(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี )
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ดังนี้
การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นมาตรการลักษณะของการป้องกันเหตุ หรือพยายามจัดระบบให้เข้าไประงับเหตุซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงได้ ไม่ได้ไปละเมิดสิทธิของประชาชนในการชุมนุมทางการเมือง
หลังการประกาศใช้ 2 วันที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมเดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้าสู่กทม.และปริมณฑล ต้องขอบ คุณเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การตั้งด่านเพื่อตรวจอาวุธ ต่างด้าว ยาเสพติด เพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้ชุมนุม ไม่ใช่การสกัดกั้นไม่ให้เข้ามา
ผมตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อประสานงานกับผู้ชุมนุม ซึ่งปัจจุบันผู้ชุมนุมประสานงานผ่านน.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.
ตัวอย่างการประสานงาน เช่น ช่วงผู้ชุมนุมเข้ามาตามด่าน จราจรเริ่มติดขัดเคลื่อนตัวได้ช้า มีการประสาน ว่าเพิ่มช่องทางได้หรือไม่ ซึ่งมีการสนองตอบกันไป หลายพื้นที่จัดที่จอดรถ จัดรถบัสไว้อำนวยความสะดวก หรือจะเอารถเข้ามาเองก็ไม่ว่า รวมทั้งการขอความร่วมมือในการตรวจตราอาวุธ ให้ใช้ตำรวจตรวจร่วมกับการ์ด ผู้ชุมนุม เป็นต้น
เมื่อคืนที่ 13 มี.ค. หลังการปราศรัย แกนนำกังวลว่าหากทหารอยู่จำนวนมากอาจเกิดความตึงเครียด เมื่อมีการประสานมาเราก็สลับกำลังบางจุด นำกำลังทหารออกไป เอากำลังตำรวจเข้ามาแทน มีการผ่อนปรนเข้าหากันและกัน
รัฐบาลก็ประสานไปยังผู้ชุมนุมเมื่อคืนว่าการข่าวมีคนบางกลุ่มเข้ามาชุมนุม เราวิตกว่าอาจไม่ได้เป็นแนวทางเดียวกับการชุมนุมหลัก อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือเกิดความรุนแรงได้ เช่น กลุ่มที่เข้ามาจากอุบลฯ ที่ใช้ชื่อว่า “ชักธงรบ” กลุ่มที่มาจากเชียงใหม่ นำโดย นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล (แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51) เลขาธิการนายกฯ ได้ประสานไปที่ น.พ.เหวง ขอให้แกนนำเหล่านี้ประสานกับเราด้วยเพราะการเคลื่อนไหวดูไม่ชัดเจน
รัฐบาลยึดถือเอาคำวินิจฉัยของศาลปกครองเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 51 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ คำวินิจฉัยชัดเจนว่าการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนนั้น ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
โดยหลักเจ้าหน้าที่สามารถสลายการชุมนุมได้ แต่ศาลกำหนดว่าไม่ใช่ภาครัฐอยากจะใช้วิธีการใดก็ได้ ต้องยึดหลักสากล เริ่มจากการแจ้งกับผู้ชุมนุมก่อนว่าบางสิ่งที่ทำอยู่ไม่ถูกกฎหมาย จากนั้นจะเตือน หากไม่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่จะมีมาตรการจากเบาไปหาหนักอย่างไรบ้าง เป็นแนวปฏิบัติที่เราใช้ตลอดการชุมนุมครั้งนี้
มีการพูดกันมากวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลเตรียมประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พูดกันว่าจะมีความรุนแรง เข้าไปปราบปรามประชาชน
ผมย้ำอีกครั้งรัฐบาลนี้ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปปราบปรามประชาชน รัฐบาลจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการปราบปรามประชาชนที่มาชุมนุม จึงขอให้ความมั่นใจได้
