วันที่ 7 ก.พ. มีกระแสข่าวระบุว่า จากผลจากการเปิดฉากปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหารและใกล้เคียง ส่งผลกระทบให้ พล.ท.ฮุน มาเน็ต รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา ซึ่งเป็นบุตรชายของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกสะเก็ดระบิดของทหารไทยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เหล่าทหารในบังคับบัญชาเกิดความเจ็บแค้น จึงหาโอกาสตอบโต้อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ และไม่ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นข่าวที่ออกมาจากฝ่ายกัมพูชาเอง ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนในขณะนี้ยังถือว่าสามารถควบคุมได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ฮุน มาเน็ต อายุ 33 ปี เรียนจากจากโรงเรียนนายร้อยเวสป้อย สหรัฐฯ แต่เติบโตรวดเร็วในกองทัพฯ
ชี้เขมรปะทะไทยเหตุมีปัญหาในกองทัพ
พ.อ.ดร.ธีระนันท์ นันทขว้าง ผู้อำนวยการกองศึกษาวิจัยทางยุทธศาสตร์ ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์กองทัพไทย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขาดความเป็นเอกภาพของกองกำลังกัมพูชา แม้ว่าก่อนหน้านี้ระดับนโยบายสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในแง่ขแองการหยุดยิงแล้ว แต่ในแง่ของขั้นของผู้ปฏิบัติเรื่องพวกนี้อ่อนไหวอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ต้องพิจารณาว่าช่วงที่มีการปะทะกันเกิดขึ้น เป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา ต้องการที่จะโจมตีมายังชุมชนที่คนไทยอาศัยอยู่ ต่างจากกรณีที่ทางการไทยตอบโต้ไปที่ฐานที่มั่นของฝ่ายทหาร
ขณะที่โดยรูปแบบของกองกำลังกัมพูชาทราบว่ามีการนำเอาสมาชิกในครอบครัวของกำลังพลมาอาศัยอยู่ในฐานที่มั่นของกัมพูชาเองด้วย ดังนั้นเมื่อฝ่ายไทยโจมตีกลับไปความสูญเสียที่เกิดขึ้น จึงไม่สามารถเลี่ยงได้ จึงเท่ากับว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นมีไปถึงพลเรือนของทางฝ่ายกัมพูชา ที่อาศัยอยู่ในฐานที่มั่นของกองกำลังกัมพูชา ประเด็นนี้จึงเป็นความอ่อนไหวของทางผู้ปฏิบัติงานของทางกัมพูชาที่โกรธแค้น และพร้อมที่จะตอบโต้ด้วยการใช้อาวุธกับฝ่ายไทย ส่วนการหาข่าวของฝ่ายกัมพูชา ด้วยการแทรกซึมเข้ามาในเขตไทย เพื่อที่จะหาพิกัดในการโจมตี เป็นเรื่องปกติในทางยุทธวิธี เพื่อที่จะให้ตัวเองประสบความสำเร็จ แต่ทางเจ้าหน้าที่ของไทยก็ติดตามและไม่ได้ละเลย
ศรีสะเกษประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวสรุปสถานการณ์ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้อพยพหนีภัยสงคราม จำนวนทั้งสิ้น 14,735 คน จุดอพยพ จำนวน 21 จุด ทางจังหวัดศรีสะเกษได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (ภัยอันเนื่องจากกองกำลังจากนอกประเทศในพื้นที่ ) ต.เสาธงชัย หมู่ 2, 3, 9, 10, 12 และหมู่ 13 และ ต.รุง หมู่ที่ 5, 7 และหมู่ 10 อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2554
ตำรวจจัดกำลังดูแลทรัพย์สินชาวบ้าน
ที่สถานีตำรวจภูธรนางรอง พลตำรวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะฯ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมมอบนโยบาย ในการปฎิบัติราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจ โดยมีพลตำรวจตรีสมบัติ คงพิบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ให้การต้อนรับ โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้มอบของขวัญ ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้แก่ข้าราชการตำรวจ ทั้งชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน ในสังกัดภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 188 ถุง เพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจแก่กำลังพล พร้อมกันนี้ยังได้มอบเงินส่วนตัวอีกจำนวน 2 หมื่นบาท ให้กับสถานีตำรวจภูธรนางรอง เพื่อไว้ใช้ในกิจกรรมของทางสถานีอีกด้วย
พลตำรวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า “ได้กำชับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และในจังหวัดที่มิรอยต่อติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้เพิ่มความเข้มงวดในการออกตรวจ ตามบ้านเรือนของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้มีการสู้รบกันระหว่างไทย กับกัมพูชา ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบดังจึงจำเป็นต้องทิ้งบ้านเรือนของตนเอง เพื่ออพยพมาอาศัยอยู่ในที่พักแรม ที่ทางราชการได้จัดไว้ให้ เพื่อเป็นการป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพ ที่จะฉวยโอกาสในห้วงเวลาที่ไม่มีประชาชนอาศัยอยู่ แอบลักขโมยทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา
อุทยานพระวิหารได้รับความเสียหายหนัก
นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ มีเนื้อที่ประมาณ 81,250 ไร่ หรือ 130 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา ได้ปิดทำการอย่างไปอย่างไม่กำหนดแล้ว หลังจากที่ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพระวิหาร ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่ทำการอุทยานฯ เสียหายอย่างหนัก อาทิ อาคารสำนักงาน โดนสะเก็ดระเบิดกระจกแตก คอมพิวเตอร์พังเสียหาย ขณะที่บ้านพักก็โดนสะเก็ดระเบิด จนทำให้หลังคาพังลงมาทั้งหมด โดยเบื้องต้นประเมินค่าเสียหายประมาณ 4 – 5 แสนบาท ส่วนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ซึ่งมีทั้งหมด 9 คน ได้อพยพลงมาแล้ว และกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารให้ขึ้นไปประจำการแล้วเพื่อประเมินสถานการณ์
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ทราบว่าทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงใส่ประเทศไทยก่อน ทหารไทยจึงตอบโต้ เพราะถือว่ากัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทย แต่เป็นห่วงว่าขณะนี้ยังมีอาวุธปืนของอุทยานฯ ประมาณ 8 – 9 กระบอกทั้งปืนเอชเคและปืนลูกซอง ที่ยังไม่ได้นำลงมา และวันนี้ จะประสานทางทหารขอขึ้นไปนำปืนดังกล่าวลงมาเก็บรักษาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
“ส่วนการเจรจาเรื่องมรดกโลก ระหว่างไทยกับกัมพูชา ขณะนี้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีทส. ยังไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่กรมอุทยาน ได้เตรียมข้อมูลสำหรับแผนพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์รอบปราสาทเขาพระวิหารไว้แล้ว สำหรับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ที่ประเทศบาร์เรนห์ โดยจุดยืนของ ไทย ยังเหมือนเดิมคือจะไม่เจรจาจนกว่าจะมีการปักปันเขตแดนให้ชัดเจน เพราะเรื่องเขาพระวิหาร ไทยจะเสียเปรียบไม่ได้ ” นายสุนันต์ กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1828 ครั้ง