โพสต์ทูเดย์ สื่อในเครือเซ็นทรัล ได้นำเสนอข้อมูล บทความ ที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ มานำเสนอ เป็นคู่มือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ MTODAY เห็นว่ามีปนะโยชน์จึงขอนำมาเสนอ
การอภิปรายไม่ไว้วางใจล่วงเข้าสู่วันที่สาม วันที่ว่ากันว่าจะเป็นไฮไลท์สุดและจะประท้วงมากสุด เมื่อฝ่ายค้านหยิบยกเหตุการณ์การกระชับพื้นที่กลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 มาอภิปราย และประเด็นหนึ่งที่ฝ่ายค้านโหมโรงมาก่อนก็คือ จะเปิดคลิปทีเด็ด แฉให้เห็นกันจะจะใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ใครยิงประชาชนเสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม และใครสังหารสื่อมวลชนชาวญี่ปุ่น
ในขณะที่รัฐบาลโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเกทับฝ่ายค้านทันทีว่า ขอให้นำความจริงมาพูด อย่าตัดตอน ตัดคลิปเติมแต่ง พร้อมกับบอกด้วยว่า การอภิปรายครั้งนี้จะบอกเล่าความจริงให้หมดโดยมีการกล่าวไปถึง “แดงตัวพ่อ” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บงการให้เกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง
การอภิปรายวันนี้( 17 มี.ค.) อาจได้เห็นการนำเรื่องเก่าตั้งแต่ช่วงการก่อจลาจลของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2552 มาขยายต่ออย่างไม่รู้จบ ซึ่งสาธุชนทั้งประเทศต้องจำทนดูเรื่องราวซ้ำซาก ที่มีการชี้แจง และมีการหาทางออกจากสภาด้วยการตั้งคณะกรรมการตครวจสอบกันไปแล้ว แต่เบื้องลึกกว่านั้น การที่ฝ่ายค้านจำต้องนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เพราะหวังผลต่อการดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามในการสร้างคะแนนก่อนเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน มีการเปิดปฏิบัติการ “รู้เขารู้เรา” ด้วยการเตรียมประท้วง เพียงเป้าหมายปกป้องผู้ต้องหารายใหญ่ของประเทศไม่ให้ถูกลากจูงมาทำลายภาพพรรคเพื่อไทย
จับอาการได้จากกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย แหกโค้งฝ่ายค้านเมื่อวานนี้( 16 มี.ค. ) ด้วยการอภิปรายนายสุเทพ กรณีเหตุการณ์จลาจล มีการเผารถเมลล์เมื่อปี 2552 ทันทีที่นายสุเทพ กล่าวถึงผู้บงการเหตุการณ์ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การประท้วงวุ่นวาย บรรดาองครักษ์พิทักษ์นายใหญ่ลุกขึ้น แก้ต่างแก้ตัวแทน ไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ แปดเปื้อนจากการถูกกล่าวหาครั้งนี้
นี่จึงพอจะทำให้เห็นว่า การอภิปรายที่จะมีขึ้นในวันนี้จะออกมารูปแบบใด
เพราะ นอกจากจะเห็นการจัดข้อมูลอย่างเป็นระบบจากฝ่ายรัฐ ที่มีมาจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) สมัยนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหมัดเด็ด โดยสืบสวนสอบสวนเหล่าแกนนำฮาร์ดคอร์ที่ยอมสารภาพถึงการกระทำการเผาเมือง อาทิ มือขวาเสธ.แดง คนที่เคยสยบยอมแกนนำ ผู้เข้าไปคลุกคลีหลังเวที ข้อมูลจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ที่มีทั้งภาพและเสียง การสัมภาษณ์พิเศษครบครัน อีกทั้งผลพวงของการออกประกาศพรก.ฉุกเฉิน เชิญบุคคลสำคัญทั้งนักการเมือง นายตำรวจ ทหารระดับสูง ซึ่งเป็นขั้วจำนนพ.ต.ท.ทักษิณมาให้ปากคำ ก็พอทำให้เห็นการต่อจิ๊กซอว์เบื้องหลังเผาเมือง
และจากการที่นายสุเทพ เปิดปากสัมภาษณ์ล่วงหน้าพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้บงการสร้างความรุนแรงให้บ้านเมือง ก็เป็นประเด็นหลักที่พรรคเพื่อไทยต้องจัดขุนพลองครักษ์ขึ้นประท้วงทันทีหากมีการเอ่ยชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมา และต้องการช่วยซื้อเวลาให้ จตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน และ แกนนำผู้ภักดีนายใหญ่ได้ตั้งสติ รวบรวมสมาธิยืนซดกับนายสุเทพ ได้อย่างตบะไม่แตกเหมือน ร.ต.ท.เชาวรินทร์ หรือส.ส.พรรครายอื่นที่เสียศูนย์จากเหตุการณ์วานนี้
