ทีมแพทย์เข้าตรวจกัมมันตรังสีประชาชนผู้อพยพ ด้านองค์การอนามัยโลกยืนยันกัมมันตรังสียังไม่กระทบกับนานาประเทศ
หลังการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมา ไดอิชิ จากจังหวัดฟูกุชิมา จนทางการญี่ปุ่นต้องสั่งให้มีการอพยพประชาชนกว่า 2 แสนคนในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าออกจากพื้นที่นั้น นายมาซาโอะ ฮารา นายกเทศมนตรีเมืองโคริยามา ซึ่งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าฟูกุชิมาไปทางตะวันตก 50 กิโลเมตร กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้อพยพจากพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้ามาอาศัยสถานพักพิงในเมืองราว 9,000 คน และในสนามเบสบอลอีก 200 คน
สิ่งที่ผู้อพยพต้องการอย่างเร่งด่วนในตอนนี้ คือ น้ำมัน น้ำ และอาหาร โดยเชื้อเพลิงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้สามารถเดินเครื่องทำความร้อนเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ผู้อพยพท่ามกลางอากาศเย็น และจำเป็นต้องนำมาใช้กับยานพาหนะเพื่อขนถ่ายขยะ
“แม้ผู้คนจะกลัดกลุ้ม แต่พวกเขาก็ไม่ตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามพวกเขาเริ่มกังวลมากขึ้นหลังจากดูโทรทัศน์ และเห็นว่าส่วนอื่นในประเทศวิตกกันขนาดไหน”มาซาโอะกล่าว
ทั้งนี้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทางการญี่ปุ่นได้เข้าตรวจสารกัมมันตรังสีให้ผู้อพยพ รวมทั้งแจกจ่ายยาเม็ดไอโอดีนเพื่อป้องกันอาการป่วยอันเกิดจากการได้รับสารกัมมันตรังสี โดยมีผู้อพยพเข้าคิวเพื่อเข้าตรวจกว่า 2 พันคน
ด้าน ไมเคิล โอเลียรี ผู้แทนขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้แถลงยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญระดับสากล และยังไม่กระทบต่อประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ในการประเมินสถานการณ์ และไม่คิดว่าจะมีอันตรายใดๆ ต่อสุขภาพของประชาชนในรัศมี 30 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าฟูกุชิมา
โอเลียรี ยืนยันว่า ข้อมูลที่ระบุว่า กัมมันตรังสีอาจแพร่กระจายไปทั่วเอเชีย และภูมิภาคอื่นนั้นเป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งถูกส่งต่อกันไปด้วยวิธีต่างๆ ดังนั้น ทั้งรัฐบาล และประชาชนจึงควรดำเนินการเพื่อหยุดยั้งข่าวลือเหล่านั้น ซึ่งอาจทำลายขวัญกำลังใจของผู้คนได้
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเรียกร้องให้นานาชาติลดความตื่นตระหนก หลังรัฐบาลของบางประเทศได้ออกคำเตือนต่อพลเมืองของตนเองต่อการเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น โดยรัฐบาลของอิรัก บาห์เรน และแองโกล่า ได้แจ้งต่อกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเพื่อแสดงความจำนงในการปิดสถานทูตชั่วคราว ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เดินทางออกนอกญี่ปุ่นแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศยังระบุว่า รัฐบาลปานามา ได้ทำการย้ายที่ทำการสถานทูตชั่วคราวไปยังเมืองโกเบ ขณะที่ออสเตรียทำการย้ายเจ้าหน้าที่สถานทูตรวมถึงเอกอัครราชทูตไปยังเมืองเกียวโต และเรียกร้องให้นักการทูตต่างชาติ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น ทำการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากรัฐบาลในช่วงนี้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีโรงไฟฟ้า
ขณะเดียวกันนานาประเทศเริ่มตื่นตัวกับภัยคุกคามจากสารกัมมันตภาพรังสีที่แพร่จากโรงงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นมากขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐได้เตือนให้ประชาชนเร่งอพยพออกจากพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานดังกล่าว ให้ห่างจากรัศมี 80 กิโลเมตร ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้เตือนไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกเร่งกักตุนสารไอโอดีน ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งที่เกิดจากสารกัมมันตภาพรังสีหลังจากที่ร้านขายยาทั่วประเทศต้องเผชิญกับยอดสั่งจองสารไอโอดีอย่างขนานใหญ่
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวคเลียร์ Ontario Power ในแคนาดา ได้ปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีหลายพันตัน ลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ หลังจากเกิดอุบัติเหตุขึ้นในโรงงาน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ระดับกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลจะส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อสิ่งแวดล้อม และไม่กระทบต่อสุขภาพของมนุษย์
ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบตลาดทุนอีก 5 ล้านล้านเยน รวมเงินที่อัดฉีดนับตั้งแต่วันจันทร์แล้วสูงถึง 33 ล้านล้านเยน หลังจากที่ตลาดหุ้นยังทิ้งตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งล่าสุด ในช่วงซื้อขายระหว่างวัน ดัชนีนิกเคอิยังทิ้งตัวลงถึง 2.09%
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายจากเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ มีจำนวนมากกว่า 13,000 คนแล้ว และมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการในขณะนี้อยู่ที่ 5,178 คน สูญหาย 8,606 คน และบาดเจ็บ 2,285 คน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1013 ครั้ง