วันที่ 21 กุมภาพันธ์ สถาการณ์การชุมนุมประท้วงในลิเบีย ยังคงเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม 200 คนเป็นอย่างน้อย แต่การจะหาแหล่งข่าวอิสระมายืนยันสถานการณ์ในลิเบีย เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากรัฐบาลลิเบียมีการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการสื่อสาร และไม่ตอบรับคำของของผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ต้องการเข้าไปรายงานข่าวสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ทางโทรศัพท์
ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า มีทหารบางส่วนในเมืองเบงกาซี เลิกภักดีต่อพันเอกมูฮัมหมัด กัดดาฟี ซึ่งปกครองลิเบียมานานถึง 42 ปี ผู้เชี่ยวชาญของ คาเนกี้ เอนดาวเม้นท์ ฟอร์ พีช ให้ความเห็นว่า คนที่ได้รับการศึกษาจากประเทศตะวันตกอย่าง ซาอิฟ กัดดาฟี เคยผลักดันให้มีการปฏิรูปในลิเบีย เพียงแต่ไปได้ไม่ถึงไหน
มีรายงานว่า เอกอัครราชทูตลิเบียประจำสันนิบาตอาหรับ ได้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะเหตุการณ์สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังทำนายด้วยว่า ผู้นำเบียเหลือเวลาอยู่ในอำนาจแค่ 1 หรือ 2 วันเพราะเขาได้สูญเสียประชาชนไปแล้ว
ซาอิฟ อัล-อิสลาม กัดดาฟี
ซาอิฟ อัล-อิสลาม กัดดาฟี ลูกชายของพันเอก โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย แถลงทางโทรทัศน์ของทางการว่า การประท้วงต่อต้านการปกครองของบิดาอาจทำให้ลิเบียตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองและทำให้ประเทศแตกเป็นรัฐเล็กรัฐน้อย แต่เขาก็ยืนยันว่า บิดายังอยู่ในประเทศและได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ และพวกเราจะสู้จนถึงนาทีสุดท้าย กระสุนนัดสุดท้าย พร้อมกับยืนยันว่า ลิเบียไม่เหมือนตูนิเซียและอียิปต์ ที่การประท้วงสามารถโค่นล้มผู้นำได้สำเร็จ และจากสถานการณ์ประท้วงที่เริ่มลุกลามจากเมืองเบนกาซี ทางภาคตะวันออกถึงกรุงทริโปลีแล้วนายเซอิฟ ให้สัญญาว่า จะดำเนินการปฏิรูปในประเทศภายในไม่กี่วันข้างหน้า และสภาประชาชนจะประชุมเพื่อหารือเรื่องแผนการปฏิรูป ซึ่งเขาบอกว่า พร้อมจะยกเลิกข้อบังคับบางอย่างและเริ่มหารือเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นๆ รวมถึงเรื่อง สื่อและบทลงโทษ
แต่มีรายงานว่า หลังคำแถลงของลูกชายกัดดาฟี ปรากฏว่า มีเสียงปืนดังสนั่นมากขึ้นในกรุงทริโปลี ขณะเดียวกันก็มีทั้งเสียงตะโกนประท้วงและเสียงบีบแตรรถดัง รวมถึงมีการยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ประท้วง
ขณะที่กลุ่มฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการใช้กำลังสลายผู้ประท้วงในเมืองเบนกาซีและอีกหลายเมืองทางภาคตะวันออกอย่างหนักตลอดหลายวันจนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมามีมากถึง 174 คนแล้ว แต่แพทย์ในเมืองเบนกาซี เมืองใหญ่อันดับ 2 ซึ่งเป็นฐานสำคัญของกลุ่มต่อต้านกัดดาฟี เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน
ผู้เห็นเหตุการณ์ที่ใช้ชื่อว่า ซาร่า วัย 23 ปี บรรยายเหตุการณ์และความรู้สึกต่อประสบการณ์ที่เธอเจอต่อสำนักข่าวบีบีซีว่า พันเอกมูฮัมหมัด กัดดาฟี ผู้นำลิเบียอยู่ในอำนาจเผด็จการนานกว่าอายุของเธอเสียอีก สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายที่สุด เหมือนกับว่า ทุกคนถูกขังอยู่ในคุก ซึ่งคุกนั้นก็คือประเทศของตัวเอง
ซ่าร่า เล่าว่า ชีวิตคนส่วนใหญ่ที่นี่ หากเทียบกับทั่ว ๆ ไปแล้วถือว่า น่าเศร้ามาก ขาดแคลนการดูแลรักษาพยาบาลและการศึกษาที่ดี ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน จึงคิดว่าการลุกฮือขับไล่จะเป็นเพียงทางออกเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ มีคนบริสุทธิ์จำนวนมากต้องสังเวยชีวิตให้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยครั้งนี้
ซาร่า บอกด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่สามารถเรียกได้ว่า เป็นการประท้วงอีกต่อไป เพราะแท้จริงแล้ว มันคือสงครามกลางเมือง สมรภูมิระหว่างผู้ประท้วงกับกองกำลังรักษาความมั่นคง
เหตุการณ์วุ่นวายครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในลิเบีย ภายใต้การปกครองยาวนานกว่า 4 ทศวรรษของพันเอกกัดดาฟี ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว โดยผู้ประท้วงส่วนมาก ได้ขวัญและกำลังใจจากการลุกฮือขับไล่ผู้นำที่ตูนิเซียและอียิปต์
รายงานแจ้งว่า มีผู้ประท้วงบางกลุ่ม สามารถยึดรถถังและอาวุธจากทหารได้บางส่วน และพยายามจะบุกทะลวงเข้าไปในค่ายทหารด้วย แต่สถานีโทรทัศน์ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล อ้างว่า สามารถป้องกันค่ายเอาไว้ได้ ซึ่งค่ายแห่งนี้ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ เพราะเป็นที่ตั้งพระราชวังตะวันออกของพันเอกกัดดาฟี่ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอิทธิพลของเขา
ขณะเดียวกัน ชาวลิเบียกำลังเดือดร้อนจากภาวะขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่ พวกที่อยู่ในเมืองเบงกาซี เปิดเผยว่า ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้ และไฟฟ้าถูกตัดตอนกลางคืน ก่อนจะกลับเป็นปกติในตอนเช้า ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคนหนึ่ง ที่ติดตั้งกล้องถ่ายทอดสดทางออนไลน์ ระบุว่า จำนวนผู้เข้าร่วมประท้วงเพิ่มอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคน เล่าวว่า เห็นผู้ประท้วงวิ่งไปบนถนนโดยมีฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลใช้รถปิ๊คอัพไล่ตาม มีการใช้ทั้งปืนและแก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ประท้วงหลายครอบครัวปิดหน้าต่างและปิดไฟ ด้วยความหวาดกลัว มีรายงานในอัลจาซีราว่า มีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 คน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2415 ครั้ง