วันที่ 14 มีนาคม พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสถานการณ์ความเคลื่อนไหวหลังติดตามและประเมินสถานการณ์ ว่า ขณะนี้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังคงทยอยเข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ประเมินตัวเลขพบว่ามีมากกว่า 52,000 คน โดยอยู่ระหว่างการเดินทางทางน้ำจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ซึ่งจะขึ้นเรือที่ท่าวัดสามพระยา และท่าเรือเทเวศร์ มีจำนวนกว่า 1,500 คน และเดินทางมาจากทางภาคตะวันออกอีกกว่า 2,000 คน โดยคาดว่าในเย็นว้นนี้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จากการตั้งจุดตรวจค้นอาวุธจนถึงขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ หรืออาวุธร้ายแรงใดๆ ซึ่งหลังแกนนำประกาศว่าจะเคลื่อนขบวนไปตามจุดต่างๆ หากรัฐบาลไม่ยอมยุบสภานั้น ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจ และมีความเป็นห่วงเรื่องการจราจร
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 17.00 น.วันนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ที่มีจำนวนกว่า 9 กองร้อย และที่ทำเนียบรัฐบาลอีก 7 กองร้อยด้วย
ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง แถลงผลการชุมนุมคนเสื้อแดงในวันที่ 14มี.ค.กล่าวว่า จนถึงเวลานี้ คนเสื้อแดงหลั่งไหลมาชุมนุมเป็นไปอย่างน่าพอใจ ยืนยันว่าในช่วงค่ำจะมีเสื้อแดง จาก กทม.มาร่วมชุมนุม แน่ใจว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมเต็มถนนราชดำเนิน ตั้งแต่ รร.รัตนโกสินทร์ถึงลานพระบรมรูปทรงม้า จากการติดตามตัวเลขผู้ทาชุมนุมของหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า มีผู้เข้าร่วมชุมนุม 45,000 คนนั้น จากการที่ตนคุยกับเจ้าหน้าที่ตร.ที่มารักษาการณ์การชุมนุมนั้น ระบุว่ามีคนมามากว่า 3 แสนคน เราเข้าใจสถานการณ์การสู้รบ ยุทธวิธีไล่ล่าคู่ต่อสู้ของรัฐบาลที่ออกข่าวลักษณะนี้ออกมา ซึ่งวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล เพราะเมื่อดูจากสายตาแล้วก็เห็นว่าเป็นอย่างไร อยากท้ารัฐบาลให้เกณฑ์ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมตัวกันให้เท่าจำนวนคนเสื้อแดงได้หรือไม่
ภายหลังการหารือของแกนนำ มีมติว่า ในวันจันทร์หากไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล หรือ ได้รับแต่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการจะเดินขบวนไปยัง กองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยจะเริ่มเดินทาง เวลา 09.00 น.และจะถึงราบ11 เวลา 12.00น. ซึ่งจะครบ 24 ชม.ที่ คนเสื้อแดงกำหนดให้รัฐบาล โดยเราจะเพื่อทวงคำตอบถึงที่ หากรัฐบาลยังไม่ยุบสภา ก็จะมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้การเดินทางอาจจะใช้ทั้งทางรถยนต์ และการเดินเท้า เส้นผ่านทาง ถนนหลานหลวง เข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เข้าพหลโยธิน ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดล้อม แต่จะเป็นการไปแสดงพลัง เท่านั้น จากนั้นจะกลับมาชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าตามเดิม
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ ราบ 11 นั้น ขณะนี้มีการนำกำลังทหารกว่า 7,000 นาย มีการเตรียมการซักซ้อมความพร้อม และได้มีการเตรียมรถ จีเอ็มซี และ แอลแรท (รถปล่อยคลื่นเสียง) รถฮัมวี ประตูละสองคัน รวมถึง รถน้ำ 20 คัน ตนอยากจะเตือนทหารที่เอารถฮัมวีไปขู่พระตามวัดต่างๆ ว่า จะทำให้พระออกมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงจำนวนมาก
“อยากฝากบอกนายอภิสิทธิ์ ในราบ 11 มีกองทัพทหารแตงโม อยู่จำนวนมาก เพราะตนรู้ถึงขนาด พล.อ.เปรม จากเดิมที่อยู่บ้านทหารธรรมดา ไป อยู่บ้านพักที่ติดกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นบ้านสี่หลังติดกันข้างสนามกอล์ฟ คือ บ้านพล.อ.สนธิ บ้านนายอภิสิทธ์ นายสุเทพ บ้านพล.อ.อนุพงษ์ และ บ้าน พล.อ.เปรม รวมถึงตนยังรู้ว่าบรรยากาศ ในที่ประชุม ศอ.รส. เป็นอย่างไรใครพูดอย่างไรบ้าง คือ มีคน 3 คนที่พูดคอยเสนอแนะแผนการ คือ 1 นายสุเทพ 2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.3 พล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก โดย พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่าถ้าแพ้เราติดคุกแน่ โดยมีนายอภิสิทธิ์พูดปิดท้าย โดยพูดน้อยเพราะว่ากลัวโดนตัดต่อเทป เหมือนที่ผ่านมา” นายจตุพร กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการบุกเข้าไปในราบ11 หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คนเสื้อตรงไปตรงมา ทำอย่างเปิดเผย แต่ถ้าไปแล้วไม่มีการเปิดประตูต้อนรับคงต้องหารืออีกทีว่าจะเอาอย่างไร
เมื่อถามว่า การเคลื่อนมวลชนจำนวนมากจะดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไร เกรงว่าจะมีการสร้างสถานการณ์แทรกซ้อนหรือไม่จะทำอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการทำความเข้าใจผู้ชุมนุม เน้นว่าจะชุมนุมอย่างสันติวิธี ส่วนจะมีสถานการณ์แทรกซ้อนหรือไม่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องรักษาความปอดภัย
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่กับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนายอภิสิทธิ์ หากยุบสภาทุกอย่างก็จบ เพราะคนเสื้อแดงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีแต่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงการเคลื่อนพลในวันพรุ่งนี้ (15 มี.ค) หากรัฐบาลไม่ยุบสภาว่า การเคลื่อนพลในวันดังกล่าว โดยหลักจะเคลื่อนไปและกลับมาที่เดิม ทั้งนี้ ในการเคลื่อนพลหากมีเหตุการณ์รุนแรง รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนการรายงานข่าวเรื่องความรุนแรงนั้นยังไม่มีเข้ามา หากมีก็เป็นฝีมือของรัฐบาลที่เป็นผู้กระทำ เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีระเบิดหรืออาวุธใดๆ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่จะสร้างสถานการณ์ได้ ส่วนการปิดถนนบริเวณรอบรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐสภาหากมีการประชุมส.ส.นั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะเปิดเส้นทางให้ ส.ส.เข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาจะไม่มีการปิดกั้น พร้อมทั้งยืนยันว่า เราจะไม่ทำเหมือนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดล้อมรัฐสภา
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กลุ่มฮาร์ดคอร์แต่ละกลุ่มจะมีแกนนำของตัวเองจึงทำให้ยากต่อการควบคุม เพราะอาจจะไปปิดสถานที่โดยไม่ได้รับคำสั่ง นายอริสมันต์ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะอารมรณ์ต่างกัน ซึ่งแกนนำกลุ่มฮาร์ดคอร์แต่กลุ่มหากดำเนินการอะไร จะต้องรอฟังคำสั่งจากแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ก็ยอมรับว่ากลุ่มฮาร์ดคอร์เสื้อแดงมีอยู่เป็นจำนวนมาก หากเทียบเป็นประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุม 1 ล้านคน ก็จะมีกลุ่มดังกล่าว 9 แสนคน เพราะกลุ่มดังกล่าวพร้อมต่อสู้ ดังนั้น รัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรง อย่างไรก็ตาม หากการชุมนุมเกิดความรุนแรงจริง โดยเฉพาะหากมีคำสั่งสลายการชุมนุม แกนนำจะสั่งให้กลุ่มฮาร์ดคอร์นอนราบกับพื้น รวมทั้งไม่ให้มีการตอบโต้ใดๆ และให้ทหาร ตำรวจ มาจับกุมตัวไปทีละคน