เพราะอย่าลืมว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีคนเสื้อแดงทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัดมาหลายครั้ง ตั้งแต่คราวก่อนกรณีตัดต่อคลิปเหตุการณ์อ้างทหารยืนบนรางรถไฟฟ้ายิงประชาชนที่วัดปทุมวนาราม ทำให้ฝ่ายค้านจับต้นชนปลายหาเหตุอธิบายไม่ถูก หรือกรณีการตัดต่อคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ กล่าวหาว่าฆ่าประชาชน จนนายกฯดำเนินการฟ้องร้องผู้กระทำการปลุกระดมด้วยข้อมูลเป็นเท็จต่อศาลไปหลายราย หรือไล่ย้อนหลังต่อภาพคนเสื้อแดงทุบทำลายรถยนต์นายกฯที่กระทรวงมหาดไทย ก็เป็นที่พิสูจน์แล้วถึงการนำความเท็จมาบิดเบือน
เมื่อการอภิปรายครั้งนี้มีผลต่อการดิสเครดิตแต่ละฝ่ายให้หมดความน่าเชื่อถือประชาชน เพื่อนำไปสู่การสร้างคะแนนเสียงจากประชาชนเข้าสู่อำนาจรัฐ จึงต้องหาทางปิดรูโหว่ของตัวเองให้ได้
การชิงไหวชิงพริบ ฝ่ายใดจะอดทน ควบคุมอารมณ์ ชักพาผู้คนให้เห็นถึงเนื้อหาหักล้างได้ดีกว่า เพื่อหวังผลสร้างคะแนนสู่การเลือกตั้งจึงน่าสนใจนับจากนี้
โอกาสนี้ โพสต์ทูเดย์ออนไลน์จึงขอนำเสนอข้อมูล บทความ ที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ มานำเสนอ เป็นคู่มือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ ( 17 มี.ค. ) เพราะส่วนหนึ่งจากนี้จะเป็นข้อมูลในการถูกนำไปอภิปรายในครั้งนี้ด้วย
***********************
รายงานชิ้นแรก เป็นรายงานที่สื่อมวลชนที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้พบกับบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ในการทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลดิ์ เป็นการพบหลังควันไฟจางไปหนึ่งวัน รายงานชิ้นนี้มีการนำไปกล่าวอ้างในการอภิปรายมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2553 และข้อมูลเรื่องราวก็จะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้งในปี 2554
ไดฮาร์ดแห่งเซ็นทรัลเวิลด์ ไขปมสงสัยนักรบชุดดำเผาเมือง
โดย ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
ตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจสองวัน ประเด็น “กลุ่มนักรบชุดดำ” ที่เข้ามาสร้างสถานการณ์ลอบยิง เผา ทำลายบ้านเมือง ถูกหยิบขึ้นมากล่าวในมุมมองที่แตกต่างกันไป ฝ่ายค้านพยายามอ้างว่า เป็นกลุ่มของทหารบ้าง พยายามบอกปัดว่า คนเสื้อแดง ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ สู้ด้วยมือเปล่า ขณะที่ฟากรัฐบาลก็ยืนยันด้วยการนำภาพถ่าย หลักฐาน ว่าเป็นกลุ่มที่ฝึกฝนมาอย่างดีและเป็นขบวนการที่เคลื่อนไหวคู่ขนานไปพร้อมการชุมนุม
การอภิปรายเมื่อเช้าของวันที่ 1 มิ.ย. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ฉายภาพเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมอีกครั้ง โดยยอมรับว่าอุปสรรคสำคัญของการเข้าไปปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ คือ กลุ่มนักรบชุดดำ และช่วงท้ายการอภิปราย อภิสิทธิ์ ได้ตอกย้ำว่า นักรบชุดดำตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านพยายามเบี่ยงเบนประเด็นนั้น แท้ที่จริง มีประจักษ์พยานอยู่ในเหตุการณ์และเผชิญหน้ากับนักรบชุดดำมาแล้ว นายกฯย้ำเรื่องนี้สองวันติดต่อกัน
