นานาชาติกดดันให้ กาดดาฟี่ ใช้สันติ วิธีต่อผู้ชุมนุม เจ้าตัวออกทีวียืนยัน ไม่หนีออกนอกประเทศ มีรายงานว่า มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 200 คน
วันที่ 22ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า พันเอกมูฮัมหมัด กัดดาฟี่ ผู้นำลิเบีย ได้ปรากฎตัวในช่วงสั้น ๆ ทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล เมื่อตอนตี 2 ตามเวลาในท้องถิ่น ยืนยันว่า เขาไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ และกำลังจะไปพบกับเหล่ายุวชนที่จตุรัสกรีน ใจกลางกรุงทริโปลี โดยสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ อ้างว่า ถ่ายทอดสดจากบ้านพักของผู้นำลิเบีย ในภาพข่าว กาดดาฟี่ กำลังลงจากรถโดยมือข้างหนึ่งถือร่ม เนื่องจากฝนตกและเขาก็พูดไปด้วยว่า ต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาอยู่ในกรุงทริโปลี ไม่ใช่ในเวเนซุเอล่า
ก่อนหน้านี้ นายวิลเลียม เฮ้ก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ได้สันนิษฐานที่กรุงบรัสเซลล์ของเบลเยียมว่า พันเอกกัดดาฟี่ อาจเดินทางออกนอกประเทศไปยังเวเนซุเอล่าแล้ว ซึ่งทางเวเนซุเอล่า ซึ่งก็รีบปฏิเสธทันทีเช่นกัน
กระทรวงต่างประเทศเวเนซุเอล่า ออกแถลงการณ์ว่า นายนิโคลัส มาดูโร่ รัฐมนตรีต่างประเทศได้กล่าวต่อนายมุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศของลิเบีย ที่แจ้งต่อเขาก่อนหน้านี้ว่า พันเอกกันดาฟี่ยังอยู่ในลิเบีย และกำลังใช้อำนาจรัฐและเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในประเทศ
ในขณะที่ผู้นำลิเบียปรากฎตัวครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น ความไม่สงบได้ลุกลามเข้าไปถึงกรุงทริโปลีแล้ว มีเสียงปืนดังรัวต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ประท้วงโจมตีสถานีตำรวจและสำนักงานกระจายเสียงของรัฐ ที่เป็นกระบอกเสียงของกัดดาฟี่ และยังจุดไฟเผาอาคารที่ทำการหลายแห่งที่เป็นของรัฐบาลอีกด้วย
ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน 2 เขต ในกรุงทริโปลี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ได้เกิดการสังหารหมู่จากการที่กลุ่มมือปืน เปิดฉากยิงเข้าใส่ฝูงชนไม่เลือกหน้าที่เขตทาจูร่า ส่วนที่เขตฟัชลัม มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำไปลงจอด และมีพวกนับรบรับจ้างชาวแอฟริกัน กรูกันออกไปยิงกราดใส่ผู้คนบนท้องถนน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
สถานการณ์ในทริโปลี มีรายงานว่า ทหารได้ขึ้นเครื่องบินยิงปืนเข้าใส่ฝูงชนที่ชุมนุมประท้วงผู้นำลิเบีย แต่ไม่มีรายงานของผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่รายงานของฮูแมนไรท์ ระบุก่อนหน้านี้ว่า มีผู้เสียชีวืตแล้วกว่า 200 คน
ทั้งนี้ นานาชาติได้แสดงความวิตกต่อการกวาดล้างการประท้วงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน และสร้างความสั่นคลอนให้กับลิเบีย และแม้จะมีการปกปิดเหตุการณ์ภายใน แต่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ได้ระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตไว้ระหว่าง 200 – 400 คน นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า กำลังจับจากสถานการณ์ด้วยความตื่นตัวตลอดเวลา และร่วมกับประชาคมนานาชาติ ในการประนามอย่างแข็งกร้าวต่อความรุนแรงในลิเบีย และถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติการนองเลือดที่ไม่อาจยอมรับได้ ส่วนนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า เขาไม่พอใจอย่างยิ่งต่อรายงานที่ว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของลิเบีย ยิงใส่ผู้ประท้วงจากเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์
