นายกรัฐมนตรี เปิดการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย-ตะวันออกกลางครั้งที่ 3 มุ่งหวังการค้าการลงทุนเติบโต มูลค่า 8ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ตะวันออกกลาง ครั้งที่ 3 (AMED) ว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของหลายประเทศ ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เเละจากนี้จะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันเเละกัน เพื่อเเสวงหาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่ตรงกันคือ “ร่วมมือ มั่งคั่ง รวมพลัง สู่อนาคต” ทั้งนี้ เราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง สิ่งเเวดล้อม เเละความมั่นคงของโลก ถึงเเม้ว่าจะมีความพยายามโดยกรอบความร่วมมือหลายกรอบ รวมทั้งกลุ่มจี20 เพื่อเเก้ไขปัญหาก็ตาม เเต่ความพยายามเหล่านั้น ยังไม่เพียงพอ ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างภูมิภาค จึงถูกมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสานต่อข้อริเริ่มในระดับระหว่างประเทศที่ได้ตกลงกันไว้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันทวีปเอเชียมีพลวัตเเละการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เเละอุตสาหกรรมโลก ปริมาณการค้าการลงทุน เเละการติดต่อภาคประชาชน จึงเพิ่มขึ้นทั้งสองภูมิภาค ทำให้ทั้งเอเชียเเละตะวันออกกลาง มีตัวเลขจีดีพีรวมกัน 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เเละมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศรวมกัน 60%ของมูลค่าเงินทุนสำรองของโลก กองทุนความมั่นคงเเห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) รวมกันมีมูลค่าถึง 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งสองภูมิภาคมีการได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในการสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ เเละการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิก มีโอกาสมากที่จะร่วมมือกัน โดยในด้านความมั่นคงทางพลังงาน ตะวันออกกลาง อัฟริกาเหนือเเละเอเชียกลาง เป็นเเหล่งทรัพยากรธรรมชาติเเละพลังงานที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านปิโตรเลียม ประเทศไทยเองมีโครงสร้างการร่วมลงทุนหลายโครงการกับประเทศสมาชิก AMED โดยไทยหวังว่าจะพัฒนาเเหล่งพลังงานทางเลือก เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1157 ครั้ง