“ถ้าท่านอยากทราบ ได้มีหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ได้สัมภาษณ์หัวหน้ารปภ.ที่ได้เผชิญหน้ากับคนชุดดำ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เพื่อให้เห็นสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างนักรบชุดดำกับ รปภ.เซ็นทรัลเวิลด์ โพสต์ทูเดย์ขอนำเนื้อหา “ ฮีโร่ กลางดงปืน” มานำเสนออีกครั้ง เพราะตลอดของการอภิปรายพบว่ามีส.ส. ซี่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พยายามอภิปรายว่าเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่ฝีมือคนชุดดำ แต่เนื้อหาจากนี้ไป เป็นคำตอบในคลี่มปมความสงสัยระดับหนึ่ง
……….วันเกิดเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ทหาร ตำรวจ ไม่มีช่องเข้าไปควบคุมสถานการณ์ เพราะถูกกองกำลังติดอาวุธยิงสกัด ท่ามกล่างสถานการณ์คับขัน หัวหน้า รปภ. สวมวิญญาณ “ผู้กล้า”จำเป็น
เย็นของวันที่ 19 พ.ค. หลังแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศยอมสลายการชุมนุมแยกราชประสงค์และเข้ามอบตัว พื้นที่ราชประสงค์แหล่งช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ ดูไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบ ทั้งกระสุนปืน ประทัดยักษ์ ระเบิด ดังระงม เจ้าหน้าที่ทหาร ต้องหยุดยิง ปักหลักอยู่บริเวณแยกสารสิน เพราะเกรงว่า หากเดินหน้าบุกต่ออาจเจอการซุ่มยิง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อย ตรึงกำลังอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่อาจตัดสินใจทำอะไรได้ เพราะว่าผู้บังคับบัญชาไม่สั่งการ
ความพยายามปกป้องอาคารระฟ้า เท่าที่ทำได้ ณ ขณะนั้น จึงมีแต่ทีมรักษาความปลอดภัย หรือ การ์ดประจำห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แม้จะพยายามเข้าไประงับเพลิง แต่ฝ่ายนักรบชุดดำ ปาระเบิดใส่ตลอดเวลา ทำให้รปภ.รายหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา
ลานเซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งกลายเป็นลานสู้รบดำเนินต่อไป นักรบชุดดำรายหนึ่ง ถือปืนอาก้า บุกไล่ยิงอย่างบ้าระห่ำ หวังขัดขวางรปภ.ไม่ให้เข้ามายับยั้งการวางเพลิง ไม่เพียงเท่านั้น เสียงกระสุนปืนหวังเปิดทางเข้าไปภายในตัวอาคารเพื่อวางถังแกส ทำลายตึกให้เป็นจุณ และอาจจับผู้คนที่หลงเหลืออยู่ในนั้นเป็นตัวประกัน
นาทีจากนี้ เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าภาพยนต์เรื่อง”ไดฮาร์ด”หรือ”นรกระฟ้า” ที่มี “บรู๊ซ วิลลิส” รับบทพระเอกในเรื่อง ภายใต้ชื่อ จอห์น แมคเคลน ยอดตำรวจจากนิวยอร์ค ที่รับเคราะห์ติดอยู่ในอาคารระฟ้าแล้วเผชิญหน้าขบวนการก่อการร้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไพรวรรณ รุนนอก ชายวัย 45 ปี จากที่ราบสูงโคราช ไม่ได้คิดสวมวิญญาณ “บรู๊ซ วิลลิส” หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำโซนเซ็นทรัลเวิลดิ์ ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยอาคารและต้องอพยพผู้คนที่หลงเหลืออยู่ในอาคารอย่างสุดชีวิต
“เขาสวมชุดดำ ปิดหน้า โพกผ้าพันคอสัญลักษณ์เสื้อแดง มือถือปืนอาก้า พกระเบิด มีการยิงขู่และไล่ยิงใส่ผม” ไพรวรรณ เริ่มเล่านาทีเผชิญหน้าปฏิบัติการเผาเมือง ก่อนพาไปตระเวนดูจุดเกิดเหตุใต้ลานจอดรถของห้าง
“พวกเขาต้องการเข้าไปวางเพลิง มันเห็นพวกผมออกมาก็ใช้ปืนยิง ผมต้องวิ่งลงไปชั้นใต้ดิน มันวิ่งตามแล้วมีเสียงปืนดังขึ้น ผมต้องหลบตัวข้างผนังตึกติดกับทางลงบันได ถ้าโผล่ออกไปตอนนั้นโดนยิงหัวแน่ แต่ไม่ใช่เราหนีอย่างเดียวนะ รอเวลาเป็นของเราก็ขอเข้าชาร์จ”
ช่วงจังหวะนั้น ลานจอดรถมืดสลัว ทัศนวิสัยไม่เอื้อนักต่อการปฏิบัติการใดๆ ไพรวรรณต้องซ่อนตัว หายใจให้เบาที่สุด ตั้งสติรอจังหวะ ขณะที่นักรบดำผู้ย่ามใจวิ่งลงบันไดตามมา ปลายกระบอกปืนยื่นโผล่มุมเสา
นาทีนั้นหัวหน้า รปภ. ตัดสินใจว่า …ใครดีใครอยู่!!!
