พูโล”ออกใบปลิวถล่ม “ถาวร” ชี้หวั่นเสียแนวร่วม ชาวระแงะกว่า 400 คน ให้กำลังใจทหารพระองค์ดำหลังถูกโจรใต้บุกถล่มฐาน ครูกศน.เหยื่อโจรใต้บึ้ม9ศพเผยโจรใต้พุ่งเป้าเจ้าหน้าที่รัฐ
วันที่
27 ม.ค.ได้มีใบปลิวขนาด A4 หัวข้อ “ถาวรหรือจะเปลี่ยนใจอันแน่วแน่ของนักสู้ปัตตานี” โดยมีหัวกระดาษอ้างว่าเป็นของกลุ่มพูโล (Patani United Liberation Organisation)แปลเป็นภาษาไทยโดยมีลักษณะพิมพ์ออกมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วถ่ายสำเนาเผยแพร่ในพื้นที่ โดยเนื้อหาใจความสำคัญโจมตีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบทบาทหลักในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในแนวทางการเมืองนำการทหาร โดยเฉพาะการนำร่องใช้ ม.21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.เทพา อ.จะนะ อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุความไม่สงบซึ่งหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้มีโอกาสกลับตัวกลับใจ ซึ่งในใบปลิวระบุว่า คณะกรรมการต่างๆในกระบวนการตามมาตรา 21 มีเป้าหมายเพื่อยุติการต่อสู้ตามหนทางของอัลลอฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่เหนือพื้นพิภพ และโจมตีว่าการดำเนินการของคณะกรรมการกลั่นกรองและสอบสวนพิเศษจะทำการทรมานกายและใจ ในรูปของการข่มขู่ต่างๆเรื่องนี้นายถาวร กล่าวยอมรับว่า มีเอกสารใบปลิวดังกล่าวจริง โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้รายงานให้ทราบแล้ว ซึ่งมองว่าเป้าหมายของผู้ออกใบปลิว ต้องการรักษาแนวร่วมของตนเองไว้ โดยการให้ข้อมูลบิดเบือนและใส่ร้าย โดยอาจประเมินจากบทเรียนการประกาศใช้นโยบาย 66/23 ซึ่งสามารถแก้ปัญหาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ ในทำนองเดียวกันการดิ้นรนของผู้ก่อเหตุก็เท่ากับการยอมรับว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จในการโครงการพัฒนาต่างๆเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ของรัฐบาล จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวโจมตีเพื่อรักษาแนวร่วมของตนไว้
นายถาวรกล่าวว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการนำ ม.21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงมาใช้ โดยที่ผ่านมาได้เดินทางลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับกองทัพ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและตรวจดูความพร้อมของโรงเรียนสันติสุข ที่สำคัญกระบวนการตามมาตรา 21 ก็ยังมีกระบวนการยุติธรรมโดยศาลเป็นผู้พิจารณา
ชาวระแงะ400คนให้กำลังใจทหาร
เมื่อเวลา 10.30 น. ได้มีตัวแทนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 9 หมู่บ้านของ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จำนวนกว่า 400 คน เดินทางมายังฐานปฏิบัติการณ์ทหารพระองค์ดำ สังกัดร้อย ร. 15121 ฉก.นราธิวาส 38 ซึ่งตั้งอยู่ ม. 1 ต.มะรือโบตก ซึ่งถูกกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK บุกถล่มฐานและปล้นปืนไปจากคลังอาวุธ แถมยังสังหารโหด ร.อ.กฤษ คัมภีรญาณ ผบ.ร้อยและพวกเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนของวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยมี ร.ท.ภูริ เพิกโสภณ รักษาราชการแทน ผบ.ร้อย ร. 15121 ฉก.นราธิวาส 38 และเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในฐานดังกล่าว เป็นผู้คอยให้การต้อนรับกลุ่มตัวแทนชาวบ้าน ที่เดินทางนำดอกไม้และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆมามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร
ซึ่งตัวแทนชาวบ้านได้กล่าวกับ ร.ท.ภูริ รักษาราชการแทน ผบ.ร้อย พอสรุปใจความว่า หลังเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ชาวบ้านทุกคนมีความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ทหาร เกรงจะรู้สึกหมดกำลังใจที่ทุกนายทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ชาวบ้านดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ชาวบ้านทุกคนเป็นห่วงและเสียดายที่ต้องสูญเสียนายทหารที่ดีๆ แต่นี้ไปชาวบ้านให้สัญญาว่าจะทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น บ้านเมืองจะสงบสุขแบบยั่งยืนได้ทั้งชาวบ้านและทหารต้องร่วมกันขับไล่กลุ่มคนเลวให้หมดไปจากพื้นที่
