วันที่ 25 ก.พ. ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 2 ดอลล่าร์ เมื่อวันพฤหัสบดี หลังเกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วตลาดน้ำมันว่า พันเอกมูฮัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำลิเบีย ถูกยิง ส่วนพวกเทรดเดอร์ได้อ้างรายงานข่าวที่ได้รับว่า ซาอุดิอาระเบียกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบรรดาบริษัทน้ำมันของยุโรป ให้เตรียมรับสถานการณ์ในกรณีที่อาจต้องสูญเสียน้ำมันดิบของลิเบียไป หรือความเป็นไปได้ ที่จะต้องปล่อยน้ำมันฉุกเฉินที่สหรัฐสต๊อคเอาไว้ออกมาเพื่อพยุงราคาน้ำมัน
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานเรื่องข่าวลือนี้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ อ้างว่า ข่าวลือนี้ช่วยให้ราคาน้ำมันปรับลดลงไปอยู่ที่ 97 ดอลล่าร์ (2,910 บาท) ต่อบาร์เรล รวมถึงการที่ซาอุอาระเบีย ออกมาบอกว่า สถานการณ์ความไม่สงบในลิเบีย ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมัน ได้ทะยานขึ้นไปถึง 120 ดอลล่าร์ (3,600 บาท) ต่อบาร์เรล แต่พอมีข่าวลือเรื่องพันเอกกัดดาฟี่ถูกยิงและซาอุดิอาระเบียยืนยันว่าสามารถส่งมอบน้ำมันได้ตามปกติ ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดเหลือ 97 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ด้านเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐได้ให้ความเห็นว่า ไม่มีเหตุผลให้น่าเชื่อถือว่า พันเอกกัดดาฟี่จะเสียชีวิต
ข่าวลือนี้ ได้แพร่สะพัดออกมาในช่วงที่พันเอกกัดดาฟี่ กำลังเตรียมพร้อมจะเปิดฉากเล่นงานผู้ต่อต้านอย่างนองเลือดจากที่มั่นสุดท้ายในทริโปลี พวกทหารรับจ้างได้กระจายกันไปตามถนน เพื่อร่วมกับหน่วยทหารเข้ากวาดล้างผู้ประท้วง ที่เข้าใกล้กรุงทริโปลีในระยะ 30 ไมล์และเป็นการกวาดล้างหลังจากพันเอกกัดดาฟี่ แถลงทางโทรทัศน์ครั้งล่าสุด ด้วยการเปรียบเทียบตัวเองกับสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษ และกล่าวหาอัล ไกดาว่า ใช้ยาเสพติดมอมเมาพวกวัยรุ่น ด้วยการใส่ลงในนมและเนสกาแฟ
ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการกวาดล้างผู้ประท้วงได้ผ่านหลัก 2,000 คนแล้ว และอีกราว 3 แสนคน พากันอพยพออกนอกประเทศ การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับกองกำลังฝ่ายรัฐบาล เฉพาะเมื่อวานนี้วันเดียว ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน มีรายงานด้วยว่า นายอาห์เหม็ด กัดฮาฟ อัล-ดาม ญาติและคนใกล้ชิดของพันเอกกัดดาฟี่ ได้ประกาศว่า เขาได้แปรพักตร์ไปยังอิยิปต์แล้ว เพื่อประท้วงการกวาดล้างประชาชนอย่างนองเลือด