แต่ด้วยความที่เรากังวลว่ามีคนบางกลุ่มประสงค์จะให้เกิดความรุนแรง ไม่ใช่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ ไม่ใช่แกนนำผู้ชุมนุมหลัก เราจำ เป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดตามสมควรในการช่วยกันจัดระเบียบการชุมนุม
พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช่นึกอยากประกาศก็ประกาศได้ เป็นพ.ร.ก.ที่ระบุเงื่อนไขของเหตุการณ์ชัดเจน ต้องเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน จำเป็นเร่งด่วน เห็นแล้วว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น หรือปัญหาเกิดขึ้นแล้วจึงประกาศ เมื่อประกาศแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรได้ตามใจชอบ
เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้วก็มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งได้แต่นำกำลังเข้ามาเพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ชัดเจนว่าไม่มีการสูญเสียชีวิตจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐเลย
ส่วนที่อ้างมีคลิปผมสั่งฆ่าประชาชน ก็พิสูจน์แล้วเป็นคลิปเสียงตัดต่อจากรายการนี้ เคยเอามากางให้ดูแล้วว่าประโยคไหนหยิบมาจากรายการวันที่เท่าไหร่
บรรดาข่าวลือต่างๆ ช่วง 2 วันมีมาก มุ่งทำให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างรัฐกับประชาชน รัฐบาลกับทหาร ทหารกับตำรวจ ประชาชนกับประชาชน ที่สุดก็พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง
เช่น ข่าวลือว่าจะมีรถถังมาปิด จะสร้างสถานการณ์ตรงนั้นตรงนี้ รัฐบาลจะสื่อสารกับพี่น้องตลอดเวลาเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อย่าไปหลงเชื่อข่าวลือ อย่าตกเป็นเหยื่อของผู้ประสงค์ให้เกิด ความรุนแรง
เว็บไซต์ www.capothai.org จะเข้ามาทำเกี่ยวข้องกับข่าวลือ เริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้
ประเมินจำนวนผู้ชุมนุมกับการประกาศจะเตรียมน้ำมันล้านลิตรอย่างไร
เรื่องตัวเลขเราดูตามความเป็นจริง คร่าวๆ ที่อยู่ในที่ชุมนุมแล้วเมื่อคืนอาจใกล้เคียงแสนคน จำนวนจะอยู่ประมาณนี้ เป็นเรื่องไม่เกินความคาดหมายของฝ่ายต่างๆ ช่วงเม.ย.ปีที่แล้วก็ประมาณนี้ มากน้อยกว่านี้เล็กน้อย
ความสำคัญไม่ได้อยู่ตรงจำนวน แม้มีคนเดียวมีเหตุผลก็ต้องฟัง แสนคนก็ต้องยิ่งฟัง รัฐบาลพยายามปรับการทำงานของทุกฝ่าย ให้เป็นลักษณะเอื้ออำนวยความสะดวกและจัดระเบียบเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
บ้านเมืองสงบ สำคัญต่อเศรษฐกิจ สังคม ประชาชน สำคัญกับผู้ชุมนุม ถ้าผู้ชุมนุมมาอยู่ในคนหมู่มากต้องได้รับความปลอดภัยด้วย ถ้าจะมีไม่ถูกใจคือกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่อยากให้วุ่นวาย
ดังนั้น ประชาชนน่าจะสบายใจได้ว่ามีแนวทางการทำงานที่ชัดเจน ความรุนแรงที่จะเกิดจากภาครัฐก่อนไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีเหตุผล นโยบาย แนวคิดใดๆ ทั้งสิ้น
นปช.ประกาศเผด็จศึกรัฐบาลภายใน 3 วันให้นายกฯลาออก-ยุบสภา
ยังไม่ทราบชัดเจน ขณะนี้เป็นการปราศรัยของแกนนำบางคน บางคนพูด 2 วันก็ไม่ตรงกัน บางคนบอกยุบสภ าแต่วันก่อนก็บอกยุบสภาแค่หลักกิโลเมตรแรก และมีเรื่องอื่นๆ ตามมาอีก
