วันที 1 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 07.40 น. นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ และ นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ 2 ใน 7 คนไทย ที่ถูกกัมพูชาจับ ได้เดินทางมาขึ้นศาลกัมพูชา โดยนายวีระ มีสีหน้าไม่เคร่งเครียด กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า สบายดี ยืนยันว่าจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ขณะที่นายการุณ ใสงาม แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เดินทางมาเกาะติดการพิจารณาคดี ได้ตะโกนให้กำลังใจนายวีระ
สำหรับวันนี้ ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาในคดี ที่ทั้ง 2 คน ถูกตั้ง 3 ข้อหา คือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้าพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ประมวลข้อมูลอันเป็นภัยต่อการป้องกันประเทศ หรือ จารกรรมข้อมูล
ทั้งนี้วันนี้ มีกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาตินำโดย นายณฐพร โตประยูรณ์ ได้นำพยานหลักฐาน เอกสาร แผนที่ เอกสารสิทธิ์ของประชาชนในพื้นที่ถูกจับกุมรวมถึงพยานบุคคล 2 คน คือธิติพัทธ์ เสมาทอง,โชคพิสิษฐ์ วรพัฒนาชัย พยานบุคคลที่จะขอศาลเบิกความช่วยวีระ ราตรี ซึ่งมาขอเบิกความต่อศาล เป็นพยานให้กับนายวีระ และนางสาวราตรี และขอเปลี่ยนล่ามคนใหม่ รวมถึงแผนที่ฉบับใหม่ที่ไม่ใช่แผนที่ มาตรา 1 ต่อ 2 แสน ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้ในการไต่สวน คดี 5 คนไทย ซึ่งคาดวันนี้จะใช้เวลาพอสมควร ในการพิจารณา โดยศาลจะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่ ในประเด็นที่ต่อสู้ใหม่ แต่ถ้าไม่รับอาจจะตัดสินทันที
อัยการแถลงปิดคดีระบุวีระผิด 3 ข้อหา
ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลไต่สวนเสร็จอัยการผู้ยื่นฟ้องได้แถลงปิดคดี โดยระบุว่า นายวีระ กระทำความผิด 3 ข้อหา คือ ข้ามแดนผิดกฎหมาย เข้าพื้นที่ของทหารโดยผิดกฎหมาย และ เจตนารวบรวมข่าวสารที่กระทบต่อความมั่นคงของกัมพูชา
อัยการระบุว่า จากการไต่สวน ยืนยันได้ว่า นายวีระทำความผิดจริงโดยเฉพาะข้อหาจารกรรมข้อมูล โดยมีเจตนาเข้ามารวบรวมข้อมูลจากค่ายทหาร จากการเข้าไปดูบังเกอร์ ของทหารกัมพูชา ที่แสดงให้เห็นจุดออ่นของกัมพูชาได้
นอกจากนี้อัยการยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยพบว่า นายวีระ เคยทำความความผิดในลักษณะนี้มาแล้ว มีการแอบถ่ายอาวุธของกัมพูชา มีการปลอมตัวเป็นคนเก็บเห็ด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาการรวบรวมข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคง รวมทั้งการที่ให้ น.ส.ราตรี ถือเครื่องบันทึกเสียงที่สามารถบันทึกได้นานกว่า 10 ชม. ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีเจตนาให้ผู้หญิงช่วยสอดแนมจึงขอให้ศาลลงโทษตามความผิด
วีระยืนยันถูกจับในเขตไทย
