วันที่ 9 ก.พ. เวลา 07.00 น. บริเวณถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กทม.ซึ่งเป็นวันแรกการประกาศใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 โดยเขตดุสิต เป็น 1 ใน 7 เขตความมั่นคง โดยมีกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยึดเป็นพื้นที่ชุมนุม โดยล่าสุดพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ประกาศว่า จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 50 กองร้อย ดำเนินการขอคืนพื้นที่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเริ่มดำเนินการในวันนี้หรือไม่นั้น โดยบรรยากาศการชุมนุมของทั้งสองกลุ่มในช่วงเช้าวันนี้ เป็นไปอย่างบางตา ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังพักผ่อนอยู่ในเต้นท์ โดยเวทีกลุ่มประชาชนไทยฯ ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ กลุ่มสันติอโศกได้นำประชาชนออกกำลังกาย ขณะที่เวทีของกลุ่มพันธมิตรฯเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ พิธีกรได้สรุปข่าวรอบวันและพยายามปลุกเร้ามวลชนว่า ตำรวจอาจใช้แก๊สน้ำตาซึ่งเป็นภาษีประชาชน มาสลายการชุมนุม ซึ่งผู้ชุมนุมรายหนึ่งได้นำถุงพลาสติกแบบใสขนาดใหญ่มาคลุมตัวตั้งแต่ศรีษะ ไปถึงเอว เพื่อเป็นเครื่องป้องกันแก๊สน้ำตา ทำให้ผู้ชุมนุมโห่ร้องด้วยความชอบใจ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล ยังเป็นไปตามปกติ ยังไม่มีการเสริมกำลังเข้ามาในพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกับประชาชนที่จอดรถบริเวณถนนพระราม 5 เลียบคลองเปรมประชากร ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลว่า หากเป็นไปได้ขอให้ไปจอดรถในพื้นที่อื่น เพราะจะใช้ถนนพระราม 5 เป็นพื้นที่ป้องกันแนวปะทะ หากเกิดการปะทะอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้
พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีหาก พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 มาเจรจาให้เปิดถนนนั้นผลเป็นอย่างไร และประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯแล้วกังวลการจับกุมหรือไม่ พลตรีจำลองกล่าวว่า ไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันยาก พวกเราต้องลำบากเพราะเวลาคนมาชุมนุมเยอะๆจะใช้พื้นที่ตรงไหน บางครั้งคนมาก บางครั้งก็ไม่มากเท่าที่เคยเป็นมา พวกเราให้เวลานายกฯมานานในการปกป้องแผ่นดิน เราไม่กลัวการจับกุม เพราะเสียอิสรภาพดีกว่าเสียแผ่นดิน มันเป็นเรื่องใหญ่สุดเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะนำกฎหมายใดมาให้พวกเราออกจากที่นี่ พวกเราไม่ไปเพราะจะอยู่ปกป้องดินแดน แม้จะรถติดบ้างเสียเวลาเล็กน้อยแต่ดีกว่าเสียแผ่นดิน คนอื่นไม่ทุกข์ยากเท่าพวกเราที่มากินนอนที่นี่ ขอว่ารัฐบาลอย่ากลั่นแกล้งเลย หากจะขับไล่ ทำไมไม่ขับไล่กัมพูชา
เมื่อถามว่าถนนพิษณุโลกและถนนราชดำเนินนอกอยู่ในพื้นที่ความมั่นคง พลตรีจำลอง กล่าวว่า พวกเรากดดันรัฐบาลที่นี่ เพราะตรงนี้คือที่ทำงานของรัฐบาล ตำรวจได้รับคำสั่งจากรัฐบาลก็ขอให้พิจารณาและจัดการเลย ไม่ต้องเกรงใจพวกตน ตนยอมให้ถูกจับและไม่ได้ท้าทายเพราะบอกมาตั้งนานแล้ว มันเป็นความจำเป็นจริงๆเพราะทนไม่ได้ที่ต้องเสียดินแดน นายกฯบอกให้รอตามกระบวนการเลือกตั้งมันรอได้ที่ไหน สาเหตุมันมาจากรัฐบาลไม่เข้าท่า หากเป็นประเทศอื่นๆคงลาออกไปนานแล้ว และแม้ว่าคำสั่งนี้จะถูกต้อง พวกตนก็ไปจากพื้นที่นี้ไม่ได้ และในวันที่ 11 ก.พ.เมื่อพวกตนไปปฏิญาณตนเสร็จ ก็กลับมาชุมนุมที่นี่ต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร หมวด 2 ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เสนอ โดยจะประกาศพื้นที่ความมั่นคงใน 7 เขต ได้แก่ ดุสิต, ป้อมปราม, พระนคร, ราชเทวี, ปทุมวัน, วังทองหลาง และ วัฒนา ตั้งแต่วันที่ 9-23 ก.พ.2554 เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการฯ
โดยในเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ กอ.รมน.มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาการจัดทำแผนควบคุมสถานการณ์ระหว่างวันที่ 9-23 ก.พ.และแต่งตั้งผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยจะใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการปฏิบัติงาน เชื่อว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการร่างแผนและข้อกำหนดต่างๆ ออกมาด้วยแล้ว หลังจากนี้จะเริ่มปฏิบัติงานและตนได้ขอให้ทาง ศอ.รส.ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงาน
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการเจรจากับผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่บางส่วน แล้วจะกันพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่เพื่อเปิดการจราจร มั่นใจว่าจะเจรจาสำเร็จหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ว่าจะมั่นใจหรือไม่ เราก็ต้องพยายาม และทาง ผบ.ตร.จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจะปฏิบัติตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ระบุว่าจะยื่นร้องต่อศาลปกครองว่าการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อมีการฟ้องร้องกันรัฐบาลก็ยินดีที่จะไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันที่ศาล เมื่อถามว่าจะมีการพิจารณาถอนประกันแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทาง ผบ.ตร.จะเป็นผู้พิจารณาตัดสิน และตนยังไม่ได้พูดคุยกับ ผบ.ตร.ในเรื่องนี้ งานนี้ทางตำรวจทำงานเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้า 50 กองร้อยไม่เพียงพอก็เอากำลังมาเพิ่ม
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1001 ครั้ง