นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. และนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. กล่าวภายหลังเข้าหารือร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประมาณ 30 นาที โดยยืนยันว่าเป็นการพบกันบังเอิญ ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นข้อเสนอว่า จะให้กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เข้าไปพูดคุยกับแกนนำเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง เพื่อช่วยเหลือเรื่องการประกันตัว
ซึ่งตนเองเห็นด้วยเพราะไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากที่ผ่านมาการยื่นขอประกันตัวผ่านทนายไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงจากนี้ไป ก็ยังมีต่อเนื่อง แต่ยึดหลักสันติวิธีตามกรอบรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังมีคนเสื้อแดงอยู่ แต่ไม่ได้เรียกร้องให้มีการยุบสภา ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณ ที่การชุมนุมที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นตรงกันที่จะให้บ้านเมืองมีความสงบเดินหน้าต่อไปได้ และภาพรวมการหารือเป็นไปด้วยดี นายกรัฐมนตรี ยังได้สอบถามเรื่องสุขภาพของนายวีระและความเป็นอยู่ของแกนนำเสื้อแดงและคนเสื้อแดงบางส่วนที่ยังถูกคุมขังอยู่
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปาฐกถาพิเศษระหว่างเปิดงาน 100 ปี สภาความมั่นคงไทย สู่ศตวรรษใหม่ความมั่นคง หัวข้อ “มุมมองต่อสถานการณ์และปัญหาความมั่นคงปัจจุบัน” โดยยอมรับว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมานั้นเป็นสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหานี้ โดยมุ่งที่จะใช้การปลูกฝังและทำความเข้าใจเรื่องของการทำตามกฎหมาย และการขจัดความเหลื่อมล้ำ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม ส่วนเรื่องของการคืนอำนาจนั้นก็คงเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นในลำดับต่อไป เพื่อให้กระบวนการประชาธิปไตยสามารถดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องความมั่นคง คือ เรื่องของสถานการณ์แนวชายแดนโดยรอบของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ติดกับประเทศกัมพูชา ที่สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ หรือ ในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่รัฐบาลก็มีแนวโน้มจะพิจารณากลับไปใช้กฎหมายปกติดูแลพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของ จ.สงขลา ก็มีการพิจารณาไปบ้างแล้ว ขณะที่ภัยคุกคาม ลำดับสุดท้ายที่อยากกล่าวถึง คือ เรื่องของคนต่างด้าวที่ทะลักล้นเข้าสู่ประเทศโดยผิดกฎหมาย และมีจำนวนมากเกินกว่าที่จะจัดส่งตัวกลับได้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอนาคต ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนจัดการส่วนนี้ด้วย ซึ่งอาจต้องแก้ไขด้วยการพยายามให้เกิดการยอมรับในสังคม และดำเนินการเรื่องการเข้าประเทศให้ถูกต้อง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1299 ครั้ง