นครศรีธรรมราชอ่วม! เร่งอพยพชาวบ้านพื้นที่เสี่ยง อ.ลานสกา ดินสไลด์ปิดถนน ทำรถสัญจรไม่ได้ หน้าวัดพระบรมธาตุ เสาไฟฟ้าล้มขวางถนน ด้านสาววัย 20 พัทลุงขับรถ ตกน้ำท่วมลึก 2 เมตร ดับอนาถ
ร.ต.อ.วุธ วรรณะ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.พัทลุง รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งตกน้ำมีผู้เสียชีวิตที่ถนนเอเชียฝั่งขาขึ้น ท้องที่หมู่ 4 ต.ปรางหมู่ อ.เมือง จ.พัทลุง จึงเดินทางไปสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลพัทลุง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพัทลุงการกุศลมูลนิธิ ในที่เกิดเหตุหนองน้ำริมถนนเอเชียที่มีน้ำกำลังท่วมสูงประมาณ 2 เมตร พบรถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออสสีบรอน หมายเลขทะเบียน กร 4484 สงขลา ตกลงไปจมอยู่ในน้ำ ท้ายรถโผล่จากน้ำประมาณ 30 ซม.หน่วยกู้ภัยใช้รถยกจำนวน 2 คัน ช่วยกันลากรถขึ้นจากน้ำมาได้ ภายในรถพบศพ นางสาวณัฐณิช ฐิติพรวณิช อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 9 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถออกจากบ้านไปช่วยเพื่อนทำงานดูแลสวนอาหารจันผา ที่ถนนหลังเขา เขตเทศบาลเมืองพัทลุง หลังจากฝนตกหนักและปิดร้านแล้ว ก็ขับรถยนต์เก๋งออกจากสวนอาหารจันผา เพื่อเดินทางกลับบ้าน ถึงที่เกิดเหตุรถเสียหลักลงข้างทางไปชนกับศาลาริมทาง จนด้านหน้ารถพังยับเยิน ก่อนที่รถจะพุ่งตกลงไปในน้ำ เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าวและ แพทย์ได้นำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลพัทลุงอีกครั้ง ก่อนที่จะมอบศพให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ที่นครศรีธรรมราช จากภาวะฝนตกหนักตลอด 5 วัน ทำให้ให้พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมสูงบางแห่งระดับน้ำลึกถึง 3 เมตร ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมาฝนยังคงตกหนักและลมกรรโชกแรง และมีต้นไม้หักโค่น ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาที่เขาธง ถนนสายลานสกา-ช้างกลาง ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช เกิดดินสไลด์ลงมาทับถนน ส่งผลให้รถทุกชนิดไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ ส่วนที่ ต.ทุ่งใส อ.สิชล น้ำท่วมถนนสายนคร-สุราษฎร์ ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ทั้งรถใหญ่รถเล็กไม่สามารถเดินทางผ่านจุดดังกล่าวได้เช่นกัน รวมทั้งที่ถนนริมทะเลสายปากพนัง-หัวไทร ต.ขนาบนาค น้ำทะเลหนุนขึ้นมาครึ่งเลน ทำให้รถราผ่านไปมาลำบาก
ส่วนที่ ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช ชาวบ้านได้อพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากมีคลื่นลมแรง สูงประมาณ 2-3 เมตร ลมกรรโชกแรง นอกจากนั้นที่วัดหน้าพระบรมธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง นครศรีธรรมราช มีต้นไม้ใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้เสาไฟล้มขวางถนน การจราจรติดขัดอย่างรุนแรง ขณะที่ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ ม.4 และ ม.6 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช และพื้นที่ อ.สิชล มีน้ำท่วมสูงในหมู่บ้านต่างๆ และมีกำลัง ตชด.42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช จัดชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยนำเรือท้องแบน ร่วมกับองค์กรฝ่ายปกครอง และผู้ใหญ่บ้านเข้าช่วยเหลือนำสิ่งของบริโภคไปแจกจ่ายให้ประชาชนและทำการอพยพให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
นายฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ในฐานะนักประวัติศาสตร์ผู้ศึกษาประวัติอันยาวนานของอาณาจักรศรีวิชัยและเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องหลายวันส่งผลให้เกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงสำคัญในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนที่สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้เฉลี่ยประมาณ 200-250 มิลลิเมตรต่อวัน กลายเป็นปรากฎการณ์ที่สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับชาวปักษ์ใต้อย่างมากเพราะในประวัติศาสตร์ในพื้นที่ภาคใต้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนมาก่อน
ทั้งนี้ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่มีการบันทึกกรณีฝนตกหนักมากถึงขนาดทำให้เกิดน้ำท่วมขยายวงกว้างไปเกือบทั้งจังหวัดมาก่อน แม้ว่าเมื่อปี 2538 จะเกิดฝนตกหนักในช่วงมี.ค. แต่ไม่ได้รุนแรงมากนักอาจจะทำให้น้ำท่วมเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเท่านั้น เมื่อเทียบกับอุทกภัยครั้งนี้ซึ่งแตกต่างกันมาก
