วันที่ 27มี.ค.สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ โดยที่นครศรีธรรมราช นายแพทย์ กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.รพ.ท่าศาลา เปิดเผยว่า รพ.ท่าศาลาถูกน้ำท่วมสูงที่สุดนับแต่ก่อตั้งสร้างมาแล้วเป็นเวลา 30 ปี ต้องหยุดบริการผู้ป่วย 100 เปอร์เซ็น น้ำท่วมใน รพ.สูงมาก บางจุดสูงถึง 2 เมตร ต้องอพยพผู้ป่วยออกทั้งหมด โดยไปยัง รพ.สิชล รพ.ค่ายวชิราวุธ รพ.มหาราช และ รพ.เอกชนใกล้เคียง น้ำได้ทะลักเข้ามาอย่างเร็วและมีปริมาณมาก เดิมเคยท่วมแค่ถนนในรพ.รอบนี้ท่วมสูงเข้าไปในหอผู้ป่วย ห้องต่างๆทำให้เครื่องมือแพทย์ เครื่องปั่นไฟ เครื่องมืออุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้เนื่องจากบางจุดน้ำสูงมากเข้าไปไม่ได้ แต่ดูในเบื้องต้นแล้วนับสิบล้านบาท
น้ำท่วมยังมีผลกระทบกับสวนสมเด็จพระศรีนคริน 84 หรือทุ่งท่าลาด ภายในยังมีสวนสัตว์เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ถูกน้ำเข้าท่วมอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อสัตว์หลายชนิดรวมทั้งจระเข้ที่ถูกน้ำท่วมจนพ้นแนวกรงป้องกัน หลุดออกมาภายนอก แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
น.พ.นพราชย์ อินทองคำ นายสัตว์แพทย์เทศบาลนครนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าให้การช่วยเหลือสัตว์ได้แล้วจำนวนมากไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ แต่มีผลกระทบบ้างในส่วนของสัตว์เล็กที่น้ำท่วมสูงจนมิดหลังคากรงเช่นนกที่มีตายไปส่วนหนึ่ง
“ส่วนจระเข้นั้นหลุดออกมาจากกรงควบคุมในสวนสัตว์แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ เนื่องจากมีกรง 2 ชั้นจระเข้ยังติดอยู่ในกรงชั้นนอกเจ้าหน้าที่กำลังติดตามอยู่ภายในบริเวณไม่ออกมาส่งผลกระทบกับชาวบ้านรอบสวนสาธารณะอย่างแน่นอน ” น.สพ.นพราชย์กล่าว
ได้มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำอีก 1 รายในวันนี้ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ท.สมพร สุวรรณ พนักงานสอบสวนเวร สภ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพถูกกระแสน้ำพัดติดอยู่กับรั้วลวดหนามริมแม่น้ำตาปี ช่วง ม.7 ต.เขาพระ อ.พิปูน จึงเข้าทำการตรวจสอบพบศพทราบชื่อคือนายทรงชัย ดำด้วง อายุ 68 ปี อยู่ ม.12 ต.เขาพระ อ.พิปูน สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 ชม.
เบื้องต้นทราบว่าเมื่อวานนี้นายทรงชัยขับรถจักรยานยนต์ จฉ-580 นครศรี บอกภรรยาว่าจะไปดูสภาพน้ำ จากนั้นได้หายตัวไปต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ดังกล่าวถูกน้ำซัดติดอยู่กับสะพาน สันนิษฐานว่า วานนี้นายทรงชัยพยายามขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวฝ่ากระแสน้ำที่กำลังไหลบ่าเชี่ยวกรากพ้นสะพาน จึงถูกกระแสน้ำซัดหายไปจนกระทั่งพบศพในวันนี้โดยห่างจากสะพานหลายร้อยเมตร จากนั้นจึงมอบให้ญาติไปดำเนินการต่อไป
สุราษฎร์ธานีประกาศ11อ.พื้นที่ภัยพิบัติ
สถานการณ์น้ำท่วมขังที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกตลอดทั้งคืน ทั้งเขต อ.เมือง และอำเภอใกล้เคียง โดยเขต อ.เมืองถนนหลายสายการจราจรติดขัดรถเ , ล็กไม่สามารถผ่านได้ อาทิ ถนนสายเลี่ยงเมือง บางจุดมีน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว ระดับน้ำสูงประมาณ 30-40 ซม.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดเส้นทางบางช่วงเลี่ยงไปใช้ทางอื่นแทน
ส่วนพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมหนักสุดอีกอำเภอหนึ่ง โดยหลายพื้นที่น้ำยังท่วมสูงเช่นกัน โดยเฉพาะถนนสายสุราษฎร์ธานี – นครศรีธรรมราช ติดพื้นที่ ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ หน้าโรงพยาบาลกาณจนดิษฐ์ ความยาวประมาณ 1 กม ซึ่งบรรดาหมอเดินทางเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ ต้องอาศัยรถบรรเทาและสาธารณภัย เทศบาลตำบลกาญจนดิษฐ์ เข้าทำงานในโรงพยาบาล เนื่องจากมีระดับน้ำท่วมสูง รถเล็กผ่านไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงขณะนี้ก็ไม่สามารถเปิดเส้นทางได้ ทำให้เส้นทางสายสุราษฎร์-นครศรีฯเป็นอัมพาตบางจุด
ส่วนที่หน้าโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์มีน้ำท่วมขังเช่นกัน โดยที่ระดับน้ำสูงประมาณ 20 ซม.ยังไม่ไหลเข้าตัวอาคารของโรงพยาบาล โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายกั้นน้ำไว้ชั่วคราว
นอกจากนั้นมีรายงานพื้นที่อีกหลายแห่งระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง เพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนทำให้น้ำสูงขึ้น ขณะที่ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีประกาศพื้นที่เป็นเขตภัยพิบัติแล้ว 11 อำเภอ คือ เมือง , กาญจนดิษฐ์ , บ้านนาสาร , บ้านนาเดิม , ท่าฉาง , ไชยา , เกาะสมุย,พุนพิน ,วิภาวดี,คีรีรัฐนิคม เกาะพะงัน ส่วนพื้นที่อื่น ๆ มีน้ำท่วมขังเช่นกันแต่ยังไม่รุนแรงมากนัก
ส่วนความช่วยเหลือตอนนี้ทางจังหวัดได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องการอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายออก ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ด้านนายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้ประกาศเขตภัยพิบัติไปแล้ว 11 อำเภอ โดยที่ห่วงมากที่สุดคือ ดอนสัก ,บ้านนาเดิม ,พุนพิน เพราะเป็นแหล่งรองรับน้ำจากคลองฉวาง จ.นครศรีธรรมราชที่มีปริมาณฝนมากกว่า จ.สุราษฎร์ธานี และได้รับความเดือดร้อนมากกว่า โดยตอนนี้นับว่าโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
นายธีระยุทธ กล่าวอีกว่าสำหรับการช่วยเหลือยังเน้นเรื่องความปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก โดยอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งได้เตรียมพร้อมเรือและรถจากจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานีและทหารพัฒนาจากหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 46 กองบัญชาการทหารสูงสุด ช่วยเหลือชาวบ้านหากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่วนปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือยังไม่เพียงพอเพราะต้องนำอุปกรณ์บางส่วนไปช่วยเหลือจังหวัดใกล้เคียงคือ จ.นครศรีธรรมราชที่เดือดร้อนกว่า เนื่องจาก จ.สุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 ต้องรับผิดชอบหลายจังหวัด
ส่วนผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าล่าสุดในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ มีสะพานขาดหลายแห่ง โดยเฉพาะที่สะพาน กงชัง ม.7 ต.ป่าร่อน ถูกน้ำซัดทำให้สะพานขาดทั้ง 2 ด้าน ยาวด้านประมาณ 20 เมตร ทำให้ชาวบ้านที่ต้องอาศัยสะพานดังกล่าวประมาณ 250 ครัวเรือน เดือดร้อนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีแนวโน้มดินจะทรุดตัวลงมาเรื่อย ๆ โดยชาวบ้านช่วยกันลากไม้มาวางทอดกับถนน เพื่อให้ชาวบ้านที่มีความจำเป็นต้องใช้เส้นทางเร่งด่วนข้ามจากนั้นทำบันไดทอดลงใต้สะพานแล้วเดินผ่านท่อน้ำประปาไปอีกฝั่งหนึ่ง แต่สามารถใช้การได้เพียงไม่เกิน 2ชั่วโมง ต่อมาดินยุบตัวลงอีกทำให้สะพานขาดเพิ่มเติมข้ามไม่ได้
ชุมพรส่งเรือท้องแบนลำเลียงนักท่องเที่ยว
พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร นำกำลังตำรวจไป ปิดกั้นเส้นทางหลวง สาย4006 จาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ไปยัง จ.ระนอง หลังจากได้รับแจ้งว่า ในเส้นทางหลักสายดังกล่าว ที่ จุด กม.ที่ 54 หมู่ที่ 9 บ้านในหงาว ต.หาดยาย อ.หลังสวน จ.ชุมพร น้ำป่าได้ไหลทะลักท่วมสะพานข้ามคลองหงาว ระดับน้ำสูง 3 เมตร สูงจนท่วมป้ายบอกชื่อคลอง ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้
ส่งผลให้รถบรรทุก รถของนักท่องเที่ยว ติดอยู่บนเส้นทางดังกล่าว จำนวน 50 คน อีกทั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา ไม่สามารถหาอาหารรับประทานได้ พ.ต.อ.ภคพล จึงประสานเพื่อขความช่วยอย่างเร่งด่วนเนื่องจากต้องใช้เรือท้องแบน เข้าไปลำเลียง นักท่องเที่ยวจำนวนดังกล่าว มาอยู่ในฝั่งที่เป็นเมืองเพื่อหาอาหารรับประทาน
ส่วนที่บ้านเลขที่ 93 หมู่ที่ 11 ต.บ้านควน อ.หลังสวน ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเซีย41 ริมคลองกก ซึ่งกำลังจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ นางลำดวน สุดใจ อายุ 64 ปี ได้ถูกน้ำป่าทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้โลงศพลอยไปตามน้ำ ญาติพี่น้องและชาวบ้านต้องช่วยกันไล่จับโลงศพอย่างทุลักทุเล รวมกันการเตรียมอาหารและขนย้ายสิ่งของกันอย่างโกลาหล
ส่วนที่ หมู่ที่ 16 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร นายเสรี คงอยู่ ปลัดอาวุโส อ.หลังสวน รับแจ้งมีเหตุดินถล่มทับบ้านเรือนชาวบ้าน ส่วนที่ บ้านแหลมปาย หมู่ที่ 7 ต.หาดยาย อ.หลังสวน มีชาวบ้านจำนวน 4-5 คน หนีน้ำป่าจนถูกน้ำพัดทะลักตกลงไปในแม่น้ำหลังสวนร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่ ทราบชะตากรรม ในขณะถนนสายหลัก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ไปยัง จ.สุราษฏร์ธานี น้ำป่าได้ไหลทะลักท่วมเส้นทางดังกล่าวขาดไม่สามารถใช้การได้
ส่วนที่ อ.ละแม ถนนหลายสายในพื้นที่ อาทิ สาย ละแม ไปยัง เขาชะมด ในพื้นที่ภูเขาสูง ถูกน้ำป่าไหลหลากตัดขาดหลายจุด ทำให้ชาวบ้าน 1,000 คน ที่อาศัยบนภูเขาชะมด ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ส่วนฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง
นายกอบจ.พัทลุงเผยน้ำท่วมรอบที่6พืชเกษตรจม
นายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี นายก อบจ.พัทลุง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมอันเนื่องมาจากภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันส่งผลให้ภาพรวมทั้งพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงประสบกับอุทกภัยแทบทุกจุด และที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือว่าเป็นเหตุน้ำท่วมหนักกว่าปลายปี2553ที่ผ่านมา ทำให้ทาง อบจ.พัทลุงต้องระดมสรรพกำลังคน และเครื่องจักรออกให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั่วทั้งจังหวัดเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
โดยเฉพาะขณะนี้ในพื้นที่ซึ่งติดกับถนนสายเอเชีย อันประกอบไปด้วยพื้นที่ตำบลโคกม่วง นาโหนด ท่าแค ท่ามิหรำ เขาเจียก ปรางหมู่ พนมวัง และป่าพะยอม กำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ น้ำป่าจากเทืกเขาบรรทัด ซึ่งหากมีฝนตกหนักกระหน่ำลงมาอาจจะทำให้น้ำป่าไหลบ่าข้ามถนนสายหลักดังกล่าวเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรจนเสียหายอย่างหนักได้
นายสานันท์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้นอกจากสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินและบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนทั้วทั้งจังหวัดแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตทางเกษตรอย่างย่อยยับอีกด้วย เนื่องจากช่วงนี้เกษตรกรในพื้นที่ทั้งหมดได้ลงมือปลูกพืชไร่ เพราะโดยปกติช่วงหนี้จะเป็นหน้าแล้งและทุกๆปีชาวบ้านจะหว่านเมล็ดพันธุ์ หรือลงมือปลูกพืชไร่ แต่ต้องมาเผชิญปัญหาน้ำท่วมชนิดไม่คาดคิดมาก่อนทำให้ผลผลิตที่เตรียมเก็บเกี่ยวหลายชนิดเช่นแตงโม พริก ได้รับความเสียหายทั้งหมดแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
นายก อบจ.พัทลุง กล่าวต่อว่าในปี2553 พื้นที่พัทลุงประสบปัญหาอุกทกภัยซ้ำถึง5รอบ ความเสียหายในครั้งนั้นมีมูลค่า1.2หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกยาง เพราะปลายปีก่อนชาวบ้านประสบปัญหาวาตภัยส่งผลให้สวนยางโค่นล้มเสียหายหลายร้อยไร่ ซึ่งในครั้งนี้พื้นที่ทางเกษตรก็ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กันเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าความสูญเสียนับสิบล้านบาท
“น้ำท่วมเที่ยวนี้หนักกว่า5ครั้งในช่วงปลายปี2553ที่ผ่านมา เนื่องจากระดับน้ำมีความสูงกว่าครั้งก่อนถึง10เซนติเมตร ดังนั้นต้องมาวิเคราะห์หาทางแก้ไขปัญหาระยะยาวเพื่อช่วยเหลือชาวพัทลุงหลังจากน้ำลดว่าเหตุใดที่ช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนจากปลายปีที่แล้วมาถึงขณะนี้ชาวพัทลุงต้องประสบอุทกภัยมากถึง6ครั้งแล้ว”นายสานันท์ กล่าว
ผวจ.พัทลุงห่วง4อ.เมือง-ควนขนุน- เขาชัยสน-บางแก้ว
นายพิสิษฐ บุญช่วง ผวจ.พัทลุง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมของจังหวัดพัทลุงได้ประกาศเป็นพื้นที่พิบัติภัยน้ำท่วมทั้งหมด 8 อำเภอ โดยล่าสุดฝนได้หยุดตกแล้วทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงจากทือกเขาบรรทัดที่ทะลักเข้าท่วมในเขตพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อำเภอกงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ตะโหมด อ.ศรีบรรพต ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงเขาน้ำได้เริ่มลดระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นพื้นที่น้ำท่วมที่ยังต้องจับตาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอีก 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง, ควนขนุน, เขาชัยสน และบางแก้ว ซึ่งสวนใหญ่เป็นพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างที่ติดกับทะเลสาบสงขลา
เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ราบลุ่มที่รองรับน้ำที่ไหลจากเทือกเขาบรรทัด โดยเฉพาะใน ต.พญาขัน ต.ปรางหมู่ ต.ชัยบุรี ต.นาโหนด อ.เมือง, ต.ปันแต ต.แหลมโตนด ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ต.หานโพธิ์ ต.เขาชัยสน ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน และ ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว ระดับน้ำท่วมสูง ประมาณ 1-2 เมตร ทำให้หลายหมู่บ้านต้องใช้เรือในการสัญจร แทนการใช้รถ ซึ่งล่าสุดได้เข้าไปแจกจ่ายเครื่องอุปโภคและบริโภคแก่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว พร้อมกับระดมเจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลโดยเร็ว
“เนื่องจากพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างเป็นที่ราบลุ่ม ประกอบกับเป็นทางน้ำที่รองรับน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ตอนบนทำให้น้ำระบายออกสู่ทะเลได้ล่าช้า ส่งผลให้ทั้ง 4 อำเภออาจต้องทนรับภาวะน้ำท่วมนานกว่าพื้นที่ตอนบน ประกอบกับปริมาณน้ำในคลองธรรมชาติในพื้นที่ลุ่มน้ำอย่างน้อย 5 ลุ่มน้ำ เชน ลุ่มน้ำป่าพะยอม, ลุ่มน้ำคลองท่าแนะ, ลุ่มน้ำคลองนาท่อม, ลุ่มน้ำคลองสะพานหยี และลุ่มน้ำคลองป่าบอน มีปริมาณน้ำเพิ่มระดับอย่างต่อเนื่องจึงอาจต้องใช้เวลาระบายน้ำนานประมาณ2-3 วันกว่าจะกลับสู่ปกติ”นายพิสิษฐ กล่าว
ผวจ.พัทลุง กล่าวอีกว่า สำหรับความเสียหายนั้นขณะนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนประมาณ 45 ตำบล 390 หมู่บ้าน หรือประมาณ 40,000 ครัวเรือน ในส่วนของพื้นที่นาข้าว พืชผัก เสียหายกว่า 10,000 ไร่ และสวนยางพารา สวนปาล์มจมน้ำ กว่า 100,000 ไร่
เกษตรจังหวัดพัทลุงเผยน้ำท่วมส่งผลนาข้าวเกือบ30,000ไร่
นายวสันต์ กู้เกียรติกูล เกษตรจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ล่าสุดหลังจากที่มีการสำรวจพื้นที่ทางการเกษตรในจังหวัดพัทลุง ในส่วนการได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยนั้น พบว่าในพื้นที่ที่อยู่ริมทะเลสาบสงขลา ได้แก่ อ.เมือง อ.ควนขนุน อ.เขาชัยสน และ อ.บางแก้ว มีพื้นที่นาข้าวจำนวน 27 , 000 ไร่ จมใต้น้ำได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ยังพบในส่วนของพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะพืชสวน ผัก และผลไม้อีกจำนวนกว่า 10 , 000 ไร่ ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้มีการแจ้งให้เกษตรกรช่วยเหลือตัวเองในส่วนของการระบายน้ำออกจากพื้นที่เกษตร และมีการประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอในส่วนของเครื่องจักรกลมาบรรเทาเร่งระบายน้ำอีกช่องทางหนึ่ง
“ปัญหาน้ำท่วมในระยะนี้นับว่าเกิดซ้ำซากและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ติดกับทะเลสาบสงขลา และมีเกษตรกรหลายรายที่นับว่าโชคดี โดยเฉพาะชาวนาที่ทำนาปีส่วนใหญ่มีการเก็บเกี่ยวข้าวไปก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงบางพื้นที่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ทำนาปรังซึ่งเป็นการทำนานอกฤดูกาลที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเก็บเกี่ยว อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังมีหลายพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ส่วนนี้เองจะได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจและหาช่องทางแก้ไขให้เร็วที่สุด ” นายวสันต์ กล่าว
เส้นทางระนอง-ภูเก็ตถูกตัดขาด
เมื่อเวลา 03.30 น. ได้เกิดน้ำป่าทะลักบริเวณพื้นที่ บ้านบางหิน ต.บางหิน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ในเบื้องต้นส่งผลให้สะพานทางเบี่ยงในเส้นทางสายเพชรเกษมเส้นทางระนอง-ภูเก็ตซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานใหม่ ถูกกระแสน้ำเซาะขาดช่วง บ้านบางหิน ต.บางหิน อ.กะเปอร์ ส่งผลให้การจราจรผ่านเส้นทางระนอง-ภูเก็ตไม่สามารถผ่านไปมาได้ ซึ่งทางชาวบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ได้เร่งซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน ส่วนความเสียหายต่อทรัพย์สินอื่นๆ ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย
นายชาสันต์ คงเรือง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ระนองยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และตกหนักมากตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเป็นห่วงสถานการณ์เป็นอย่างมากว่าหากฝนยังคงตกหนักเช่นนี้ต่อไปคงจะทำให้เกิดสภาวะน้ำป่าไหลหลาก ดินเลื่อนไหลอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเต็มที่แล้ว
“หากฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป เสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก หรือน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่ได้ เนื่องจากขณะนี้พบว่าระดับน้ำในลำคลองหลายสายเริ่มมีระดับที่สูงขึ้น ทาง ปภ.ระนอง จึงประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวมถึงผู้นำชุมชน , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ดำเนินการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยในเขตพื้นที่ 28 ตำบล 84 หมู่บ้าน รวมถึงเตรียมความพร้อมอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่รับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน” นายชาสันต์ กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1418 ครั้ง