วันที่ 3มี.ค.เว็บไซท์ CNN รายงานว่า เครื่องบินรบของลิเบีย ได้ทิ้งระเบิดในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในขณะที่พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ พยายามจะยึดพื้นที่คืนจากกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ผู้สื่อข่าว เปิดเผยว่า เห็นเครื่องบินทหารทิ้งระเบิด 2 ลูก ใกล้กับเมืองอัล เบรก้า ซึ่งเป็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องบินก็ทิ้งระเบิดลูกที่ 3 ประชาชนที่อยู่บนพื้นดินพยายามยิง และใช้ทุกอย่างที่หาได้ ขว้างใส่เครื่องบินก่อนจะวิ่งหนีไป
การสู้รบทางภาคพื้นดิน ได้ทวีความดุเดือดมากขึ้น เมื่อกองกำลังที่ภักดีต่อพันเอกกัดดาฟี่พยายามจะเข้ายึดมหาวิทยาลัยในเมืองอัล เบรก้า ขณะที่แพทย์เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 4 คนและบาดเจ็บอีก 23 คน ซึ่งทุกคนมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืน ด้านประชาชนในพื้นที่อ้างว่า พวกฝ่ายต่อต้านยังคงยึดครองเมืองอัล เบรก้า และสามารถขับไล่กองกำลังของฝ่ายรัฐบาลออกไปได้ ก่อนหน้านี้ เครื่องบินทหารได้ไปทิ้งระเบิดโจมตีค่ายทหารหลายแห่ง บริเวณชายเมืองอัจดาบิยา
มีวัยรุ่นในเมืองอัจดาบิยา ได้รวมตัวกันและมุ่งหน้าไปช่วยสู้รบกับกองกำลังฝ่ายรัฐบาล เพื่อปกป้องเมือง ที่ฝ่ายต่อต้านยึดมาได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฐานทัพบางแห่งในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ ได้ตกอยู่ในมือของฝ่ายต่อต้านแล้วเช่นกัน ด้วยเพราะมีทหารที่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้านเพิ่มมากขึ้น
การทิ้งระเบิดของฝ่ายรัฐบาล อาจสนับสนุนเสียงเรียกร้องให้กำหนดเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีในลักษณะนี้ สหรัฐระบุว่า เตรียมทางเลือกทุกทางเอาไว้แล้ว พลเรือเอกไมเคิล มุลเล่น ประธานเสนาธิการทหารร่วม กล่าวว่า การกำหนดเขตห้ามบินจะปฏิบัติการที่ไม่ธรรมดาและซับซ้อนอย่างยิ่ง ส่วนวุฒิสมาชิกจอห์น แคร์รี่ ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศของวุฒิสภา กล่าวว่า ในขณะที่ลิเบียยังไม่ได้ขอให้ทหารต่างชาติเข้าไปช่วยเหลือ พวกเขาจำเป็นต้องมีเครื่องมือป้องกันการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ตามถนนสายต่าง ๆ และเขาเชื่อว่า ประชาคมโลกไม่สามารถแทรกแซงได้ ในขณะที่เครื่องบินรบ
ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปโจมตีหรือทิ้งระเบิด เท่ากับว่าตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกิจการภายในและเป็นการตัดสินใจของประชาชนและรัฐบาลของพวกเขา
ในขณะที่กองกำลังที่ภักดีต่อพันเอกกัดดาฟี่ เข้าโจมตีฝ่ายต่อต้านนั้น ผู้นำวัย 68 ปี ได้เตือนว่า ประชาชนอีกนับแสนคนจะถูกสังหาร ถ้าสหรัฐหรือองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ เข้าแทรกแซง เขายังอ้างด้วยว่า ไม่มีการประท้วงอย่างสันติในลิเบีย มีแต่อัล ไกดา ที่อยู่เบื้องหลังความพยายามจะแยกประเทศลิเบีย และยังโทษว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากพวกอดีตนักโทษที่เคยถูกคุมขังที่อ่าวกวนตานาโมของคิวบา ที่กลับไปเข้าร่วมกับอัลไกดาอีก ซึ่งเขาจะขัดขวางอัล ไกดา และจะขัดขวางไม่ให้บิน ลาเดน เข้าไปในแอฟริกาเหนืออย่างเด็ดขาด
พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี กล่าวโทษอดีตนักโทษในเรือนจำอ่าวกัวตานาโม คิวบา ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาอยู่ในลิเบียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุความวุ่นวายในครั้งนี้ พร้อมระบุว่ากลุ่มนักโทษดังกล่าวเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์
“พวกเขา(อัลกออิดะห์)เชื่อว่า โลกเป็นของพวกเขา และต่อสู้ในทุกๆ ที่ที่อยู่” กัดดาฟีกล่าว
ในแถลงการณ์ดังกล่าว กัดดาฟี ยังได้โต้ตอบต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงว่าไม่สามารถทำตามได้เนื่องจากไม่มีอำนาจที่จะสละจากตำแหน่ง เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของประชาชนมาตั้งแต่การปฏิวัติเมื่อปี ค.ศ.1977
โดยไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า กองทหารที่ยังจงรักภักดีกับกัดดาฟี ไม่สามารถต้านทานกองกำลังฝ่ายตรงข้าม ส่งผลให้กองกำลังดังกล่าวสามารถบุกยึดเมือง อัล บรีกา ทางตะวันออกของลิเบียได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเมืองดังกล่าวถือเป็นเมืองสำคัญสำหรับการกลั่น และการผลิตก๊าซธรรมชาติ
พร้อมกันนี้ กัดดาฟียังได้เตือนบรรดาชาติตะวันตกว่าอย่าได้สอดมือเข้ามาสนับสนุนกับกลุ่มกบฎในลิเบียเพื่อต่อต้านกัดดาฟี เนื่องจากเหตุดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามนองเลือดในที่สุด ตลอดจนให้คำมั่นสัญญากับกลุ่มผู้สนับสนุนว่าจะปกครองดินแดนนี้ต่อไป
นอกจากนี้ กัดดาฟียังได้โต้ตอบการที่เหล่านานาประเทศเริ่มดำเนินการยึดทรัพย์ตระกูลกัดดาฟี โดยย้ำว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่สูญเปล่าเนื่องจากทรัพย์สินที่ยึดไปล้วนเป็นของประเทศลิเบียทั้งสิ้น
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2104 ครั้ง