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือพบว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็นปรากฎการณ์ที่แตกต่างไปจากวงรอบของปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่มีการจดสถิติการคำนวนวงจรการเกิดน้ำท่วมเอาไว้ โดยน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช จะเกิดทุกๆ 13 ปีต่อครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ภัยพิบัติอำเภอกระทูนปี 2531 ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ที่คนจังหวัดนครศรีธรรมราช บันทึกไว้ในความทรงจำไม่มีวันลืมก็เป็นหนึ่งในวงรอบ 13 ปีเช่นกัน
“ภาวะฝนตกหนักจนเกิดอุทกภัยรุนแรงของเมืองนครฯเท่าที่มีการจดสถิติจะพบว่าเกิดขึ้นทุก13 ปีต่อ 1ครั้ง เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2492 เป็นต้นมา ไล่เรียงมาถึงปี 2505 ,2518, 2531,2544 และจะเกิดขึ้นอีกรอบในปี 2557 แต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดถือว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่อยู่นอกวงจร หรือนอกกระแส จนทำให้หลายฝ่ายต้องเร่งวิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นว่าเป็นผลพวงจากวงรอบที่มาก่อนกำหนดจะเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณเตือนอะไรหรือไม่นายฉัตรชัยกล่าว
นายมะนิตย์ จันทรัตน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลพะนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุดินสไลด์จากควนสูงหล่นทับกุฎิพระสงฆ์ ได้รับความเสียหายที่ วัดสวนธรรมเจดีย์ หรือ วัดควนสูง ม. 3 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพนางตุง พบว่าดินจากควนสูงหลังกุฏิได้สไลด์ลงมาทับกุฏิพระสงฆ์ภายในวัดพังเสียเกือบทั้งหลัง แต่โชคดีที่ไม่มีพระเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังพบดินและต้นไม้ใหญ่ ไหลลงมาทับปิดเส้นทางขึ้นไปยังอุโบสถ ที่เป็นที่ตั้งพระรูปเหมือนหลวงปูทวดอีกด้วย
“ขณะนี้ไม่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ได้อย่างละเอียด เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืนและในพื้นที่ยังมีฝนตกหนักเพื่อความปลอดภัย จึงได้กำหนดเขตห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้ที่จุดที่เกิดเหตุ หวั่นดินจะสไลด์ลงมาอีก เบื้องต้นได้ประสานไปทางอำเภอควนขนุน เพื่อให้เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียดต่อไป”นาย มะนิตย์ กล่าว
พระหล่อย กะตะสโร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดธรรมเจดีย์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงฝนตกหนัก และพระสงฆ์กำลังทำวัตรอยู่อีกกุฏิหนึ่ง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 20 เมตร ต่อมาก็ได้เกิดเสียงดังสนั่น การไหลของดิน จึงออกมาดูก็พบว่าดินและต้นไม้ไหลลงมาทับกุฎิพระดังกล่าว แต่โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายในกุฎิดังกล่าว จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ด้านศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้รับรายงานจาก อ.ศรีนครินทร์ว่า ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักบริเวณเทือกเขาบรรทัดและน้ำป่าได้ไหลผ่านถนนเพชรเกษมช่วงพัทลุง-ตรัง ที่บ้านคลองหมวยและบ้านต้นไทร ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม. รถเล็กที่วิ่งจากจังหวัดพัทลุงเพื่อเดินทางไปจังหวัดตรัง ต้องจอดรถรออยู่ริมถนนเป็นทางยาว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีนครินทร์ ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เดินทางไปจังหวัดตรัง จอดรถรออยู่บนถนน เนื่องจากไม่สามารถผ่านไปได้ นอกจากจะมีน้ำท่วมถนนเพชรเกษมฝั่งจังหวัดพัทลุงแล้ว บนถนนในจังหวัดตรัง ก็มีน้ำท่วมที่ อ.นาโยง ระดับน้ำสูงจนไม่สามารถผ่านไปได้
นอกจากนี ยังรายงานอีกว่า พื้นที่จังหวัดพัทลุงยังมีน้ำท่วมสูง 11 อำเภอ 63 ตำบล 563 หมู่บ้าน 43 ชุมชน ประชาชนเดือดร้อน 41783 ครอบครัว 163134 คน พื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย 40754 ไร่ สัตว์เลี้ยงตายและสูญหายจำนวน 280231 ตัว บ่อเลี้ยงปลาจมน้ำ 950 บ่อ และโรงเรียนเสียหายจำนวน 11 แห่ง ส่วนอื่นๆอยู่ระหว่างสำรวจ และในทุกพื้นที่ก็ยังมีน้ำท่วมสูงโดยเฉพาะพื้นที่ริมทะเลสาบนั้น
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1956 ครั้ง