ในการไต่สวนนั้น นายวีระปฎิเสธการเปลี่ยนล่าม แต่ให้เพิ่มพยานแผนที่และ พยานบุคคลได้โดยต้องสาบานตน ทั้งนี้ ศาลได้ไต่สวนนายวีระว่า เข้าเขตแดนมากัมพูชาตอนไหน นายวีระตอบปฎิเสธ ผมยังไม่ได้เข้าไปเขตกัมพูชา เมื่อศาลถามว่า ตอนเดินมาได้ทำอะไรบ้าง? นายวีระ ตอบว่า ก็ซื้อน้ำกิน จ่ายเงินก็เป็นเงินไทย ศาลถามต่อว่า ได้ยินคนแถวนั้นหรือไม่ เขาพูดภาษาอะไร วีระกล่าวว่า เห็นเขาก็พูดเหมือนคนไทยตามแนวชายแดน แถวโรงเกลือก็พูดอย่างนี้ จากนั้นศาลได้ถามว่า พกกล้องมาทำไม วีระตอบว่า เป็นอุปกรณ์ที่ผมใช้ทำงาน ตรวจสอบการคอรัปชั่นอยู่แล้ว ผมพกตลอด
ทนายของนายวีระได้ยืนยันต่อศาลว่า นายวีระ ไม่มีเจตนาเข้าไปจารกรรมข้อมูล แต่เป็นการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในดินแดนไทย โดยนายวีระ ได้ขอใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศจากเว็บไซต์กูเกิล เพื่อพิสูจน์ว่า ถูกจับในดินแดนของไทยจริง แต่ศาลระบุว่า ไม่มีผู้เชี่ยวชาญมายอมรับแผนที่ดังกล่าว จึงไม่รับฟัง ต่อมา ศาลได้ถามว่า นายวีระยอมรับในเอ็มโอยูและคณะกรรมการร่วมปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ ซึ่งวีระตอบว่าไม่ยอมรับ เพราะเป็นกรรมการเถื่อน ส่งผลให้ศาลไม่ยอมให้นายวีระชี้แจงอีก
จากนั้น ในเวลา 10.00 น. ศาลพนมเปญได้เริ่มไต่สวน น.ส.ราตรี เป็นลำดับต่อมา กระทั่งเวลา 11.30 น. จึงไต่สวนเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ในช่วงบ่ายศาลได้ไต่สวนพยานฝ่ายผู้ฟ้อง ซึ่งประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม 7 คนไทยของทางการกัมพูชา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านแผนที่
จนกระทั่ง เวลา 18.45 น. ศาลพนมเปญ ประเทศกัมพูชาได้อ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุก นายวีระ สมความคิด เป็นเวลา 8 ปี ปรับ 1.8 ล้านเรียล ขณะที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ให้จำคุก 6 ปี ปรับ 1.2 ล้านเรียล ใน3ข้อหาตามที่อัยการยื่นฟ้อง โดยไม่รอลงอาญา นอกจากนี้ศาลยังให้ยึดโทรศัพท์ กล้องวีดีโอ เทปบันทึกเสียง และสมุดบันทึกของนายวีระ2เล่มให้ตกเป็นของทางการกัมพูชา
จนกระทั่ง เวลา 18.45 น. ศาลพนมเปญ ประเทศกัมพูชาได้อ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุก นายวีระ สมความคิด เป็นเวลา 8 ปี ปรับ 1.8 ล้านเรียล ขณะที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ให้จำคุก 6 ปี ปรับ 1.2 ล้านเรียล ใน3ข้อหาตามที่อัยการยื่นฟ้อง โดยไม่รอลงอาญา นอกจากนี้ศาลยังให้ยึดโทรศัพท์ กล้องวีดีโอ เทปบันทึกเสียง และสมุดบันทึกของนายวีระ2เล่มให้ตกเป็นของทางการกัมพูชา
ซึ่งภายหลังการอ่านคำพิพากษา ศาลได้ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายวีระ และ น.ส.ราตรี เข้าเรือนจำเปรยซอว์ทันที
ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ม ธิติพัทธ์ เสมาทอง,โชคพิสิษฐ์ วรพัฒนาชัย พยานบุคคลที่จะขอศาลเบิกความช่วยวีระ ราตรี
ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อนประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา และพร้อมต่อสู้จนถึงที่สุด