ส่วนกรณีความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้ายมาลงโทษนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่กองกำลังผสมตำรวจทหารและฝ่ายปกครอง ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนจำนวนทั้งสิ้น 20 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระหว่างกระบวนการสอบสวนขยายผลในเชิงลึกที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี และอาวุธปืนที่กลุ่มคนร้ายบุกปล้นไปจากคลังอาวุธ จำนวนทั้งสิ้น 61 กระบอกและกระสุนปืนกว่า 8 พันนัดนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเมินว่า อาวุธปืนดังกล่าวกลุ่มคนร้ายได้มอบกระจัดกระจายให้กับกลุ่มแกนนำที่แอบแฝงตัวก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วจำนวน 20 – 30 กระบอก
ส่วนที่เหลือกลุ่มคนร้ายได้แอบนำไปซุกซ่อนไว้ยังหมู่บ้านซึ่งเป็นบริวารของเทือกเขาบูโด ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงและทุรกันดารและยากต่อการติดตามเจ้าหน้าที่ในการตรวจยึดคืน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกว่าอาวุธปืนส่วนที่เหลือนี้ซุกซ่อนอยู่ที่หมู่บ้านใดบ้าง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ทำการบุกตรวจยึดคืนสู่กองทัพต่อไป
ครูกศน.เหยื่อโจรใต้บึ้ม9ศพเผยโจรใต้พุ่งเป้าเจ้าหน้าที่รัฐ
นายศักดิ์ชัย สิริพันธ์ อายุ 36 ปี ครู กศน.ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถกระบะบนถนนสายบ้านลีตอ-ปะแดรู บ้านกือมิ หมู่ 3 ต. บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลาเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ได้เล่าถึงเหตุการณ์ผ่านรายการ”ระวังภัยรายวัน” FM 102ว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ตนได้นำอาหารไปให้กลุ่มผู้เลี้ยงเป็ดที่บ้านซีเซะ ต.บาโร๊ะ หลังจากนั้นก็ได้กลับมาจัดทำข้อสอบให้เรียบร้อยที่ กศน. กระทั่งเวลา 17.00 น.นายบุญ สิริพันธ์ น้าชายได้กลับจากการล่าสัตว์ป่า ได้แม่หมู 1 ตัวและลูกหมู 1 ตัวชวนตนกลับบ้านพร้อมกับพรรคพวกอีก 10 คน ระหว่างเดินทางกลับบ้านตนนั่งเบาะหน้าข้างคนขับคือน้าชายที่เสียชีวิตโดยนั่งแคป 4 คน และละนั่งกระบะหลัง 5 คน รวมทั้งหมด 11 คน น้าชายขับรถด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. ระหว่างนั้นตนก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นที่ใต้ท้องรถ ค่อนไปทางด้านกระบะหลัง เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 รายประกอบด้วยนายบุญ สิริพันธ์ ผู้ขับรถ นายคะนึง ชนะบัญญัติ นายเสนอ ยอสมเฟ็ช นายเขียว ศรีทะวีป นายดำรง แซ่ลิ่ม นายคล่อง ปานลุง นายจิน บัวกอเพรชร นายสมศักดิ์ บัวสิน และนายน้อยเท เพชรรัตน์ และมีบาดเจ็บ 2 คนคือตนกับนายอรุณ หนูนิ่ม ทั้งหมดเป็นชาว อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
ครูกศน.เล่าต่อว่า หลังจากที่ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ตนก็ถูกชาวบ้านนำส่ง รพ. ศูนย์ยะลา ที่ผ่านมา ตนไม่เคยปะทะกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายมาก่อน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเมื่อมีรถคันไหนผ่านมา กลุ่มผู้ก่อการร้ายก็กดระเบิดทันที ไม่ได้เลือกว่าต้องเป็นใคร และเรื่องที่จะให้เจ้าหน้าที่มาคุ้มครองนั้น ตนคิดว่าคงไม่เป็นผล เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่มากกว่าประชาชน
“หากจะให้เจ้าหน้าที่มาคอยดูแลคุ้มกันก็คงจะเป็นเรื่องยาก อาจจะเป็นดาบสองคมเสียด้วยซ้ำ เพราะลำพังเจ้าหน้าที่เองยังเอาตัวไม่รอด การจะลงไปทำงานในพื้นที่ต้องเข้าหาชาวบ้าน ช่วยงานมวลชน ก็จะเป็นใบเบิกทางที่ดีให้กับการทำงานในพื้นที่ ” นายศักดิ์ชัยกล่าวและว่าเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายคือ ทำอย่างไรให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวง ไม่พอใจ ทำอย่างไรให้ชาวพุทธและชาวมุสลิมแบ่งแยกกันออกเป็น 2 ฝ่าย ถ้าเป็นอย่างนั้น กลุ่มผู้ก่อการร้ายอยากจะทำอะไร ย่อมทำได้สะดวกขึ้น และคิดว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้จะยังคงยืดยื้อ ยากต่อการแก้ไข
นายศักดิ์ชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศูนย์ยะลา มีอาการปวดเมื่อยด้านหลังเท่านั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ก็ได้แต่เพียงบอกว่า ต้องดูแลปกป้องตัวเองเบื้องต้นโดยออาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทางการจราจร เพื่อที่ไม่ให้คนร้ายจับทางได้ ทั้งนี้ยังได้ฝากถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีด้วยว่า เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครห้ามได้ แต่ควรหาวิธีป้องกันและเยียวยารักษา ประชาชนบางคนคงไม่อยากย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากราคายางยังคงเกือบ 200 บาท/กก.ถ้าไม่มีเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขต่อรอง ประชาชนบางคนคงอยากย้ายออกจากพื้นที่