เทพีแห่งโชคเข้าข้างไพรวรรณ เขาชิงจังหวะก่อน สาวหมัดขวาตรงทิ่มใส่ใบหน้า พร้อมถีบยอดหน้าอกไปอีกหนึ่งดอก ส่งผลให้นักรบชุดดำเสียหลักเซถลา ปืนอาก้าหลุดมือ ไพรวรรณไม่รอช้าแย่งชิงปืนมาได้พร้อมเล็งไปที่นักรบชุดดำ คราวนี้นักรบนิรนามตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หมดทางสู้กระเสือกกระสนวิ่งหนีสุดชีวิต ก่อนกระโดดผลุบหายออกไปทางด้านข้างลานจอดรถ
“ผมตั้งสติ ประสบการณ์มีเยอะมาก ยังไงผมชาร์จอยู่แล้ว ชีวิตถึงชีวิตถ้าแย่งปืนไม่ได้ ชีวิตผมคงดับ”
ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 22 พ.ค.หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด รายงานว่า พบปืนอาก้า 47 จำนวน 1 กระบอก บริเวณชั้นใต้ดินอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ แต่หารู้ไม่เบื้องหลังการยึดปืนอาก้ากระบอกนี้ มาจากฝีมือหัวหน้า รปภ.ที่เข้าต่อสู้กับนักรบชุดดำ และหัวหน้ารปภ.รายนี้ ก็เป็นคนเดียวกับที่ผ่านนาทีมรณะในวันเดียวกัน จากการกวาดขยะหน้าอาคารเซ็นทรัลเวิลดิ์ฝั่งตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนมีเสียงระเบิดตูมสนั่น แรงระเบิดทำให้ร่างกายกระเด็น แต่ก็ปลอดภัยอีกครั้ง
หัวหน้า รปภ. ผู้ได้มีโอกาสประชิดตัวนักรบชุดดำมากที่สุด เดิมทำหน้าที่ดูแลการจราจร ตรวจตราพื้นที่รอบนอก และอาคารลานจอดรถใต้ดินบี 1 บี 2 มาได้ 1 ปีแล้ว มีลูกน้องอยู่ในความดูแล 40 คน ขณะที่ทีมงานกระจายไปตามโซนอื่น 200 กว่าคน ก่อนหน้านี้เคยเป็นอาสาสมัครหลายหน่วยงาน ทั้งลูกเสือชาวบ้าน อาสาสมัครป้องกันภายฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาพัฒนาและป้องกันตัวเอง (อปพ.) อ.สี่คิ้ว จ.นครราชสีมา ทำให้มีประสบการณ์ด้านการต่อสู้อยู่บ้าง
ทว่า หลังนักรบชุดดำเสียเหลี่ยมให้การ์ดหมัดสั่งรายนี้ ใช่ว่า ไพรวรรณ จะอยู่ในความปลอดภัย เพราะ ผ่านไปเพียง 20 นาที นักรบชุดดำรวบรวมแดงฮาร์ดคอร์ อีก 5-6 คน รุกเข้ามาบริเวณพื้นผิวฟุตบาทข้างลานกว้างเซ็นทรัลเวิลดิ์อีกครั้ง คราวนี้ นักรบชุดดำรายเดิม ชี้หน้าเขาด้วยอาการแค้นใจ จากนั้นสั่งลูกน้องระดมโยนระเบิดเข้าไปภายในลานจอดรถใต้ดิน หมายปลิดชีวิต
การปะทะภายในลานจอดรถใต้ดินเกิดขึ้นรอบสอง แต่คราวนี้ผู้กล้าต้องรักษาระยะห่าง
ไพรวรรณ บอกว่า มีการโยนระเบิดเข้ามาหลายลูก ควันโขมงทั่วลานจอดรถ สะเก็ดระเบิดตกไปโดนรถยนต์เสียหาย กระโปรงรถเป็นรูพรุน ถึงตอนนั้นจำเป็นต้องหลบข้างเสา มีลูกน้องรปภ. อีก 3 คน เข้ามาช่วย ตระโกนบอกว่า ให้หัวหน้าถอยก่อน สถานการณ์ไม่ปลอดภัย ในที่สุดพวกเราต้องถอยร่น ซึ่งก็เป็นจังหวะที่นักรบชุดดำรุกคืบเข้ามา ทุบกระจกรถยนต์เสียหายไปหลายคัน ก่อนค้นเอาทรัพย์สินในรถผู้บริหารไปด้วย
หลังจากนั้นมีความพยายามจากกลุ่มคนเสื้อแดง 50-60 คน ทุบกระจก และนำถังแก๊ส เข้าไปภายในอาคาร