มันยังไม่ชัดเจน พอมีการชุมนุมก็อาจมีการตกผลึก มีข้อเรียกร้อง ผมจะเอามาดู ต้องใช้เหตุใช้ผลในการพูดคุย คงไม่ใช่บอกว่าผมยื่นข้อเสนอนี้แล้วก็ตอบว่าใช่ ไม่ใช่
ถ้าพูดถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องบอกว่าผมมีสิทธิอยู่ครบเทอมตามรัฐธรรมนูญ ผมก็มาระบบเดียวกับนายกฯสมัคร (สุนทรเวช) นายกฯสมชาย (วงศ์สวัสดิ์) ผมมีสิทธิอยู่ครบเทอม
แต่จะอยู่ครบเทอมหรือไม่พูดล่วงหน้าไม่ได้ การยุบสภา การลาออกเป็นเรื่องปกติของวิถีทางประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องมีเหตุมีผลและเหตุผลที่ผมจะใช้คือประโยชน์ของประเทศ
ก่อนหน้านี้ผมบอกจะยุบสภาตอนเศรษฐกิจยังเปราะบาง ไม่ดี ตอนนี้เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาน้อยลง แต่ผมยังมีความห่วงใยอยู่ หากยุบสภาแล้วยังมีการขัดแย้ง มีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างสงบ กลายเป็นการเลือกตั้งที่เสี่ยงต่อความรุนแรง อันนั้นไม่ดีต่อประเทศ
หรือถ้ายังเป็นการเลือกตั้งที่บางฝ่ายยังคลางแคลงใจว่ากติกาที่ใช้ในการเลือกตั้งดีหรือไม่ดี เมื่อเลือกตั้งเสร็จเกิดการไม่ยอมรับกันเรื่องกติกา เมื่อย้อนกลับมาดูอย่างนี้ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหา
ข้อเรียกร้องทางการ ผมยังไม่ทราบว่าคืออะไร ต้องพูดคุยกัน คงไม่ใช่เรื่องที่บอกว่าจะยื่นคำขาด ต้องตอบภายในวันนั้นวันนี้ ตามระบบจากนี้ก็จะมีการอภิปรายในสภา ผมจะใช้แนวทางนี้ แต่ไม่ได้ปิดหูปิดตา ผมฟัง ไม่ปฏิเสธหรือรับอะไรล่วงหน้า ผมดูจากเหตุและผลที่ต้องมาแลกเปลี่ยนกัน
ถ้าจะมีใครอยากให้รัฐประหาร ต้องเป็นการคาดหวังว่ารัฐประ หารแล้วจะวุ่นวายมากขึ้นและนำไปสู่การล้มกระดาน อาจกินความหมายกว้างหรือแคบแล้วแต่สถานการณ์ เพื่อหวังผลไปสู่เรื่องอื่นๆ อีก ฉะนั้นการรัฐประหารไม่ใช่ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ของประเทศแน่นอน
ผมต้องทำงานใกล้ชิดผู้นำเหล่าทัพ ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ ยินใครบอกว่าอยากเห็นรัฐประหาร ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ และผมดีใจที่พูดว่าที่ทำงานวันนี้ไม่ใช่เพื่อนายอภิสิทธิ์ แต่ทำงานเพื่อรักษาระบบของบ้านเมือง
ฟังดูเหมือนผู้เรียกร้องไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการ
กรณีที่เรียกร้องให้นายกฯลาออก ยุบสภา มีเกือบทุกยุค เคยได้ยินนายกฯ คนไหนพูดว่าการยุบสภาเป็นไปได้ ขอให้มาคุยกัน ไม่เคยมี
ผมที่มีสิทธิอยู่ครบเทอมก็ยังบอกให้มาคุยกัน มาตกลงกติกากัน
จะเกิดการเจรจาขึ้นหรือไม่
ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการเจรจา แต่เราต้องบริหารสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อย อาจมีคนบอกมีเรื่องใหญ่กว่านั้น แต่หากเข้าใจผิดนิดเดียวเกิดบาดเจ็บล้มตาย ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ข้อเรียกร้องทางการเมืองมาบอกผมไม่ตอบสนอง ถามว่าผมเป็นนายกฯ ตลอดไปหรือไม่ ก็ไม่ใช่ ยาวนานที่สุดครบวาระก็ปลาย ปีหน้า ระหว่างทางอาจมีการยุบสภา-ลาออกก็ได้ ไม่ทราบ จะบอกหากไม่เคลื่อนไหวแล้วผมจะอยู่ไม่จบไม่สิ้น ไม่ใช่ เราต้องดูภาพรวมเรื่องนี้ด้วย