ชาวกรุงทริโปลี ระบุว่า พวกทหารบ้านได้ออกอาละวาดตามถนน ยิงปืนขึ้นฟ้า ฝ่ายต่อต้านช่วยกันเอาเครื่องกีดขวางมากั้น ไม่ให้พวกทหารบ้าน หรือทหารรับจ้างเข้าถึง แต่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น ปรากฎว่า กองกำลังของนายอับดุลลาห์ เซนุสซี่ น้องเขยของพันเอกกัดดาฟี่ ซึ่งคุมกองกำลังรักษาความมั่นคงภายใน ได้บุกเข้าไปตามบ้านเรือนทั่วกรุงทริโปลี
ที่เมืองซาวิย่า ก็มีกองกำลังบุกเข้าโจมตีมัสยิด ที่ฝ่ายต่อต้านเข้าไปหลบข้างใน ทหารได้ยิงปืนใส่ประชาชน แพทย์สนามบอกว่า ศพที่พบในมัสยิด มีรอยกระสุนที่ศีรษะและหน้าอก ส่วนผู้บาดเจ็บมีจำนวน 150 คน
ก่อนหน้านี้ มูฮัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำลิเบียออกมาพูดต่อสาธารณชนเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวาน นับตั้งแต่ประเทศตกอยู่ในสภาพวุ่นวายสับสน เมื่อประชาชนออกมาประท้วงขับไล่เขาออกจากตำแหน่งในการพูดครั้งล่าสุด เป็นการพูดผ่านทางโทรศัพท์มายังสถานีโทรทัศน์ของทางการลิเบีย
งานนี้ กัดดาฟี่ ได้พูดกับบรรดาผู้ใหญ่ของเมืองอัล ซาวิยาห์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทริโปลีไปทางตะวันตก 50 กิโลเมตรให้ควบคุมดูแลบรรดาเด็กวัยรุ่นทั้งหลาย โดยบอกว่าเด็กวัยรุ่นซึ่งเสพยาที่กลุ่มอัลไกด้านำมาแจกจ่ายให้เหล่านี้ ได้ก่อม็อบ และสังหารตำรวจของเมืองไป 4 นาย
ปัจจุบัน ที่เมืองแห่งนี้ กำลังมีการต่อสู้กันอย่างหนักระหว่างประชาชนกับทหารและกลุ่มติดอาวุธที่จงรักภักดีกับกัดดาฟี การออกมาพูดของเขา มีขึ้นในช่วงที่การประท้วงขับไล่เขาที่เริ่มจากทางตะวันออกของประเทศ เริ่มขยายตัวเข้าล้อมรอบเมืองหลวง
กัดดาฟี บอกว่า อัลกออิดะห์ อยู่เบื้องหลังปัญหาที่ลิเบียกำลังเผชิญอยู่ ส่วนเด็กวัยรุ่นก็เสพยายาและมีพฤติกรรมไม่ดี คนที่ติดอาวุธให้กับเด็กวัยรุ่น เป็นคนที่สหรัฐและโลกตะวันตกกำลังต้องการตัว เขาบอกว่าเด็กวัยรุ่นถูกล้างสมอง คนเหล่านี้ถูกบอกให้แสดงกิริยาไม่ดี คนพวกนี้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของบินลาเด็น และยาเสพติด เขาบอกให้ชาวเมืองช่วยกันเอาปืนออกจากมือของวัยรุ่น และจับคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เขา บอกด้วยว่า สถานการณ์ในลิเบียแตกต่างจากอียิปต์หรือ ตูนิเซีย เพราะที่ลิเบียนั้น อำนาจอยู่ในมือประชาชน ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงอำนาจในแบบที่ต้องการได้ทุกแบบ ตัวเขาไม่มีอำนาจอะไร เพราะได้มอบอำนาจให้ประชาชนไปหมดแล้ว ประชาชนควรต้องรับผิดชอบสำหรับประเทศของตัวเอง ขณะที่ตัวเขาเป็นแค่เพียงผู้นำอำนาจทางด้านศีลธรรมเท่านั้น
กัดดาฟี่ จบการพูดครั้งนี้ในเวลาแค่ 20 นาที ต่างจากการแถลงครั้งที่แล้วที่ปาเข้าไปกว่า 1 ชั่วโมงโดยในตอนจบ เขาบอกว่าเขาสงสัยว่าบิน ลาเด็นจะจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวผู้สูญเสียหรือไม่