ฝ่ายรปภ. ที่อยู่ในความควบคุมของไพรวรรณกว่า 40 ชีวิต ผลักดันอย่างเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากฝ่ายนั้นมีอาวุธปืน ระเบิด ทำให้ต้องระวังตัว ขณะเดียวกัน ยังมีอีกภารกิจด่วนต้องรีบลำเลียง แม่บ้าน คนงานที่ติดอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลดิ์ อีกกว่า 300 ชีวิต ออกไปตามเส้นทางเชื่อมต่อสยามพารากอน ทุกคนได้รับการคุ้มครอง ออกจากพื้นที่ด้วยความปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของกลุ่มนักรบชุดดำ
“เจ้านายบอกว่า ต้องช่วยกันผลักดัน คุ้มครองความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลดิ์ แต่ถ้าไม่ไหวให้ออกไปก่อน เจ้านายมาดูแล้วเห็นว่า รปภ.ไม่เพียงพอ กลุ่มผู้ชุมนุมเยอะ ต่อต้านไม่ไหว ถ้าต่อต้านแล้ว เอาไม่อยู่ก็ต้องเซฟชีวิต เจ้านายเคยย้ำอย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกับเขา ขนาดไม่ทะเลาะเบาะแว้งก็ทำถึงขนาดนี้”
“ฝ่ายอาคารเสียหายขนาดไหนซ่อมแซมได้ เอาชีวิตไว้ก่อน พวกผมเอาไม่อยู่จริงๆ”ไพรวรรณยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น
หัวหน้ารปภ. ที่ต้องกินนอนร่วมกับลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยตลอดช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงมาปักหลักชุมนุมร่วมสองเดือน บอกว่า “เสียใจมากที่คนไทยทำกันแบบนี้ มันไม่ใช่ต่างประเทศมาสู้กับเรา แต่นี่คนไทยต่อสู้กับคนไทยด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นปช. จะเอากันยังไงก็ไม่อยากให้คนไม่รู้เรื่องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย”
วันนี้ ไพรวรรณ และลูกน้องในชุดเครื่องแบบเชิ้ตขาวกางเกงดำ ออกมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์อย่างแข็งขันต่อไป แม้สภาพตึกต้องพังพินาศไปด้วยน้ำมือคนไทยเช่นเดียวกับเขา และหวังว่าอาชีพการรักษาความปลอดภัยต่อจากนี้คงไม่ต้องเผชิญความเลวร้ายอย่างที่เกิดขึ้นกับเซ็นทรัลเวิลด์อีก
***********************
รายงานชิ้นที่สอง นำเสนอเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 53 เป็นการขยายความจากรายงานชิ้นแรกหลังจากนายจตุพร ออกมาเปิดประเด็นอ้างว่า “มีทหารเผาเซ็นทรัลเวิลด์” ทั้งที่ ช่วงเวลานั้นนายจตุพรและแกนนำ มอบตัวไปแล้ว โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่เกิดอะไรขึ้นช่วงนั้น ได้แต่มารวบรวมข้อมูลในภายหลัง ที่มาจากส่วนไหนยังไม่เป็นที่ยืนยัน ซึ่งแตกต่างจากสื่อมวลชนซึ่งไม่ได้เข้ามอบตัวด้วย แต่ต้องติดตามดูเหตุการณ์หลังจากนั้น จนทำให้เห็นเหตุการณ์ต่างๆและรวบรวมมานำเสนอข้อเท็จจริง
ขอบคุณ “ตู่”แฉข้อ(เท็จ) จริงไม่หมด เบื้องหลังควันไฟเซ็นทรัลเวิลด์
โดย….ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
นับเป็นภาพซีรีย์ล่าสุด หลังเหตุการณ์กระชับพื้นที่กลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ยุติลง โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ได้มีการเผยแพร่ภาพผ่านทางอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับเหตุการณ์พฤติกรรมกลุ่มคนที่อยู่บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จนต่อมาเกิดเพลิงไหม้ สภาพภายในอาคารถูกขโมยข้าวของมีค่า สร้างความเสียหายย่อยยับ
