นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเลื่อนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง 2 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ออกไปจากเดิมกำหนดขายวันที่ 29 มี.ค.-2 เม.ย.53 เป็นระหว่างวันที่ 26-30 เม.ย.53 เนื่องจากเห็นว่าช่วงปลายเดือนมี.ค.อาจยังมีสถานการณ์ความวุ่นวายและช่วงกลางเดือนเม.ย.ก็มีวันหยุดหลายวันอาจไม่สะดวกต่อผู้ซื้อและสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย
“ความวุ่นวายทางการเมืองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลื่อนการขายพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 2 ออกไปก่อน และอีกอย่างมองว่าช่วงสงกรานต์ประชาชนน่าจะไปท่องเที่ยวกันจำนวนมาก อาจไม่สะดวกหากจะซื้อพันธบัตรช่วงต้นเดือน จึงน่าจะรอให้ผ่านพ้นวันหยุดไปก่อน ” นายจักรกฤศฏิ์กล่าว
สำหรับระยะเวลาในการขายพันธบัตร 5 วันที่วางไว้ กำหนดให้ 2 วันแรกเป็นการขายให้ผู้สูงอายุ 2 วันถัดไปขายให้ประชาชนทั่วไป และวันสุดท้ายขายให้องค์กร นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งรอบแรกไม่มีเหลือถึงกลุ่มดังกล่าว ในรอบนี้จึงมีการเรียกร้องเข้ามา
ส่วนการคัดเลือกสถาบันการเงินเข้ามาทำหน้าที่จำหน่ายนั้น มีจำนวน 13 แห่ง ซึ่งทั้งหมดเสนอเป็นตัวแทนขายพันธบัตรโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม มีทั้งธนาคารพาณิชย์ไทย สาขาธนาคารต่างประเทศที่รับฝากเงิน และธนาคารออมสิน โดยจัดแบ่งวงเงินทั้ง 1 แสนล้านบาทเรียบร้อยแล้ว 4 ธนาคารขนาดใหญ่รับไปหลักหมื่นล้านบาท ธนาคารขนาดกลางและเล็กลดหลั่นลงมาเหลือหลักพันและร้อยล้านบาทตามขนาดและสาขาที่เปิดให้บริการเพื่อกระจายพันธบัตรให้ทั่วถึงประชาชนมากที่สุด ขณะที่ทุกธนาคารต่างก็ต้องการรักษาฐานลูกค้าของตัวเองไว้
สำหรับการจ่ายอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรุ่นนี้ที่กำหนดอายุไถ่ถอน 6 ปีนั้น ยังมีอัตราเฉลี่ยที่ 4% แต่กำหนดแบบขั้นบันได ให้ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 3% ช่วง 3 ปีแรก จากนั้นเพิ่มเป็น 4% ในปีที่ 4-5 และ 5% ในปีที่ 6 ซึ่งอาจเปลี่ยนเปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในช่วงนั้นๆ แต่เท่าที่ดูเห็นว่าโอกาสที่ดอกเบี้ยจะขยับขึ้นยังเป็นไปได้ยากและคงไม่สามารถจ่ายได้ถึง 6% ส่วนเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรจะนำไปรีไฟแนนซ์เงินกู้ระยะสั้นที่ใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งที่ขณะนี้เบิกจ่ายเข้ามาแล้ว 1 แสนล้านบาท
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงผลการหารือกับรองประธานองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) และประธานธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ในระหว่างเดินทางชี้แจงข้อมูลให้นักลงทุนของญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-13 มี.ค. ว่า ทั้ง 2 หน่วยงานพร้อมให้การสนับสนุนเงินกู้ให้แก่ไทยเพื่อลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ระยะที่ 2 รวมถึงโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติโครงการก่อสร้าง
ที่มา:วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7046 ข่าวสดรายวัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1003 ครั้ง