สหภาพยุโรป หรือ อียู , องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ , สหประชาชาติอังกฤษ , ฝรั่งเศส และอิตาลี ต่างเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง ทูตถาวรของลิเบียประจำสหประชาชาติได้เรียกร้องให้พันเอกกัดดาฟี่ลาออก เพราะประกาศสงครามต่อประชาชนชาวลิเบีย ทั้งยังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเขาด้วย
สถานการณ์ภายในลิเบียนั้น มีแต่รายงานการกวาดล้างผู้ประท้วงอย่างหนักหน่วง ในกรุงทริโปลี ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลทั้งในและต่างประเทศ พากันลาออก และมีรายงานนักบินของกองทัพอากาศแปรพักตร์ด้วย พวกทหารรับจ้างได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศไม่ให้ประชาชนออกจากบ้าน ส่วนกองกำลังรักษาความมั่นคงได้พยายามระงับเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่ลุกลามไปยังพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ทางตะวันออกของประเทศ ส่วนเมืองเบนกาซีที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ ตกอยู่ในความครอบครองของผู้ประท้วง แยกจากเมืองหลวงที่มีประชากร 2 ล้านคน และกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก
สถานีโทรทัศน์ของรัฐ รายงานว่า ทหารได้บุกเข้าไปยังที่ซ่อนตัวของพวกบ่อนทำลาย และเรียกร้องให้สาธารณชนสนับสนุนกองกำลังรักษาความมั่นคง ส่วนสถานภาพของพันเอกกัดดาฟี่ล่าสุดนั้น พบว่า เขาสูญเสียการสนับสนุนจากชนเผ่าสำคัญอย่างน้อยหนึ่งเผ่า ,หน่วยทหารหลายหน่วย และนักการทูตของเขาเอง รวมทั้งพวกที่ประจำอยู่ที่สหประชาชาติด้วย สภาพภายในกรุงทริโปลี เหมือนถูกปิดตายมาตั้งแต่วันจันทร์ โรงเรียน สถานที่ราชการและร้านค้าส่วนใหญ่พากันปิด ยกเว้น ร้านขนมปังบางแห่ง
ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ” คณะกรรมการปฏิวัติ ” ซึ่งมีอาวุธ ได้ออกไล่ล่าผู้ประท้วงในกรุงทริโปลี มหาศาลาประชาชนที่เป็นอาคารหลักที่ใช้ในการประชุมสำคัญของรัฐบาล ถูกจุดไฟเผา ต่างจากเมืองเบนกาซี ที่ผู้ประท้วงพากันโบกธงของราชวงศ์ ที่ถูกพันเอกกัดดาฟี่ โค่นอำนาจ เฉลิมฉลองชัยชนะ
ขณะที่ผู้ประท้วงจะเรียกร้องให้ไปชุมนุมกันที่จตุรัสกรีน และด้านนอกที่พำนักของพันเอกกัดดาฟี่ แต่ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำ บินอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่กลุ่มมือปืนที่อยู่ในรถยนต์ ได้เปิดฉากสาดกระสุน ไม่เว้นแม้แต่อาคารบ้านเรือน เพื่อนข่มขวัญประชาชน พวกวัยรุ่นที่พยายามไปรวมตัวกันตามท้องถนน ต้องแตกกระจายหนีกระสุนปืนมีคนจำนวนหนึ่ง ร้องไห้อยู่กับศพเหยื่อกระสุนบนถนน การสื่อสารในกรุงทริโปลี ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ประชาชนไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกทางโทรศัพท์ได้อีกต่อไป
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2119 ครั้ง