น่าสนใจ มีความพยายามส่งผ่านสื่อมวลชน ด้วยการเขียนข้อความอ้างว่า เป็นภาพเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เวิลด์ แถมระบุว่าถ่ายได้ก่อนและหลังเกิดเหตุไฟไหม้ ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มน้ำหนักเข้าไปอีกว่า คนส่วนใหญ่ที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ต่างตั้งคำถามถึงที่มาของภาพและ บุคคลที่อยู่ในภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ออกมาชี้แจง และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งทำการตรวจสอบหาบุคคลในภาพมาเป็นพยาน เพื่อทำความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง
“โดยเฉพาะภาพที่เจ้าหน้าที่ทหารและชายชุดดำถือวิทยุสื่อสารสีแดงยืนปะปน กันภายในห้าง และศพผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามภาพชุดดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบหรือยืนยันจากหน่วยงานใด แต่ได้รับการส่งต่อกันอย่างแพร่หลายในเว็บเครือข่ายทางสังคม เช่น facebook.com” เหล่านี้คือเนื้อหาคำขยายความจากสื่อบางแห่งผ่านเว็ปไซต์
ถึงกระนั้น ข้อเรียกร้องให้ทางศอฉ.ตรวจสอบนั้น ปรากฎว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ.ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไร เพราะเป็นภาพเก่าที่เผยแพร่ผ่านเว็ปไซต์หลายครั้งแล้ว และได้ชี้แจงไปหมดแล้วถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทำอะไร อยู่ตรงไหนบ้าง ดังนั้น ประเด็นการขอคำชี้แจงจากศอฉ.จึงจบไป
แม้ว่า ศอฉ.จะไม่ชี้แจงรายละเอียด แต่สิ่งที่ต้องค้นหาความจริงกันต่อ คือว่า ภาพที่ปรากฎแปลความหมายตามที่สื่อบางสำนักพยายามเหลือเกินด้วยการโพสต์ข้อ ความว่า “นี่คือการปราบปรามประชาชน” หรือไม่
เพราะการให้น้ำหนักเช่นนี้ ดูจะสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ศาลอาญาได้ปราณียกคำร้องคัดค้านประกันตัวจากดีเอสไอไม่ต้องเข้าคุก ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ ว่าจะนำภาพออกมาแฉความจริง ว่า ทหาร ตำรวจ ทำอะไร บ้าง ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งปรากฎว่า มีการเผยแพร่ภาพผ่านเว็บไซต์ในวันที่ 6 ธ.ค. หลังวันเฉลิมพระชนมพรรษาเพียงวันเดียว อีกทั้งเป็นวันที่ แกนนำเสื้อแดงจัดทอล์กโชว์ วอนนอนคุก และยังเป็นวันเดียวกับนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาให้ข่าวกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แจงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยจาก เหตุการณ์กระชับพื้นที่คนเสื้อแดง
ทุกความเคลื่อนไหวเป็นขบวนการวางแผนรับไม้ส่งไม้ชิงพื้นที่สื่ออย่างลงตัว
กล่าว ณ บรรทัดนี้ ยังไม่ขอพูดถึงใครจะทอล็กโชว์วอนนอนคุกสมใจ หรือพ.ต.ท.ทักษิณจะไปอเมริกาจริงหรือไม่ ขอหยิบยกเฉพาะภาพที่อ้างว่าทหารปราบปรามประชาชนนำมาเผยแพร่ ดูจะไม่ต่างกับกรณีที่ จตุพร เคยโฆษณามีข้อมูลพฤติกรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและต่อมาก็มีการเผยแพร่คลิปวี ดีโอเป็นฉากๆ ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งต่อมาก็รวบรัดตัดตอนกล่าวหาถึงความไม่เหมาะสม โดยหาได้ค้นหารายละเอียดแห่งความจริง ซึ่งเป็นสไตล์ถนัดที่บุคคลใดยากจะลอกเลียนแบบ
