาว่าจะให้ และเจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลางนั้น นายบุญจงกล่าวว่า กกต.จะเป็นผู้ตรวจสอบ สอบสวน ไม่น่าห่วง ยืนยันความบริสุทธิ์ไม่ทำอย่างที่ปรากฏ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรค ก็โทรศัพท์มาพูดคุยถามข่าวและสั่งให้ระมัดระวัง
“ส่วนพรรคจะมอบหมายผมเป็น รมช.มหาดไทย หลังชนะเลือกตั้งหรือไม่ อยู่ที่กรรมการบริหารพรรค ผมพร้อม” นายบุญจงกล่าว
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงชัยชนะที่สุรินทร์และโคราชว่า เป็นสัญญาณอันดีต่อการเลือกใหญ่ และหากมีการแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย รับรองในพื้นที่อีสาน ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคภูมิใจไทยคนหนึ่งบอกว่า ให้จับตาดูแรงกระเพื่อมภายในพรรคที่จะเกิดขึ้น หากนายบุญจงมีปัญหาการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต. จนทำให้เข้ารับตำแหน่ง รมช.มหาดไทยล่าช้า ก็อาจมี ส.ส.ในพรรคออกมาเคลื่อนไหว แม้จะรู้ดีว่านายเนวินหนุนหลังนายบุญจงเต็มที่ เพราะตอนนี้ ส.ส.ในพรรคหลายคนก็ไม่ค่อยพอใจนายบุญจง ที่ไม่ค่อยช่วยเหลือเพื่อน ส.ส.ในพรรคเท่าที่ควร
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1487 ครั้ง