กลุ่มผู้ประท้วงลิเบียฉลองชัยยึดเมืองซาวิยาได้แล้ว ลูกชายกัดดาฟียันประเทศอยู่ในความสงบ ด้านยูเอ็นคว่ำบาตรแล้วทุกทาง
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ กลุ่มผู้ประท้วงนับร้อย รวมตัวกันฉลองความยินดีที่จัตุรัสผู้พลีชีพใจกลางเมืองซาวิยา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงตริโปลีไปเพียง 40 กิโลเมตรเท่านั้น โดยผู้ประท้วงเหล่านี้สามารถครอบครองเมืองดังกล่าวได้เป็นผลสำเร็จ
ผู้ประท้วงต่างยืนอยู่บนรถหุ้มเกราะ และปืนต่อต้านอากาศยาน ซึ่งถือเป็นอาวุธหนัก ต่างโบกธงชาติสมัยที่ยังคงเป็นราชอาณาจักรลิเบีย และตะโกนขับไล่ประธานาธิบดี โมอัมมาร์ กัดดาฟี
“ทั้งเมืองซาวิยา เป็นของเราแล้ว และประชาชนก็ไม่ต้องการกัดดาฟี” ผู้ประท้วงรายหนึ่งกล่าว
ภาพข่าวเอเอฟพี
นอกจากนั้น แผนการขึ้นต่อไปของผู้ประท้วงก็คือ จะส่งกองกำลังซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทหารแปรพักตร์ เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าขับไล่กองกำลังของกัดดาฟี ที่ยังตั้งกองกำลังอยู่รอบๆเมืองซาวิยาให้ล่าถอยออกไปทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวต่างชาติซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางลงพื้นที่บริเวณเมืองซาวิยา ได้รายงานว่า รัฐบาลลิเบียพยายามแสดงให้ผู้สื่อข่าวเชื่อว่าเมืองซาวิยาแห่งนั้นยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอยู่ ซึ่งเท่าที่เห็นนั้น กองกำลังของรัฐจะควบคุมอยู่บริเวณชานเมืองเท่านั้น มีทั้งรถถัง และปืนต่อต้านอากาศยานตรึงเอาไว้ และมีการตั้งด่านตรวจอย่างน้อย 6 จุด รอบๆเมือง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ รัฐบาลเองก็ไม่สามารถยืนยันถึงสถานการณ์ในเมืองได้ว่ากลุ่มผู้ประท้วงได้ครอบครองเมืองไปแล้วจริงหรือไม่
ลูกชายกัดดาฟี ยืนยันลิเบียอยู่ในความสงบ
เมื่อวานนี้ นาย เซอิฟ อัล อิสลาม ลูกชายของกัดดาฟี ไดให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ เอบีซี ของสหรัฐ ในรายการ This Week อ้างว่า ลิเบียยังอยู่ในความสงบ และยืนกรานปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่เคยใช้เครื่องบินขึ้นบินยิงประชาชนจากด้านบนด้วย
ทั้งนี้ ไม่มีรายงานความรุนแรง หรือการปะทะเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนของยุโรปเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะทะลุหลักพันคนไปแล้ว
“โชว์ให้ผมดูหน่อยว่าเกิดการถล่มขึ้นจริง โชว์ให้ผมดูระเบิดสักลูกได้ไหม ทัพอากาศของลิเบียแค่ขึ้นบินทำลายคลังอาวุธของพวกนั้นเท่านั้น แค่นั้นเอง” เซอิฟ กล่าวและยืนกรานต่อไปว่า สถานการณ์ในลิเบียนั้นยังสงบสุขอยู่ด้วย
“สิ่งที่คุณกำลังได้ยินนั้นเป็นเพียงข่าวลือ เป็นรายงานที่ผิด ได้โประ นำกล้องไปถ่ายดูจริงๆทั้งเช้า และเย็น ไปที่เมืองต่างๆในลิเบียดูสิ ทุกเมืองยังสงบ ทุกอย่างยังคงมีสันติสุข ประเด็นปัญหาก็คือ มีช่องว่างขนาดยักษ์ระหว่างความเป็นจริง และการรายงานของสื่อ ภาคใต้สงบ ตะวันตกก็สงบ ภาพกลางก็สงบ แม้กระทั่งตะวันออกก็สงบ”
นอกจากนั้น ลูกชายของกัดดาฟีรายนี้ยังยืนยันว่าทั้งตัวเขา และพ่อ จะไม่หนีออกนอกประเทศแน่นอนด้วย
“ไม่มีใครจะหนีออกไปแน่ เราจะอยู่ที่นี่ ตายที่นี่ แผ่นดินนี้เป็นของเรา ชาวลิเบียคือประชาชนของเรา และสำหรับผม ผมเชื่อว่าผมทำทุกสิ่งถูกต้องแล้ว” เซอิฟกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อช่วงสุดสุปสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะมนตรีความมุ่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมไปถึงสหรัฐ และอังกฤษ ได้ประกาศคว่ำบาตรลิเบียแล้วในทุกๆทาง โดยทางด้านประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยืนยันว่าถึงเวลาแล้วที่กัดดาฟี จะต้องออกไป
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นาย มุสตาฟา อับดุล จาลิล อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มผู้ประท้วงให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลของฝ่ายค้านเมื่อวานนี้กล่าวว่า เขามีความตั้งใจที่จะสร้างชาติให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่มีสถาบันปกครองต่างๆ และให้เคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมกับประกาศด้วยว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นคือการปฏิวัติของประชาชน
“สิ่งที่เกิดขึ้นในลิเบีย คือการปฏิวัติโดยประชาชนซึ่งนำโดยคนหนุ่มสาว และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนผู้ต่อต้านการกดขี่ และต่อต้านเผด็จการผู้ซึ่งได้นำลิเบียไปสู่ประเทศที่มีทิศนคติด้านเดียว คับแคบ อาฆาต และมีจิตวิญญาณที่กระหายเลือด” อับดุล จาลิลกล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1309 ครั้ง