ด้านสถานีโทรทัศน์ AP ได้แพร่ภาพที่ระบุว่าบันทึกโดยช่างภาพสมัครเล่น ที่แสดงให้เห็นการปะทะกันอย่างรุนแรง และการประท้วงที่เมืองท่าเบนกาซี ของลิเบีย โดยภาพที่ถูกระบุว่า บันทึกไว้เมื่อวันจันทร์ ได้แสดงให้เห็นประชาชนวิ่งหาที่กำบังบริเวณข้างถนน ท่างกลางเสียงปืนดังสนั่นที่เกิดจากการยิงปะกันอย่างดุเดือด และยังมีระเบิดเพลิงที่ถูกขว้างใส่รถยนต์ที่กำลังวิ่งเข้ามาอีกด้วย
ภาพที่ถูกนำเผยแพร่นี้ ยังไม่ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ แต่ถูกระบุว่า ได้รับผ่านทางนายจอร์จ ซูโคเมล ชาวแคนาดาจากคอลลิ่งวู้ด ออนตาริโอ ที่ทำงานอยู่บริษัทก่อสร้างของเยอรมนีชื่อ อาร์คาดิส และเพิ่งจะได้รับการอพยพออกจากลิเบียโดยเรือของตุรกี ซึ่งนายซูโคเมล บอกว่า มีคนให้เขานำวิดีโอชุดนี้ออกนอกลิเบีย ซึ่งคนที่ถ่ายทำวิดีโอชุดนี้ ได้อธิบายเหตุการณ์ปะทะเดือดที่เกิดขึ้นว่า มีหลายศพห้อยจากเสาไฟฟ้า และพวกทหารบ้านก็ขับรถบรรทุกศพไปทั่วเมือง ส่วนบ้านพักและสำนักงานของบริษัทอาคาร์ดิส ในเบนกาซี ได้ถูกบุก ส่วนรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์จำนวนมาก ถูกปล้นไปจนหมด
ด้านคณะแพทย์ของโรงพยาบาลสนามที่จตุรัสมาร์ไทร์ ในเมืองซาวิยา เปิดเผยในวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิต 17 คน และอีก 150 คน ได้รับาดเจ็บ ตอนที่กองกำลังฝ่ายรัฐบาลถล่มเมือง และว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านี้ ทหารฝ่ายรัฐบาลที่ถูกจับได้ 6 นาย สารภาพว่า พวกเขาได้รับแจ้งว่า เมืองซาวิยาตกอยู่ในมือของกลุ่มติดอาวุธอาหรับ และเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องปลดปล่อยเมืองนี้พวกทหารยอมรับว่า ได้รับการชี้นำผิด ๆ ทำให้พวกเขาต้องมาต่อสู้กับคนชาติเดียวกันเอง
การประท้วงที่ดำเนินมา 10 วัน ได้ส่งผลให้พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ต้องสูญเสียการควบคุมพื้นที่ทางตะวันออก และสมาชิกในรัฐบาลของเขาหลายคน พากันแปรพักตร์ ทั้งยังเผชิญกับกระแสกดดันจากนานาชาติครั้งใหม่ โดยเมื่อวานนี้ สวิตเซอร์แลนด์ได้สั่งอายัดทรัพย์สินของเขาและคนใกล้ชิดแล้ว
สำนักข่าว CNN ระบุว่า ในขณะที่มีรายงานว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสามารถยึดเมืองเบนกาซีเมืองมิสราตา และอัซ ซินตัน เอาไว้ได้นั้น แต่ในกรุงทริโปลี ที่เมืองหลวง ยังคงมีการยิงใส่ผู้ประท้วงจนแตกกระเจิง เมื่อวันพฤหัสบดี จนกลายเมืองร้าง ประชาชนไม่กล้าออกไปเดินตามถนน ไม่กล้าแม่แต่จะโผล่หน้าต่างออกไปดูเหตุการณ์ และไม่กล้าพูดคุยกับผู้สื่อข่าวมีบางคนบอกว่า พยายามซ่อนตัว หลังมีข่าวการลักพาตัวเกิดขึ้นที่บ้านหลายหลัง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1264 ครั้ง