สุเทพเตรียมเสนอบอร์ดปาล์มน้ำมันแห่งชาติงดนำเข้า1.2แสนตันที่ประชุมสว.จี้รัฐบาลลากคอไอ้โม่งฉวยโอกาสกักตุน
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เปิดเผยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าควรจะมีการทบทวนเรื่องการนำเข้าน้ำมันปาล์มอีก 120,000 ตัน เนื่องจากปลายเดือนมีนาคมนี้ ผลผลิตปาล์มของไทยจะสามารถผลิตออกมาได้ตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาในวันพรุ่งนี้
ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ ของบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อแทรกแซงราคาน้ำมันปาล์ม เห็นว่าควรมีการหารือในการประชุมวันพรุ่งนี้เช่นกัน ทั้งนี้ ปัญหาเรื่อน้ำมันปาล์มจะไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำมันปาล์มราคา เกษตรกรต้องขายปาล์มได้ราคาดี
น.ส.สุมน สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ ฝากถึงนายกรัฐมนตรีหาตัวไอ้โม่งที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำมันปาล์มหากไม่ได้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจะเสียหายแน่นอน
นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาการกำหนดราคาน้ำมันปาล์มไม่สะท้อนสภาวะตลาด ทำให้เกิดการกักตุนทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่ายและผู้นำเข้า ดังนั้น ขอให้การกำหนดราคาน้ำมันปาล์มสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องราคาและการกักตุน
ทั้งนี้น้ำมันปาล์มบรรจุขวดฝาสีฟ้า จำนวน 12,000 ขวด ส่งมาถึงจังหวัดนราธิวาสแล้ว พร้อมกระจายให้กับร้านค้าและประชาชนในพื้นที่วันนี้
ด้านนายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ยังยืนยัน เสนอขอเงินตั้งกองทุน 1 พันล้านบาทดูแลปัญหาปาล์ม เพราะตามแผนงานจะเป็นการกำหนดแพคเกจเข้าไปดูแลปาล์มทั้งระบบ ตั้งแต่เกษตรกรที่จะต้องขายผลปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 6.5 บาท ราคาปาล์มขวดต้องไม่เพิ่มขึ้นจากเพดานขวดละ 47 บาท และภาคพลังงานและภาคการบริโภคจะมีสัดส่วนการนำน้ำมันปาล์มไปใช้อย่างเหมาะสม
“ตามแผนงานกระทรวงพาณิชย์ที่จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ก.พ.เรื่องแก้ปัญหาปาล์ม เราก็กำหนดขอเงินกองทุน 1 พันล้านบาท เพื่ออุดหนุนไม่ให้ต้องขึ้นราคาปาล์ม แต่เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนั้น ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะโจทย์การทำงานของทุกฝ่ายตรงกันคือ ทำอย่างไรให้มีน้ำมันปาล์มเพียงพอในราคาไม่เกินลิตรละ 47 บาท ซึ่งที่ประชุมครม.น่าจะได้พิจารณาร่วมกันว่ารัฐบาลจะสนับสนุนอย่างไร” นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัยกล่าวว่า พณ. ไม่มีแผนให้ปรับขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใดแต่ยอมรับว่าขณะที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น เฉลี่ย ลิตรละ 42 บาท ทำให้ราคาปลายทางการจำหน่ายจะอยู่ที่ ลิตรละ 56 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นจากราคาเพดานปัจจุบันที่ลิตรละ 47 บาท เพิ่มอีกขวดละ9 บาท ซึ่งตามแผนงานที่จะเสนอให้ที่ประชุมครม. ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ พณ.จะให้ที่ประชุมพิจารณา แนวทางแก้ปัญหาปาล์มที่ไม่ต้องปรับขึ้นราคาเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน โดยแนวทางหนึ่งคือการเสนอขอเงินกองทุนอุดหนุน หรือแนวทางสนับสนุนอื่นที่เห็นว่าเหมาะสม
ทั้งนี้ พณ. ยอมรับว่า หนักใจกรณี กระแสข่าวการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีกขวดละ 9 บาท เพราะจะยิ่งทำให้เกิดดีมานด์เทียมในตลาดจนทำให้สถานการณ์ความขาดแคลนยิ่งเลวร้ายหนักมากขึ้นดังนั้น ในส่วนของ พณ. ขอยืนยันกับประชาชนว่า หากยังได้ดูแลปํญหานี้อยู่ จะไม่ปล่อยให้ต้องเกิดการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอย่างแน่นอน
ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์มตามที่คณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯเป็นประธาน จำนวน 1.2 แสนตันนั้น กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ไม่ได้นิ่งเฉยหรือดำเนินการนำเข้าล่าช้าตามที่ถูกกล่าวอ้าง เพราะการนำเข้าจะต้องคำนวณราคาให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม ไม่ทำให้ผู้ประกอบการผลิตน้ำมันปาล์มขาดทุน
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนว่าจะมีน้ำมันปาล์มเพียงพอความต้องการ พณ.จะเสนอขอนำเข้าน้ำมันปาล์มภายใต้โควตา 1.2 แสนตันนี้ จากเดิมที่กำหนดให้นำเข้าแบบกึ่งบริสุทธิ์ ที่ต้องผ่านการกลั่นจากโรงงานในประเทศ ก่อนจะกระจายเข้าสู่ตลาด เป็นการนำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เพื่อบรรจุขวดวางขายหรือส่งต่อให้อุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ได้ทันที
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1365 ครั้ง