เช่นเดียวกับการปล่อยภาพเหล่านี้ออกมาและพิพากษานี่คือการปราบปราม ประชาชน เป็นความจริงตามสไตล์จตุพรและสื่อที่ให้น้ำหนัก เป็นความจริงแบบง่ายๆเข้าถึงความรู้สึกดีแท้
แต่น่าเสียดายความจริงในความหมายของจตุพรเป็นความจริงที่พูดไม่ หมด เพราะมันมีความจริงมากกว่านั้น เป็นความจริงผ่านสายตาสื่อหลายร้อยคู่ปักหลักบริเวณนั้น เฝ้ามองพฤติกรรมแห่งความพินาศ
ดังนั้น ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่พยายามบิดเรื่องราวจากขาวเป็นดำหรือดำเป็น ขาว ตามสุภาษิตโบราณท่านว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด”
หยิบยกตัวอย่าง – ภาพชายชุดดำ และกลุ่มชายฉกรรจ์ใส่เสื้อเชิ้ตขาว กางเกงขายาวสีดำมีขลิบสีพาดผ่านตะเข็บกางเกง ยืนจับกลุ่มกัน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง สำหรับการนำเสนอภาพทางเว็บไซต์ ไม่มีการค้นหาความจริงกันต่อ แต่กลับตัดตอนลงความเห็นเรียบร้อยว่ามีส่วนเข้าไปเผาเซ็นทรัลเวิลด์ (จากการริเริ่มของคำพูดคนหนึ่งส่งผ่านปากต่อปากหลังวันจตุพรแถลงข่าวคัดค้าน ถอนประกัน) ทั้งที่ข้อเท็จจริง คนเหล่านี้คือ ทีมรักษาความปลอดภัยของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และตั้งแถวอยู่บริเวณอาคารชั้นใต้ดินลานจอดรถ หากใครสงสัยสามารถไปเที่ยวเซ็นทรัลเวิลด์ตอนนี้ได้ก็จะเห็นรปภ.ในชุดฟอร์ม เช่นนี้
ข้อมูลตอกย้ำ- ก่อนหน้านี้โพสต์ทูเดย์ เป็นสื่อฉบับเดียวได้ไปสัมผัสภาพความเสียหายใต้ลานจอดรถ ที่มีนักรบชุดดำบุกเข้าไปวางเพลิง สาดกระสุนปืนถล่มรถยนต์เสียหาย โดยมีคำบอกเล่านาทีชีวิตของไพรวรรณ รุนนอก หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำโซนเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งต้องรับบทเป็นไดฮาร์ดเฉพาะกิจ ( เรื่องจากปกวันอาทิตย์ พ.ค. 2553 ) ดูจะสอดคล้องกับภาพที่ออกมาตีแผ่ในครั้งนี้
ทั้งการช่วยลำเลียงผู้ติดค้างในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์กว่า 300 ชีวิต ออกไปทางด้านหลังเชื่อมต่อสยามพารากอน ผ่านไปทางวังสระปทุม อย่างทุลักทุเล ก็มีภาพเหล่านี้ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ครั้งนี้ แต่หาได้มีคำอธิบายอะไรมากไปกว่า “ทหาร ปราบปรามประชาชน”
ภาพที่ปรากฎมีกลุ่มทหารติดริบบิ้นสีชมพู บ่งบอกถึงชุดปฏิบัติการชัดเจน เข้าไปอยู่ภายในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ก็มีการโน้มน้าวให้เข้าใจว่า “มีทหารอยู่ในเหตุการณ์วางเพลิง” แต่นั่นคือความจริงในมุมมองของคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะความจริงแท้ มันเป็นช่วงที่จตุพร มอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว การวางเพลิงสงบลง การเข้าเคลียร์พื้นที่ของทหารเข้าสู่เวทีกลางแยกราชประสงค์ มีคณะสื่อมวลชนนับร้อยเดินตามทหารเข้าไปดูซากปรักหักพังที่ทิ้งไว้