ทางด้านนายอดิศร เพียงเกษ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชลแนล กล่าวบนเวทีปราศรัยคนเสื้อแดงว่า คนเสื้อแดงจะให้เวลานายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจยุบสภาถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้(15มี.ค.) เท่านั้น จากนั้นตนจะไม่รอบรองว่าอะไรจะเกิดขึ้น และพรุ่งนี้หากมีการเคลื่อนพลไปราบ11 จริง คนที่อยู่ในค่ายตนจะจับเป็นตัวประกันให้หมด
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการตั้งเสาวิทยุกระจายเสียงสูง30 เมตร บริเวณหลังเวทีใหญ่การชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นที่พักของแกนนำคนเสื้อ ซึ่งเสาดังกล่าวได้มีการตั้งพร้อมกับเวทีการชุมนุม แต่ยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากการติดตั้งทำได้ยากกว่าการตั้งเวที
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงการตั้งเสาวิทยุดังกล่าว เนื่องจากต้องการออกอากาศวิทยุชุมชน บริเวณการชุมนุมเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับคนเสื้อแดง และใช้เป็นที่ออกอากาศสำรอง หากมีการสั่งปิด พีเพิลชาแนล อย่างไรก็ตามตนเชื่อการปิดพีเพิล แชลแนล คงไม่เกิดขึ้น คาดว่าการตั้งเสา จะแล้วเสร็จในวันนี้ รวมถึงมีการออกอากาศด้วย ยืนยันว่า การตั้งเสาเปิดวิทยุชุมชนครั้งนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
นอกจากนี้ยังมีบุคคลไม่เปิดเผยนำเอกสาร ลงนามนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานกิจการการไฟฟ้านครหลวง มาแจกกับทางสื่อมวลชน โดยเอกสารดังกล่าว เรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ไม่ให้นำกองกำลังทหารออกมาปฏิบัติการเพื่อควบคุมการชุมนุม เนื่องจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ การใช้กำลังทหารออกมาจะทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ และหากมีการใช้กำลังสลายการชุมนุม สหภาพการไฟฟ้าจะนำกำลังเข้าร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงด้วย
ทั้งนี้นายเพียร เคยร่วมการต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนเป็นหนึ่งในแกนนำของพันธมิตรเมื่อปี 2549 แต่ในภายหลังได้ออกจากกลุ่มพันธมิตร และหันมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์แทน
ขณะบรรยากาศบนเวทีปราศรัย ได้มีพระสงฆ์กลุ่มอาสาพัฒนาสันติวิธี และ คณะสงฆ์กลุ่มสังฆสามัคคี ได้ขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์ให้ผู้ชุมนุมฟัง ภายหลังจากที่เมื่อวาน (13มี.ค.) ได้มีการยื่นหนังสือ ต่อ กองทัพบก กองทัพภาคที่1 และทำเนียบรัฐบาล เพื่อต่อต้านการใช้กำลังกับผู้ชุมนุม จากนั้น ได้มีการปะพรมน้ำมันให้กับผู้ชุมนุม แกนนำ และสื่อมวลชน เพื่อความเป็นศิริมงคล
เวลา 17.00 น. ในพื้นที่การชุมนุมคนเสื้อแดงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้มีการลือกันว่า ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจยุบสภาแล้ว ขอให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้าน จนนายจตุพร ต้องขึ้นมาประกาศบนเวที ว่า ขณะนี้ตนได้รับรายงานว่า มีคนไปปล่อยข่าวดังกล่าวในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่ง วิธีการปล่อยข่าวดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์ของคนฝั่งรัฐบาล เพื่อต้องการให้มวลชนคนเสื้อแดงเดินทางกลับ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ได้ตัดสินใจยุบสภา หากยังมีคนมาปล่อยข่าวเช่นนี้กับคนเสื้อแดงอีก ขอให้จับตัวมาให้ตนทันที
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 836 ครั้ง