วันที่ 1 เมษายน เป็นวันครบรอบวันเกิด 78 ปี ของนายเสนาะ หัวหน้าพรรคประชาราช โดยนายเสนะสัมภาษณ์ว่า วันนี้คณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางมาที่บ้านตนเพื่ออวยพรวันเกิดล่วงหน้า และมาขอร้องให้เข้ามาช่วยกันทำงาน ซึ่งการตัดสินใจของตนจะเป็นการเปลี่ยนโฉมการเมืองอีกครั้ง จากที่เคยร่วมสร้างพรรคไทยรักไทยมากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยขณะนั้นตนลาออกจากพรรคความหวังใหม่ ใช้ฤกษ์วันที่ 1 เมษายน 2543 มาจับมือกันร่วมตั้งพรรคไทยรักไทย และทำให้พรรคได้ ส.ส.เป็นร้อยคน มาถึงตอนนี้อยากให้บรรยากาศเมื่อวันที่ 1 เมษายน กลับมาอีกครั้ง ตนจะทิ้งลูกทิ้งหลานได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าเราก็คิดหนัก เพราะเป็นผู้ใหญ่ เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ จะขับเคลื่อนอย่างไรต้องมีเหตุผล ซึ่งเหตุผลของตนก็มีเยอะ โดยเฉพาะจะปล่อยให้บ้านเมืองตกต่ำอย่างนี้ไม่ได้ ทนเห็นประเทศพังไปกับตาไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าวันที่ 1 เมษายน 2554 ถือเป็นฤกษ์ดีเช่นกัน นายเสนาะกล่าวว่า เขาลิขิตมาอย่างนี้ ที่ผ่านมาสื่อมวลชนก็บอกเองว่าตนเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่สร้างนายกรัฐมนตรีมาหลายคนแล้ว แต่หากจะสร้างนายกรัฐมนตรีอีกคนในสมัยหน้านั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน และถ้าขึ้นมาแล้วตนก็จะไม่ปล่อยให้ล้มเหมือนที่ผ่านมาอีก ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะไม่รับตำแหน่งอะไร แต่ถ้าจะรับก็เป็นไปเพื่อบ้านเมือง เพราะอายุมากแล้ว อาจอยู่เบื้องหลังเพื่อคอยช่วยกำกับดูแล
“ต้องไม่ลืมคำโบราณที่ว่า ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้ชั่วอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจผิดพลาดไปบ้าง พรรคประชาราชมี ส.ส.อยู่ 8 คน แต่อย่าไปพูดจำนวนคนเลย กี่คนก็ไม่สำคัญ สำคัญที่นายเสนาะ เทียนทอง มีเซอร์ไพรส์แน่นอน วันที่ 1 เมษายนนี้” นายเสนาะกล่าว
ลูกเสนะรับซบเพื่อไทย
นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทราบว่ามีการทาบทามนายเสนาะจริง และเป็นไปได้มากที่พรรคประชาราชจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นอยากให้รอฟังนายเสนาะ เป็นคนพูดเองในวันครบรอบวันเกิด 78 ปีที่บ้านพักอัลไพน์ ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคประชาราชไปรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้นต้องให้ผู้ใหญ่คุยกัน เพราะตรงนี้เป็นรายละเอียดของข้อกฎหมาย
ด้านว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ เปิดเผยว่า วันนี้คณะส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปอวยพรวันเกิดให้กับนายเสนาะเนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ทั้งนี้ในวันที่ 1 เม.ย.ที่สนามกอล์ฟอัลไพน์จะมีการจัดงานวันเกิดของนายเสนาะ ซึ่งจะมีการเปิดตัวนายเสนาะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการด้วย รวมทั้งพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินด้วย ดังนั้นเราจะมีการทำพิธีต้อนรับนายเสนาะ เพราะการได้นายเสนาะเข้ามาร่วมงานนั้นเปรียบเหมือนกับการเปิดทางให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย โดยเบื้องต้นนั้น นายเสนาะ พล.ต.อ.ประชา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยนั้น จะลงสมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ตนทราบว่ายังมีความพยายามเชิญกลุ่มของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และกลุ่ม 3 พี ของพรรคเพื่อแผ่นดินเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
“ชูวิทย์”ปูด”เสนาะ”นั่งหน.เพื่อไทย
นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 1 เมษายน นายเสนาะจะจัดงานคล้ายวันเกิดครบรอบ 78 ปี ที่บ้านพักสนามกอล์ฟอัลไพน์ ในช่วงเย็น โดยจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะผู้ใหญ่ของพรรค นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะวิดีโอลิงก์มาพูดคุยกับนายเสนาะ เพื่อเชิญชวนเข้าพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการด้วย อย่างไรก็ตาม นายเสนาะเคยย้ายออกจากพรรคความหวังใหม่มาอยู่พรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2543 พร้อมด้วยลูกหลานสมาชิกกลุ่มวังน้ำเย็นจำนวน 79 คน จนถึงวันนี้ก็ 11 ปีแล้ว แม้ช่วงที่ผ่านมานายเสนาะอาจมีปัญหาจนต้องแยกทางกัน เปรียบเสมือนสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาคือนายเสนาะยอมเดินออก แต่ก็ต้องทิ้งให้ลูกหลานอยู่กับพ่อ คือ พ.ต.ท.ทักษิณเพียงลำพัง แต่เมื่อแม่ยินดีกลับมาคืนดีกับพ่อลูกก็จะเกิดความอบอุ่น ซึ่งนายเสนาะก็อาจจะมานำทัพกู้บ้านกู้บ้านเมือง โดยอาจมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่เป็นนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการเปิดตัวนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พร้อมทั้ง ส.ส.ของพรรคประชาราช และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยด้วย
สุวัจน์ชี้การเมืองเหมือนหวยล็อก
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา กล่าวถึงแนวทางของพรรครวมชาติพัฒนาในการเลือกตั้งครั้งหน้า หลังมีข่าวจับมือกับกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม 3 พีจากพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งแล้ว นายกฯส่งสัญญาณมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องเตรียมพร้อม สำหรับพรรครวมชาติพัฒนาก็มีการเปิดตัวผู้สมัคร ซึ่งพรรคการเมืองเล็กๆ ก็คงต้องอาศัยความเป็นพรรคการเมืองท้องถิ่นนิยม ไม่เช่นนั้นคงสู้กระแสพรรคการเมืองใหญ่ไม่ได้
นายสุวัจน์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คงมีการย้ายพรรคเป็นปกติ และอาจจะย้ายมากกว่าเดิม เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองมีสูง และเราก็ยังมีการเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งด้วย จึงเหมือนกับการเริ่มต้นกันใหม่ ดังนั้นการวิเคราะห์การเมืองวันนี้ว่าพรรคใดชนะ พรรคใดแพ้ ตนว่ามันยังไม่ชัดเจน จนกว่า กกต.จะมีการกำหนดเขตเลือกตั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องช่วยกันรักษาบรรยากาศไปสู่การเลือกตั้ง และยอมรับผลเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่ยอมรับก็ไม่จบอีก
เมื่อถามว่าทำอย่างไรจะไม่ให้ประชาชนมองว่านักการเมืองก็ยังคงเล่นการเมืองแบบเดิมๆ อยู่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ถ้าจะมองว่าการเมืองเหมือนหวยล็อก ก็เหมือนเดิม เพราะมันไม่มีตัวแปรใหม่ๆ ไม่มีทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ประชาชน เพราะมันไม่มีสินค้าตัวใหม่ให้เลือก
“ดูแล้ววันนี้ก็ยังไม่เห็นเลยว่าจะมีพรรคการเมืองอะไรใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกิดผลของการเปลี่ยนแปลงหรือเป็นทางเลือกมากๆ ให้ประชาชนได้คิดมากๆ ได้เลือกมากๆ เพราะนักการเมืองที่เป็นบุคคลที่อย่ในรุ่นที่ 2 ของการเมืองที่มีประสบการณ์ แต่เขาถูกล็อกด้วยการอยู่บ้านเลขที่ 111 ซึ่งคนเหล่านี้เป็น ส.ส.4-5 สมัย เป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน แต่เขาไม่สามารถจะมาสร้างทางเลือกให้แก่ประชาชน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องรออีกปีหนึ่ง ดังนั้นก็ต้องยอมรับสภาพการเมืองที่ต้องเดินไปแบบนี้ วันนี้สมมติว่าคนบ้านเลขที่ 111 จะมีอิสรภาพ ผมว่าการเมืองเปลี่ยน ขั้วการเมืองเปลี่ยน โครงสร้างทางการเมืองเปลี่ยน โอกาสของประชาชนในการเลือกพรรคการเมืองต่างๆ เปลี่ยน เพราะจะมีหน้าใหม่ๆ มีนโยบายใหม่ๆ มีคนที่พร้อมจะเป็นผู้นำทางการเมืองที่จะเสนอตัวให้สังคมเลือกได้อีกเยอะ ส่วนพรรคประชาสันตินั้นก็เป็นอีกสินค้าหนึ่ง แต่จริงๆ ควรจะมีมากกว่านี้” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์กล่าวด้วยว่า ที่พูดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเรียกร้องอยากคนในบ้านเลขที่ 111 กลับมา เพราะถึงอย่างไรก็เหลืออีกเพียงปีเดียว เพียงแต่วิเคราะห์ให้ฟังว่า ทำไมการเมืองบ้านเรามันวนเวียนอยู่อย่างนี้ ก็เพราะว่าส่วนหนึ่งเรามีขีดจำกัดในเรื่องของตัวบุคลากรทางการเมือง ดังนั้นก็ต้องรอปีหน้า พฤษภาคม 2555 สมมติคนบ้านเลขที่ 111 ออกจากบ้าน คิดว่าตัวจริงเขาก็อยากลงสนาม ตอนนั้นการเมืองก็คงสนุกอีกครั้งหนึ่งในปีหน้า
เมื่อถามว่ามองกระแสเรียกร้องให้ “โนโหวต” อย่างไร นายสุวัจน์กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ ทุกคนก็มีสิทธิจะรณรงค์ให้โหวต หรือไม่โหวต เป็นเรื่องปกติ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน กระแสอะไรจะปลุกขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานและที่มา ที่ไป ก็แล้วแต่ประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้ง
ด้านนาย สุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีชื่อของแกนนำคนเสื้อแดง 10 กว่าคน ที่จะได้ลงส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นเพียงรายชื่อผู้ที่แสดงเจตจำนงที่จะขอลงส.ส. แต่ยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย เพราะเขตเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน จึงยังไม่แน่นอนว่าจะมีส.ส.เขตคนใดที่ต้องถูกดันขึ้นไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ ส่วนโอกาสที่แกนนำคนเสื้อแดงจะได้เป็นส.ส.นั้น ก็อาจมีบางส่วนที่มีบทบาทมีความสามารถดี ก็อาจถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ผู้ใหญ่และกรรมการบริหารพรรคจะได้พิจารณาอีกครั้ง
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สำหรับรายชื่อที่แกนำนคนเสื้อแดงที่ถูกเปิดเผยมานั้น มีเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสได้เป็นส.ส.แน่นอน เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางอุดมรัตนน์ อาภรรัตน์ ซึ่งเป็นโควต้าของพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ แกนนำคนเสื้อแดง ส่วนส.ส.เขตที่จะได้ลง เช่น นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ นายวรชัย เหมะ ที่อาจได้ลงส.ส.สมุทรปราการ แต่ต้องรอผลโพลก่อน เนื่องจากนายประชาช ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ คัดค้านเพราะต้องการให้คนของตัวเองได้ลงสมัคร จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ จะได้ลงส.ส.สุรินทร์
อย่างไรก็ตาม แกนนำและผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกันถึงการที่จะมีแกนนำคนเสื้อ แดงมาลงส.ส. โดยเห็นว่าแม้คนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทย จะมีแนวทางที่ตรงกัน แต่ไม่ควรรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับ ที่แกนนำเสื้อแดงอาจต้องไปเบียดบังสมาชิกพรรคคนอื่น ในหลักการควรเป็นการแยกกันระหว่างการเมืองในระบบ กับการเมืองภาคประชาชน แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าในทางปฏิบัตินั้นเป็นไปได้ยาก
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1289 ครั้ง