ชวนนท์ นำคณะ 5 คนไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว พร้อมพาขึ้นรถตู้ออกจากสนามบินฯทันที พนิชยิ้มปัดตอบสื่อ-อภิสิทธิ์ สั่งแปลตำพิพากษา ส่วนสดศรี เตรียมถกขาดคุณสมบัติส.ส.
วันที่ 22 มกราคม เมื่อเวลาประมาณ 16.45 น. คนไทยทั้ง 5 คนได้เดินทางกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส หลังจากศาลกัมพูชาตัดสินเมื่อวานนี้(21 ม.ค.) โดยมีทั้งโทษปรับและจำคุก 9 เดือน แต่ให้รอลงอาญาในคดีลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเข้าพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับคนไทยทั้ง 5 คนที่เดินทางกลับมาในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายพนิช วิกิตเศรษฐ์, เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์, นายตายแน่ มุ่งมาจน, นางนฤมล จิตรวะรัตนา และนายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี
ทั้งนี้ มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากมารอเฝ้าทำข่าวตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่คนไทยทั้ง 5 คนไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ได้พาทั้งหมดขึ้นรถตู้ออกไปจากสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาคดี 5 คนไทย ว่า ล่าสุดได้สั่งแปลคำพิพากษาของศาลกัมพูชา เป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ หากมีประเด็นใดที่มีผลกระทบประเทศไทย หรือผูกพันกับพื้นที่ที่ไม่กำหนดเขตชัดเจน ก็ไม่ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะทำหนังสือโต้แย้ง พร้อมกับชี้แจงว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ยังไม่ขาดคุณสมบัติ
อย่างไรก็๋ตาม ยืนยันเคารพแนวทางการต่อสู้คดีของ “วีระ-ราตรี” ที่ไม่ขอให้ตัดสินคดีเร็วขึ้น แต่ทางรัฐบาลก็อยากให้จบเร็ว ไม่อยากให้รอถึงวันที่ 1ก.พ.และในวันพรุ่งนี้ เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงในผลกระทบที่เกิดขึ้นกรณี 7 คนไทย พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหา ให้มั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องการรักษาอธิปไตย ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ศาลประเทศกัมพูชามีคำพิพากษาจำคุก 5 ไทย เป็นเวลา 9 เดือน ปรับเงินล้านเรียล แต่ให้รอลงอาญาว่า ในเรื่องนี้จะมีผลต่อสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหนึ่งในคนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาหรือไม่นั้น คงต้องมาดูตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 106 (4) ,( 5) ,( 11) โดยเฉพาะมาตรา 106 (11) ที่ระบุว่า ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท แต่ในตอนนี้เรายังไม่ทราบว่า ศาลของกัมพูชามีกี่ชั้น ซึ่งถ้านายพนิชไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลก็จะถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุด และจะเข้าข่ายตามมาตรา 106 (11) ที่อาจส่งผลให้นายพนิชสิ้นสภาพความเป็นส.ส.ได้ ถึงแม้จะเป็นการรอลงอาญาก็ตาม
นางสดศรี กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวมีปัญหาตรงที่ว่า การที่ศาลกัมพูชามีคำพิพากษาดังกล่าวออกมาจะมีผลผูกพันกับประเทศไทยด้วยหรือไม่ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญ หมวด 10 ระบุถึงศาลไว้เพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น ประกอบด้วย ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองและศาลทหาร แต่ที่ผ่านมาเมื่อปี พ.ศ.2521 ทางกระทรวงมหาดไทยเคยส่งเรื่องในลักษณะเดียวกันให้กฤษฎีกาตีความ ซึ่งผลการตีความก็ออกมาว่า ศาลในที่นี้คือศาลทั่วไป ซึ่งรวมถึงศาลในต่างประเทศด้วย โดยเป็นการตีความตามธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2521 แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับนายพนิชเป็นกรณีที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน
นางสดศรี กล่าวว่า ดังนั้นกกต.จึงเตรียมที่จะพูดคุยถึงกรณีดังกล่าวในวันที่ 24 ม.ค.นี้ โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจจะให้สำนักงานกกต.บรรจุเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมกกต.อีกครั้งในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งที่ประชุมก็จะหารือในประเด็นที่ว่า ศาลในที่นี้จะรวมถึงศาลในต่างประเทศด้วยหรือไม่ และคำพิพากษาของศาลถือเป็นที่สิ้นสุดแล้วหรือยัง ประกอบกับตอนนี้คงต้องรอทางกระทรวงต่างประเทศทำหนังสือเกี่ยวกับรายละเอียดในคำพิพากษาของศาลกลับมาก่อน ถึงจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามถ้าที่ประชุมกกต.พิจาณาและเห็นว่า ศาลในที่นี้รวมถึงศาลในต่างประเทศด้วยและมีประเด็นพิจารณาให้นายพนิช ขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส. ก็คงจะต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมสภาฯเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพนิชจะมีสิทธิเข้าร่วมโหวตได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นกับประธานสภาฯที่จะพิจารณา เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน กกต.คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่กกต.จะมีการทำหนังสือสอบถามไปยังสภาฯด้วยว่า ขณะนี้สมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายพนิชสิ้นสุดแล้วหรือไม่
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1132 ครั้ง