ส่วนข้อคับข้องใจเรื่องอื่นต้องมาพูดกัน สองมาตรฐานใช้กันเยอะ ก็มาดูเรื่องไหนเป็นอย่างไร บางเรื่องอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน บางเรื่องผมอาจมองไม่เห็นบางมุม ก็มาพูดคุย แต่บางเรื่องผมต้องยืนยัน เอาเสียงผมไปตัดต่อไม่ได้ คนทำก็ถูกศาลประทับรับฟ้องแล้ว ผมใช้สิทธิตามกฎหมาย ถ้าเป็นคนที่ต้องการเห็นความรุนแรงก็ไม่ใช้วิธีการนี้
ผมเข้ามาช่วงสังคมขัดแย้งมาก รู้ว่าบางคนบางกลุ่มมีวัตถุประสงค์แอบแฝง กระทบผลประโชน์ส่วนรวม ผมบริหารเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น ให้ความ สำคัญกับเสียงทุกเสียง ชีวิตคนทุกคน
กังวลเรื่องก่อวินาศกรรมหรือการชุมนุมยืดเยื้อ รัฐบาลจะทำอย่างไร
การชุมนุมเป็นสิทธิตามกรอบ จะอยู่ 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน ตราบเท่าที่อยู่รัฐบาลจะดูแลเต็ม ที่ไม่ให้มีอะไรนอกกรอบ การป้องกันวินาศกรรม การขอความร่วมมือประชาชน ผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องทำต่อเนื่อง
การเตรียมวัตถุเชิงสัญลักษณ์เช่นอุจจาระ
เราต้องเข้าใจผู้ชุมนุม ถ้าเชื่อว่าจะมีคนไปใช้กำลังความรุนแรงก็ต้องเตรียมป้องกันตัว ผมพยายามสื่อสารตลอดเวลาว่ารัฐบาลชุดนี้ นายกฯ คนนี้ ไม่ทำแน่นอน
เราต้องมาช่วยกันดูเพราะมีคนที่อยากให้เราทะเลาะกัน ก็ต้องมาตรวจตราไว้เนื้อเชื่อใจกันระดับหนึ่ง ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน มีการข่าวก็ประสานกัน ทุกอย่างจะเรียบร้อย
การออกหมายจับนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เป็นการเร่งเร้าสถานการณ์ชุมนุม
การออกหมายจับนายอริสมันต์ ไม่ใช่เหตุเกี่ยวข้องวันสองวันนี้ เป็นเรื่องการพูดจา เจ้าหน้าที่เห็นว่าเข้าข่ายทำให้เกิดความรุนแรงได้ก็ดำเนินการไป
บังเอิญศาลอนุมัติหมายออกมาในช่วงนี้ เจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่จะปฏิบัติเท่าที่ปฏิบัติได้ ไม่ไปทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น
ข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกขับจากดูไบมาพำนักอยู่ประเทศเพื่อนบ้านที่เรากำลังมีปัญหา
เรื่องที่ดูไบ เราประสานงานตลอดว่าขออย่าใช้พื้นที่ตรงนั้นมาเคลื่อนไหว กระทบกระเทือนความมั่นคง ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชัดว่าท่านอยู่ที่นั่น มีการพูดจา มีคนไปพบท่านกลับมาพูดจารุนแรงมาก ขณะนี้ก็โดนดำเนินคดีอยู่ เจ้าตัวก็ยืนยันไม่ได้อยู่แล้ว เป็นข้อเท็จจริงที่เราทราบ ผมไม่ได้ก้าวล่วงว่าออกเองหรือถูกเชิญออก ไล่ออก นี่คือข้อเท็จจริง มิตรประเทศส่วนใหญ่คงไม่ต้องการมาสร้างปัญหาให้เรา
การใช้กฎหมาย 18 ฉบับประกอบในกฎหมายความมั่นคง มากไปหรือไม่
เป็นวิธีการใช้กฎหมายความมั่นคงได้อย่างสะดวก รวดเร็วขึ้น ใช้น้อยมาก แต่ต้องมีพร้อมไว้
เรื่องความปลอดภัยของนายกฯ
เราเป็นอาสาสมัครมาทำหน้าที่ เรามีความรับผิดชอบ บ้านเมืองสำคัญกว่าตัวเราเยอะ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวผม สำคัญที่ตำแหน่งผม อะไรเกิดขึ้นก็เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งวุ่นวายได้ ระมัดระวังตัวตามสมควร
ผมขออภัยทั้งการปิดจราจรบ้านผม รู้ก็บอกไม่จำเป็น ก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ พอผ่อนปรนก็เกิดเหตุปา 2 ครั้ง ถ้าเราทำทุกอย่างเคารพกติกา สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น
ที่มา:วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7046 ข่าวสดรายวัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1030 ครั้ง