จีน, คาซัคสถานลงนามสร้างรถไฟความเร็วสูง

จีนและคาซัคสถานจะร่วมกันสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมือหลวงแอสตาน่าและเมืองอัลมาตี้ของคาซัคสถาน โดยคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2015 ประธานบริษัท Kazakhstan Railways อัสการ์ มามินกล่าววานนี้ (อังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011) ที่กรุงปักกิ่ง

เส้นทางรถไฟที่จะสร้างนี้จะเป็นทางรถไฟรางคู่ระยะทางกว่า 1,050 กิโลเมตรเชื่อมเมืองอัสตาน่าและเมืองอัลมาตี้ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของคาซัคสถาน โดยรถไฟที่จะใช้วิ่งจะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจะให้บริการผู้โดยสารกว่า 5 ล้านคนต่อปี นายมามินกล่าวในช่วงงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับนักธุรกิจจากทั้งฝั่งจีนและคาซัคสถาน

บรรดาผู้เชี่ยวชาญในจีนประมาณการณ์ว่า ราว 65% ของทางรถไฟสายนี้จะวิ่งบนพื้นราบ โดยที่เหลืออีก 370 กิโลเมตรจะสร้างบนสะพานและอยู่ในรูปทางรถไฟยกระดับ

นายมามินซึ่งเดินทางมาพร้อมกับประธานาธิบดีเนอร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟของคาซัคสถานในระหว่างการเยือนจีนเป็นเวลา 3 วันกล่าวว่า คาซัคถสานได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับหน่วยงานด้านรถไฟของจีนแล้ว

จากการระบุของบันทึกความเข้าใจ ทางรถไฟสายนี้จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของจีนและหัวรถจักรและโบกี้รุ่นใหม่ล่าสุด

นอกจากนั้นแล้วสถาบันการออกแบบของทั้ง 2 ประเทศจะทำงานร่วมกันในการทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ขณะที่บริษัทผู้เชี่ยวชาญจากจีนและคาซัคสถานจะทำการสร้างทางรถไฟร่วมกัน ข้อความในบันทึกความเข้าใจระบุ

จีนได้พัฒนาเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางรถไฟความเร็วสูงของจีนได้ทำการขนส่งผู้โดยสารกว่า 600 ล้านคนนับแต่ทางรถไฟความเร็วสูงเส้นแรกเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2007 นายหลู่กล่าว

จนถึงปี 2010 จีนได้ขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงไปกว่า 4,674 กิโลเมตร โดย 47% ของเส้นทางที่ขยายไปนั้นรถไฟที่วิ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่น เส้นทางปักกิ่ง-เทียนจิน และ เส้นทางอู๋ฮั่น-กวางโจว เขากล่าว

ประธานาธิบดีคาซัคสถานเดินทางถึงกรุงปักกิ่งเมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2011 ที่ผ่านมาเพื่อทำการเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วัน

ในระหว่างการเยือน เขาได้พุดถึงความต้องการในการร่วมมือเพิ่มเติมกับจีนในโครงการอื่นๆในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและการสร้างทางรถไฟและถนน เขากล่าวว่า โครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายอัสตาน่า-อัลมาตี้เป็นเพียงหนึ่งในนั้น

ที่มา สำนักข่าวซินหัว

แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday