นายพนิชยังได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องขังร่วมกับนายวีระโดยเฉพาะวันที่นายวีระถูกไต่สวนข้อหาจารกรรมว่า นายวีระได้ยืนยันกับตนที่จะไม่ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ทำให้ผู้พิพากษาไม่พอใจ โดยบอกว่ากลับ มาเจอกันอีก 1 ปีถ้าจะสู้คดี
ส่วนปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา นายพนิชระบุว่า เมื่อยังไม่ปรากฏว่ามีการพิสูจน์ทางเทคนิคของที่ตั้งที่แท้จริง การกำหนดการปักปันเขตแดน ปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นรัฐบาลสองประเทศจะต้องปฏิบัติต่อกันตามและตาม MOU2543 และหลักของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ( good neighbourliness ) และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ( Peaceful coexistence ) ซึ่งเป็นหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 5 ประการ ( Five Principles of Peaceful Coexistence )
คือ (1) สองฝ่ายจะต้องเคารพในบูรณภาพและอำนาจอธิปไตยแห่งเขตแดนซึ่งกันและกัน ( mutual respect for territorial integrity and sovereignty ) ( 2 ) การไม่รุกรานซึ่งกันและกัน ( non – aggressive ) ( 3 ) ไม่ก้าวก่ายกิจการภายในซึ่งกันและกัน ( non – interference in internal affairs ) ( 4 ) มีผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ( equality and mutual advantage ) และ ( 5 ) การอยู่ร่วมกันเองอย่างสันติสุข ( Peaceful coexistence itself )
“ให้พวกเรา 7 คนเป็นนักโทษกลุ่มสุดท้ายที่ต้องติดคุกเพราะปัญหาความขัดแย้งในเรื่องพรหมแดน ช่วยกันทำวิกฤติครั้งนี้เป็นโอกาส มอบสันติภาพและอนาคตเพื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลาน” นายพนิชระบุในพ็อคเก็ตบุ๊ค
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1120 ครั้ง