เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาสันติธรรมและถูกยกให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “สร้างปัญญาเพื่อสรรค์สร้างสังคม” ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ว่า วันนี้บ้านเมืองเราวุ่นวาย เกิดวิกฤติจากหลายอย่าง หากใครรักที่จะทำงานทางการเมือง จะต้องมีความรักประชาชน รักประชาธิปไตย และทำสิ่งเหล่านี้เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่ดีแต่พูด
“นักบริหารที่ดีต้องแก้วิกฤติด้วยเหตุผล ความมีสติ และการควบคุมอารมณ์ โดยผู้นำที่ดีต้องไม่แสดงออกซึ่งความกลัว แม้จะมีความกลัวก็ตาม แต่ต้องสร้างขวัญและกำลังใจ ยกตัวอย่างกรณีพระเจ้าตาก ที่บอกทหารว่าจะเข้าตีเมืองจันทบุรีให้ทุบหม้อข้าว ทำให้ทหารถามว่าทำไม พระเจ้าตากก็บอกว่าจะเข้าโจมตีเมืองจันทบุรี หากตีไม่ได้ก็อดตายหรือไม่ก็ตายในสนามรบ นี่คือกลยุทธ์ของการสร้างขวัญและกำลังใจ”
ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวว่า วันนี้เราจะต้องคุมสติ ไม่เครียดในทุกเรื่อง เพราะในอนาคตสถานการณ์ที่เราคาดไม่ถึงอาจเกิดขึ้นได้ตลอด ดังนั้นเราจะต้องเตรียมความพร้อมด้วยการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา ซึ่งการที่จะสร้างปัญญาให้เกิดขึ้นได้ประกอบด้วยบันได 3 ขั้น คือ 1.การมีความรู้ การเรียนรู้กระบวนการสร้างเหตุผลให้ครบวงจร 2.การใช้ความรู้ให้เป็นระบบ และ 3.การควบคุมอารมณ์ไม่ให้อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งผู้ที่มีปัญญาจะมีบุคลิกหลายประการ แต่มีอยู่ 2 ข้อหลักๆ คือ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่ง วางตนข่มท่าน และเป็นคนเห็นใจผู้อื่น พยายามเข้าใจผู้อื่น ไม่ใช่เห็นแก่ได้ ให้ผู้อื่นเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
“วันนี้ประเทศไทยต้องการผู้นำที่เสียสละ ไม่ใช่ผู้นำที่ตักตวงกอบโกยผลประโยชน์ เสียสละให้ประเทศชาติ ต้องพูดและทำในสิ่งเดียวกัน ไม่ใช่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่ใช่มือถือสากปากถือศีล พูดอย่างทำอย่าง ประเทศเรากำลังขาดผู้นำแบบนี้ ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วและยิ่งใหญ่ ผู้นำต้องยึดหลักการทำงาน 3 เรื่อง โดยจะเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนมาก่อน ตามมาคือครอบครัว และสุดท้ายคือตัวเอง แต่ประเทศไทยทุกคนก็รู้อยู่ว่าเอาใครมาก่อน“ อดีตรองนายกฯ กล่าว และว่า ประเทศไทยยังจะต้องเจออะไรอีกมาก จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันแก้ปัญหาด้วยปัญญา เพราะในอนาคตเชื่อว่าประเทศไทยจะเจอวิกฤติมากกว่านี้
ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรมว.มหาดไทยและอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงที่ผ่านมาถึงจะไม่ได้ทำงานการเมือง แต่ยังทำด้านวิชาการ งานวิจัย และให้คำปรึกษากับคนการเมือง ซึ่งตนและคนรู้จักมักคุ้นได้นั่งคุยกัน เห็นว่าประเทศน่าจะมีทางเลือกใหม่ ซึ่งหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาลงไปสัมผัสกับประชาชน เห็นกระแสชัดเจนบางคนบอกว่าจะไม่เลือกใคร จะกาโนโหวต เราก็กลับมานั่งคุยกันวงเล็กๆ ว่าหากคนกลุ่มหนึ่งยอมเสียสละเข้ามาเป็นทางเลือก ไม่ใช่ซ้ายหรือขวา ก็อยู่ที่ประชาชนจะพิจารณา ไม่เลือกก็ไม่มีปัญหาเรื่องก็จบเร็ว จบง่าย ถ้าเลือกเราก็เรื่องยาว ได้คุยกันมาหลายรอบมีนายนพดล อินนา คนสนิทของผม เป็นผู้ประสาน ที่ผ่านมามีหลายพรรคติดต่อผมเยอะ ทั้งพรรคขนาดเล็ก ขนาดกลาง แต่งานการเมืองสิ่งสำคัญคือต้องมีอุดมการณ์คล้ายกัน