ความจริงนี้ มิได้ถูกนำมากล่าวนอกจากตัดตอนว่า ทหารมีส่วนวางเพลิง
หรือจะเป็นภาพผู้เสียชีวิตในเซ็นทรัลเวิลด์ก็ถูกตีตราจากผู้ไม่ได้อยู่ใน เหตุการณ์เรียบร้อยว่า ทหารฆ่าประชาชน โดยรายละเอียดมากกว่านี้ ไม่มีการค้นหากันต่อ
แต่สำหรับผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงคือ คณะสื่อมวลชน และมูลนิธิกู้ภัย ที่ได้เข้าไปในพื้นที่หลังเพลิงสงบพบผู้เสียชีวิตจากเหตุสำลักควัน โดยมีร่องรอยทุบร้านเข้าไปขโมยของ ซึ่งสื่อทุกแขนงพบและทราบข่าวตรงกัน
“ความจริงตรงนี้ จตุพร พูดหรือไม่ หรือบอกเพียงว่า ทหารฆ่าประชาชน”
ภาพความจริงยังไม่หมดเพียงเท่านี้ – ยังมีอีกหลายภาพที่อยู่ในเมมโมรี่การ์ดช่างภาพหลายแขนงในวันนั้น เช่น วันวางเพลิง ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงโยนระเบิดเพลิงใส่สกายวอล์คเชื่อมต่อกับอาคารเซ็นทรัล เวิลด์ ภาพของการนำกระดาษ เศษขยะมาก่อวางเพลิง พร้อม โยนระเบิดขวด นำถังแก๊ซ โยนเข้าใส่ให้เกิดไฟลุกไหม้ บริเวณฐานรากอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยที่มีชุดรปภ.ของอาคารซึ่งใส่เสื้อขาวกางเกงดำ ตามที่จตุพรฟันธงไปแล้วว่า เป็นทหาร- ตำรวจ ทั้งที่ข้อเท็จจริงพวกเขาได้ออกมาขัดขวางแต่ไม่อาจต้านทานกลุ่มคนเสื้อแดง เหล่านี้ได้
ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนซึ่งอยู่หลังรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องหาที่หลบกำบัง ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้นอกจากยื่นกล้องผ่านรั้วกดชัตเตอร์บันทึกภาพ พฤติกรรมเผาบ้านเผาเมือง และภาวนาอย่าได้เกิดเพลิงไหม้ สกายวอร์ค เซ็นทรัลเวิลด์เลย คณะสื่อก็ได้มองหน้ากันเลิกลั่ก
ในใจขณะนั้นได้แต่บอกว่า คนเหล่านี้จะลดโทสะ โมหะ ได้หรือยัง และเมื่อไหร่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนเรียงกระดานอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเข้าไประงับเหตุสักที
นี่คือภาพความจริงที่จตุพร ควรจะมาขอภาพจากสื่อมวลชนไปติดนิทรรศการด้วย และขยายผลบอกกล่าวประชาชน ให้เห็นตัวอย่างพฤติกรรมเหล่านี้มันเลวร้ายขนาดไหน
มีการกล่าวกันว่า บางคนอาจเก่งในเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว หรือมีกมลสันดานพลิกพลิ้วเรื่องราวต่างๆอย่างเคยตัว เพราะคิดว่าตัวเองและบริวารจะได้ประโยชน์ แต่สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฎหนทางแห่งทุกข์ก็มาเยือน ยิ่งในยุคโลกาภวัฒน์ มีมากกว่าหนึ่งคู่สายตา ที่พร้อมจะตรวจสอบหาความจริง
ถึงกระนั้น ต้องขอขอบคุณ จตุพร รวมไปถึง ขบวนการเผยแพร่ภาพ ซึ่งไม่ต่างกับ คลิปตัดต่อเสียงกล่าวหานายกฯสังหารประชาชน คลิปพฤติกรรมศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ได้ค้นหาข้อเท็จจริง จะได้บอกเล่าถึงความเลวร้ายของเหล่าบรรดานักปลุกระดมสร้างความอัปยศ เพื่อจะได้ตาสว่างกันทั้งแผ่นดิน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1344 ครั้ง