พิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์
การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ไม่ได้เป็นความสูญเสียกำลังพลคนสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเท่านั้น แต่ยังเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนในครอบครัวนายตำรวจภูธรผู้นี้ด้วย
พิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากวัย 55 ปีของ พ.ต.อ.สมเพียร เผยความรู้สึกทั้งน้ำตาว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้นที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีกว่านี้ ให้ดูแลเหมือนข้าราชการตำรวจในส่วนกลาง ไม่ใช่ทำเหมือนกับว่าตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นดั่งลูกเมียน้อย จะทิ้งขว้างอย่างไรก็ได้
“ดิฉันภูมิใจที่สามีได้ทำหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่เสียใจตรงที่ไม่ได้โยกย้าย เพราะถ้าได้ย้ายก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสีย ดิฉันรู้สึกผิดหวังกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก เพราะว่าสามีเป็นคนทำงาน คนแข็งแกร่ง ไม่เคยขออะไรเลย การเดินทางไปร้องเรียนเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เพราะล้าเต็มทีแล้ว จึงได้บากหน้าไปขอความอนุเคราะห์ ขอความเห็นใจ จริงๆ แล้วผู้กำกับฯสมเพียร อายุ 59 ปี เดือน พ.ย.นี้ก็จะครบ 60 ปีแล้ว ก็เป็นคนแก่คนหนึ่งที่มีความต้องการอยู่กับครอบครัวและลูกหลานในบั้นปลายของชีวิต”
“ผู้กำกับฯสมเพียรเป็นคนมุ่งมั่นในการทำงาน ต้องการทำให้พื้นที่ อ.บันนังสตา เกิดความสงบสุข ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ในเครื่องแบบตำรวจ ผู้กำกับฯสมเพียรแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวเลย วันหยุดต่างๆ เช่นวันสงกรานต์ วันปีใหม่ ก็ไม่เคยได้หยุดอยู่กับครอบครัวเลย ผู้กำกับฯสมเพียรเคยพูดกับดิฉันก่อนจะเสียชีวิตว่า ชีวิตหลังเกษียณคืออยากนั่งกินน้ำชาและนินทาเพื่อนๆ อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นๆ บ้าง แต่วันนี้ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว”
พิมพ์ชนา ยังกล่าวด้วยความรู้สึกอัดอั้นว่า อยากให้การสูญเสียครั้งนี้เป็นบทเรียนให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อยากให้ดูแลตอนที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า
“วันที่เกิดเหตุนั้น ผู้กำกับฯสมเพียรก็ใช้ชีวิตตามปกติ หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็บอกดิฉันว่าจะเข้าพื้นที่กับลุกน้องเพื่อไปพบปะชาวบ้านและ หาข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ จนกระทั่งทราบข่าวว่าผู้กำกับฯสมเพียรและลูกน้องคนสนิทถูกคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ และซุ่มยิงจนเสียชีวิต” เธอกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10 ) อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.อ.สมเพียร กล่าวเชิดชูอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาว่า แม้ข้อร้องเรียนที่ผ่านมาของ พ.ต.อ.สมเพียร จะไม่ได้รับการดูแล แต่ พ.ต.อ.สมเพียร ก็ยังกลับไปทำงานทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถจนเสียชีวิต
“เรื่องนี้ถือเป็นเกียรติภูมิของท่าน ผมอยากให้ตำรวจในพื้นที่ยืนหยัดในการทำหน้าที่ต่อไป ท่านผู้กำกับฯสมเพียรเป็นผู้ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และได้การยอมรับจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา รวมทั้งประชาชน ส่วนการตอบแทนการทำงานที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำไปแก้ไขต่อไป ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพยายามทำความเข้าใจกับกำลังพลทั้งหลาย โดยให้ยึดท่านผู้กำกับฯสมเพียรเป็นแบบอย่าง”
ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ โลมา รองสารวัตรปราบปราม (รองสวป.) สภ.บันนังสตา หนึ่งใน 3 นายตำรวจที่รอดชีวิตจากเหตุระเบิดและยิงถล่มรถของ พ.ต.อ.สมเพียร เล่าถึงนาทีชีวิตว่า ในรถยนต์นั่งมาด้วยกัน 4 คน ขณะที่รถขับผ่านจุดเกิดเหตุก็เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รถถูกแรงอัดของระเบิดจนลอยขึ้น และมองเห็น พ.ต.อ.สมเพียร กระเด็นทะลุกระจกออกไปภายนอก
“ผมนั่งอยู่ด้านหลังของผู้กำกับฯ ท่านกระเด็นออกไปข้างนอก ส่วนผมยังอยู่ในรถ แล้วรถก็ตกลงมากระแทกกับพื้น ผมเจ็บหลังมาก พอได้สติก็รีบเปิดประตูรถออกมา มือก็ควานหาปืน เพราะฝุ่นตลบมองอะไรแทบไม่เห็น เมื่อโผล่หัวออกไปก็เห็นกลุ่มคนร้ายกำลังยิงเข้าใส่รถ ผมคว้าปืนไว้ได้แต่ยิงไม่ออก เพราะฝุ่นเกาะเต็มปืน ผมจึงวิ่งไปหยิบปืนของเพื่อนที่อยู่ในกระบะท้าย แล้วยิงเข้าใส่กลุ่มคนร้ายได้ประมาณ 5 นาทีเสียงปืนของคนร้ายก็เงียบไป ผมจึงได้วิทยุแจ้งขอความช่วยเหลือ เมื่อมีคนมาช่วย ผมก็รีบหาผู้กำกับฯและนำเพื่อนตำรวจทั้งหมดส่งโรงพยาบาล รู้สึกเสียใจมากที่ต้องมาเสียผู้กำกับฯผีมือดีไป”
เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของ พ.ต.อ.สมเพียร!
ที่มา.อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1148 ครั้ง