ผวจ.นราฯจับมือผู้นำศาสนาเปิดทางค้นอาวุธ
นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ในการติดตามหาเบาะแสและหลักฐานของคนร้ายที่ก่อเหตุยิงถล่มฐานปฎิบัติการร้อยร1 5121 ค่ายพระองค์ดำ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบและตรวจค้นตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งตลอด 1สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือในการเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในพื้นที่ ตลอดจนการแจ้งเบาะแสต่างๆให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อไปสู่การติดตามตัวคนร้าย
สำหรับการเข้าไปตรวจค้นในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านต้องสงสัยเพื่อติดตามแกะรอยคนร้ายที่ก่อเหตุที่อาจเข้าไปกบดาน หรือซุกซ่อนอาวุธเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฎิบัติตามหน้าที่เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณรอบเทือกเขาบูโดที่ถูกจัดให้เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่คนร้ายอาจนำอาวุธที่ขโมยมาจากค่ายทหารนำเข้าไปซุกซ่อน เพื่อพักไว้ชั่วคราวก่อนลำเลียงไปยังพื้นที่เป้าหมายอื่น ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนจึงได้ขอความร่วมมือผู้นำศาสนา ผู้นำหมู่บ้าน ในการเข้าร่วมการตรวจสอบทุกครั้งเพื่อความโปร่งใสและสร้างความเป็นธรรม
“1 สัปดาห์ที่ผ่านมาชาวบ้านเข้าใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเชิญผู้นำศาสนาและผู้นำชุมชนเข้าร่วมการตรวจค้นทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ไม่น้อยกว่า 20 คน ซึ่งทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว ทั้งนี้หากบุคคลใดที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีหลักฐานเชื่อมโยง จะได้รับการปล่อยตัวแน่นอน” นายธนน กล่าว
ยิงทหารพรานหญิงดับ
เวลา 18.00 น. รตต.พิทักษ์ มุณีชัย ร้อย เวร สภ.ยะหริ่ง ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตายที่บริเวณหน้าสุสานบาลาดูวอ ถนนสายใน ต.บางปู-อ.ยะหริ่ง เขตชุมชนบาลาดูวอ ม.2 ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ว่าร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าปัตตานี,พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธุ์ ผบก.จ.ปัตานี พตอ.จักรภพ ท้างฤทธิ์ ผกก.สภ.ยะหริ่ง และกำลังตำรวจ ทหาร ไปที่เกิดเหตุ พบแต่กองเลือด ส่วนผู้ถูกยิง ทราบชื่อว่า อาสาสมัครทหารพรานหญิง ปัณฑารีย์ พุกเจริญผล อายุ 38 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้นไม่ทราบชนิดเข้าบริเวณศรีษะ 3 นัด และลำตัว 1 นัด เสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาลอำเภอยะหริ่ง และมีลูกสาวผู้ตาย ทราบชื่อว่า เด็กหญิงฐิติกาญจน์ พุกเจริญผล อายุ 2 ขวบ บาดเจ็บเล็กน้อย รักษาตัวที่โรงพยาบาลยะหริ่ง นอกจากนั้น รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีดำ ของผู้ตายถูกคนร้ายขโมยไปด้วย
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตาย เป็นทหารพรานหญิง มาช่วยทำหน้าที่ เป็น พนักงานวิทยุ คอลเซ็นเตอร์ ของ กอ.รมน.ปัตตานี หลังเสร็จภารกิจ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยลูกสาววัย 2 ขวบเพื่อจะกลับบ้าน เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ใช้อาวุธปืนสั้นจ่อยิงที่ศรีษะ 3 นัด และยิงซ้ำอีก ทำให้รถผู้ตายเสียหลักล้มลง ส่วนลูกสาวกระเด็นตกจากรถศรีษะไปกระแทกกับถนน ส่วนคนร้ายก่อนหลบหนีได้ขโมยเอา รถ จยย.ของผู้ตายขับหนีไปด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 19.30 น.วันเดียวกัน พตท.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ รอง ผกก. สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงนายอุสมาน บือซา อายุ 28 ปีเสียชีวิตกลางถนน สาย410 สายปัตตานี-ยะลา ม.5 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟของผู้ตายล้มคว่ำอยู่ ขณะที่ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์จากเมืองปัตตานีเพื่อกลับ ก่อนถึงบ้านพักประมาณ 100 เมตรได้มีคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงผู้ตายเข้าบริเวณศรีษะและลำตัวรวม 3 นัดเสียชีวิต ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1828 ครั้ง