ศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย อุ้ม พรทิวา ไร้ผลประโยชน์ปาล์มน้ำมัน วอนสังคมอย่าหูเบามองภูมิใจไทยเป็นผู้ร้าย ชี้สังคมจับตาคงไม่มีใครฆ่าตัวตาย ระบุปชป.เห็นต่าง แต่ไม่แตกหัก
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม.การมีชื่อคนในพรรคภูมิใจไทยไปเกี่ยวข้องกับข่าวการทุจริตปาล์มว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีนางพรทิวา นาคศรัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการของภูมิใจไทยด้วย ซึ่งตนยืนยันว่า นางพรทิวาและคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติกำลังทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยใช้กระบวนการช่วยเหลือผู้บริโภคและผู้ประกอบการด้วย ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปาล์มมีระบบกึ่งผูกขาดที่รัฐต้องเข้าแทรกแซงเหมือนกับแทรกแซงก๊าซหุงต้ม แต่คิดว่าอีกไม่กี่วันผลผลิตก็จะมากขึ้นและเรื่องต่างๆก็จบ
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบกันภายในพรรคที่ไม่ยอมให้ข่าวผ่านไปก็ไม่พบว่ามีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามในการประชุมพรรคในช่วงบ่ายวันนี้นางพรทิวาก็คงมีโอกาสอธิบายให้ที่ประชุมพรรคฟัง ส่วนที่มีการระบุตัวอักษรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตปาล์ม นายศุภชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกิดจากฝ่ายค้านที่พูดกัน ซึ่งตนยืนยันว่าการทุจริตของภูมิใจไทยหรือประชาธิปัตย์ไม่มี เพราะสายตาของประชาชนและสื่อจับจ้องอยู่คงไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายโดยการแสวงหาประโยชน์ตรงนี้ และเรียนด้วยว่า วันนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย แต่เป็นเรื่องที่แต่ละพรรคมีหน้าที่บริหารงานของตัวเองเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งมุมมองอาจจะต่างกันแต่ไม่ได้ทำให้แตกหักหรอก
“ ส่วนที่มีข่าวว่าจะเสนอให้ปลดนางพรทิวา อาจจะเป็นความรู้สึกของส.ส. เพราะถ้านางพรทิวา เป็นรัฐมนตรีสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะเป็นไปได้ที่อาจจะเสนอกันภายในพรรคเขาว่ามันน่าจะมีการปลดหรือไม่ แต่ผมคิดว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลมองว่าเป็นเรื่องของการบริหารงานเป็นปกติที่ไม่อาจจะไม่ตรงกัน ไม่ได้หมายความว่าถึงเวลาก็เสนอปลดเพราะมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นอย่างที่คิด และก็ทำไม่ได้อย่างที่อยากจะทำ”นายศุภชัย กล่าว
ส่วนที่มีการมองว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้ร้ายในสังคม นายศุภชัย กล่าวว่า อย่าไปรู้สึกอย่างนั้น เพราะเราเองรู้ว่าภาพความเป็นผู้ร้ายมักจะเกิดขึ้นกับภูมิใจไทย แต่ตนว่า วันนี้ที่พรรคต้องทำให้มากคือพิสูจน์ตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามตนขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งฟังอะไรแล้วเชื่อในทันทีตามหลัก กาลามสูตร อย่าหูเบา รวมทั้งฝากสื่อช่วยอธิบายให้สังคมเข้าใจด้วย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2329 ครั้ง