ตอนเข้าร่วมตั้งพรรคไทยรักไทยก็เป็นอุบัติเหตุ เดิมนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาชวนสร้างมหาวิทยาลัยชินวัตร แต่ทำไปทำมามีการตั้งพรรคไทยรักไทย ก็เข้าไปช่วย สถานการณ์ตอนนี้คล้ายตอนนั้น มีคนถามว่าถ้าเลือกตั้งตอนนี้พร้อมหรือไม่ ตนก็ตอบเหมือนสมัยตั้งพรรคไทยรักไทยใหม่ๆว่า พร้อมเท่าที่พร้อม ส่วนเรื่องพรรคประชาสันติ อยากให้นายเสรี สุวรรณภานนท์ รักษาการหัวหน้าพรรคดำเนินการไป เพราะใจจริงอยากอยู่ช่วยหลังฉาก ดีเสียอีกไม่ต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน เพราะเป็นภาระงานหลังฉากดีที่สุด
มีเสียงวิจารณ์เรื่องความกล้าหาญและความเสียสละของร.ต.อ.ปุระชัย เพราะในช่วงที่บ้านเมืองวิกฤตฺร.ต.อ.ปุระชัย ไม่เคยออกมาแสดงออกถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการเมือง แต่กลับเก็บตัวเงียบ เวบไซด์คม ชุด ลึก ได้เขียนบทวิเคราะห์ ระบุว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ จะมีพรรคเกิดใหม่คือ พรรคมาตุภูมิ กับพรรคประชาสันติ ที่พรรคหนึ่งเหมือนพรรคทหารกับพรรคหนึ่งเหมือนพรรคตำรวจ ลงแข่งด้วยก็ยิ่งทำให้ความคึกคักเพิ่มขึ้นอีก
พรรคมาตุภูมิ มีการก่อตัวจัดตั้งอย่างเป็นรูปเป็นร่างและมีการเดินเกมการเมืองอย่างเป็นระบบ โดยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรค ก่อนหน้าที่จะตั้งพรรคมาตุภูมิขึ้นมา พล.อ.สนธิ ได้แสดงให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของตัวเองว่าจะเล่นการเมืองอย่างชัดเจน ด้วยการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยรามคำแหง และสถาบันพระปกเกล้าในหลักสูตรที่นักการเมืองควรรู้เป็นการเพิ่มพูนในสิ่งที่ตัวเองอาจจะยังไม่รู้, ต่างจากพรรคประชาสันติ ที่เพิ่งจะตกเป็นข่าวอย่างกะทันหัน จนถูกตั้งข้อสงสัยว่า “ตั้งขึ้นมาทำไม” นายเสรี สุวรรณภานนท์ ผู้ที่ออกมาขับเคลื่อนทั้งการตั้งพรรค และการให้ข่าวจะยืนยันว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น “ทางเลือกที่สาม” สำหรับคนที่เบื่อพรรคเก่าๆ แต่คำตอบนั้นก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อได้เลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยสมัยไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ผู้ที่ถูก นายเสรี สุวรรณภานนท์ นำมา “ชู” ให้ประชาชนเห็นว่าจะเป็น หัวหน้าพรรคประชาสันติ ก็มิได้แสดงอาการกระตือรือร้นให้เห็น และที่ผ่านมา ร.ต.อ.ปุระชัย ก็มักปฏิเสธทุกครั้งที่มีคนชวนให้เล่นการเมือง ดังนั้นหากในเวลาต่อมา ร.ต.อ.ปุระชัย จะยอมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาสันติจริง ก็ไม่อยากสรุปว่า ร.ต.อ.ปุระชัย กำลังจะถูกนำมาเชิดในทางการเมือง เพียงแต่ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเพื่อทำงานการเมืองระหว่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน กับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์…ว่าใคร ? ควรน่าเชื่อมากกว่ากันเท่านั้น!
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1490 ครั้ง