วันที่ 22 ก.พ. เวลา 11.00 น. นายสำราญ เดชศรี จนท.ด่านอาหารและยา(อย.)อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ. 1206 ฉก.กรม.ทพ. 12 กกล.บูรพา และ พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.คลองลึก นำกำลังร่วมกันออกตรวจร้านจำหน่ายเครื่องสำอางค์ในตลาดโรงเกลือ ใกล้จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังสืบทราบว่ายังมีร้านจำหน่ายเครื่องสำอางของชาวเขมร ในตลาดโรงเกลือหลายร้านค้าลักลอบนำ”บิ๊กอาย”มาจำหน่ายหลังร้าน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชาวไทยและชาวเขมรมาติดต่อหาซื้อไปใส่ ตามแฟชั่นของประเทศเกาหลี
และจากการที่ จนท.นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบตามร้านค้าในตลาดโรงเกลือพบว่าร้านจำหน่ายเครื่องสำอางค์ในตลาดโรงเกลือ ซึ่งเคยนำ”บิ๊กอาย”มาวางจำหน่ายหน้าร้าน ได้เก็บออกจากแผงหน้าร้านกันหมด และอ้างว่าได้นำกลับไปขายฝั่งเขมรหมดแล้ว จนท.จึงได้แจ้งเจ้าของร้านค้าว่าห้ามนำ”บิ๊กอาย”เข้ามาขายในตลาดโรงเกลือ อย่างเด็ดขาด หากลักลอบนำเข้ามาขายจะถือว่ากระทำผิดกฎหมายไทย ในข้อหาจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และ นำเข้าอุปกรณ์การแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
นายสำราญ เดชศรี จนท.ด่านอาหารและยา(อย.)อรัญประเทศ เปิดเผยว่า นายอัษฎางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งการให้ จนท.ด่านอาหารและยา(อย.)อรัญประเทศ ออกติดตามจับกุมการลักลอบนำ”บิ๊กอาย”ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้ามาจำหน่ายในตลาดโรงเกลือ นายสำราญ เดชศรี ฯยังเผยอีกว่าทางด่าน อย.อรัญประเทศ ได้สืบทราบว่ายังมีร้านจำหน่ายเครื่องสำอางค์ในตลาดโรงเกลือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของชาวเขมร ได้ลักลอบนำ”บิ๊กอาย”ยี่ห้อ พริ๊ตตี้ ผลิตจากประเทศเกาหลี ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายหลังร้าน โดยเป็นที่รู้กันกับกลุ่มวัยรุ่นทั้งชาวไทยและชาวเขมร โดยลักลอบจำหน่ายบิ๊กอาย บรรจุขวดๆละ 1 ข้าง แต่ขายเป็นคู่ๆละ 100 บาท และขณะนี้วัยรุ่นชาวเขมรกำลังนิยมซื้อไปใส่เพื่อเข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง ตามกระแสวัยรุ่นเกาหลีจำนวนมาก เกรงว่าอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใส่ทำให้ถึงขั้นตาบอดได้ และอาจทำให้ตลาดโรงเกลือเสียชื่อเสียงไปด้วย จึงจำเป็นต้องเข้มงวดห้ามร้านค้าในตลาดโรงเกลือลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเด็ดขาด
นายสำราญ กล่าวอีกว่าหากนำบิ๊กอายที่ไม่ได้รับอนุญาตมาใส่จะเป็นอันตรายต่อตาของผู้สวมใส่เป็นอย่างมากเนื่องจากเวลาใส่ผู้ใส่ต้องใช้มือจับบิ๊กอาย ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อไวรัสได้ง่าย และจะทำให้เกิดการระคายเคืองจนกระทั่งเกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นเหตุทำให้ตาบอดได้
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2272 ครั้ง