วันเกิด 78 ปี เสนาะ คึก นักการเมืองเพื่อไทยแน่นบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินอวยพรวันเกิด “ป๋าเหนาะ” อ้อนร่วมงานเพื่อไทย มั่นใจพรรคชนะเลือกตั้งท่วมท้น
วันที่ 1 เมษายน ในงานวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 78 ของนาเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช มีนักการเมือง ทยอยมาร่วมอวยพรอย่างคับคั่งโดยเฉพาะในส่วนของ พรรคเพื่อไทย อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรมว.แรงงาน เป็นต้น
ส่วนนักการเมืองคนอื่น ๆ อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล คณะกรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ทำกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน
ทั้งนี้ในระหว่างการอวยพร นายมิ่งขวัญ ได้ขอให้นายเสนาะมีอายุถึง 120 ปี และอยู่เป็นมิ่งขวัญให้กับลูกหลาน ซึ่งนายเสนาะ ตอบกลับว่า “ ขอบคุณว่าที่นายกรัฐมนตรี หากคิดอะไรก็ขอให้สำเร็จแต่ต้องเป็นแนวทางเดียวกับที่ประชาชนต้องการ ”
จากนั้นในเวลา17.50 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาร่วมอวยพรพร้อมช่อกุหลาบสีแดง พร้อมกล่าวว่า ด้วยรักและผูกพัน นายเสนาะเปรียบเทียบได้ว่า เป็นผู้สร้างนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ทางด้านนายเสนาะ ตอบว่า พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่อน้องพี่ พล.อ.ชวลิต ตอบกลับว่า ภูมิใจที่ได้เคียงข้างท่านถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นทั้งสองได้สวมกอดกันอย่างชื่นมื่น และพูดแซวกันเองว่า “2 คนอายุรวมกันเกือบ 200 ปี”
ด้านพล.อ.ธรรมรักษ์ ได้เข้าอวยพร ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งนายเสนาะ ได้ตอบกลับว่า “สิ่งที่น้องให้พรคงไม่พ้นมือน้อง เรา 2 คนต้องทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อไม่ให้บ้านเมืองตกต่ำไปกว่านี้ ที่สำคัญน้องจะปฎิเสธไม่ได้ในการร่วมกันช่วยบ้านเมืองให้สำเร็จอย่าให้เสียของตอนแก่ เราต้องมาช่วยกัน”
นายสุพล เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นภาพการเมืองที่ชัดเจน ที่พรรคเพื่อไทยจะมีหัวหน้าพรรคกับนายกรัฐมนตรีเป็นคนละคนกัน การเมืองวันนี้ต้องมีแคนดิเดตที่ชัดเจน พรรคเพื่อไทยจะลงสนามเลือกตั้ง ต้องมีหัวได้แล้ว ภาพการหารือกันของคน 3 คน คือนายเสนาะ พล.อ.ชวลิต และนายมิ่งขวัญ ทำให้เห็นว่า ต่อไปพรรคจะไม่มีคำว่า “ไม่มีหัว”หรือ “ผีหัวขาด” นายมิ่งขวัญก็แต่งตัวพร้อมแล้วอาจจะมีคนไม่ชอบบ้าง 5-10 คนก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แต่สุดท้ายทุกอย่างจะต้องลงตัว เรามีหัวคนเดียวแน่นอนไม่มี 2 หัว ดูอย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สู้กับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แต่สุดท้ายก็จบได้พรรคเราก็ต้องเป็นอย่างนั้นเช่นกัน
ต่อข้อถามที่ว่า จะเปิดตัวนายมิ่งขวัญ อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ นายสุพล กล่าวว่า อีกไม่นาน ตอนนี้ทุกอย่างตกผลึกแล้ว ถ้าไม่ตกผลึกก็จะไม่มีการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสนาะ ได้ร่วมพูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต นายมิ่งขวัญ นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา โดยใช้เวลา 20 นาที
นายเสนาะ กล่าวว่า บ้านเมืองถ้ามีงูเห่าก็ฉิบหาย บ้านเมืองไหนหากมีผู้นำที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแล้วลงพื้นที่ไม่ได้ก็ไม่มีเหลือ ส่วนปรองดองกันควรลืมความหลังให้หมด เดินไปข้างหน้า ซึ่งตนกับพล.อ.ชวลิต ได้คุยกันแล้วว่า จะละวางตัวเองแต่จะไม่ละวางความรับผิดชอบ บ้านเมืองตกต่ำทำอะไรก็ต้องคงไว้เพื่อชาติอยากให้บรรยากาศบ้านเมืองเหมือนวันเกิดตน 1 เม.ย. 43 ที่ใครได้ขึ้นเวทีแล้วได้ยกมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วบอกว่า คนนี้คือนายกคนต่อไป
นายเสนาะยอมรับว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางมาหาและขอร้องให้เข้ามาช่วยกันทำงาน ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนโฉมการเมืองอีกครั้ง จากที่ได้เคยร่วมสร้างพรรคไทยรักไทยมากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นลาออกจากพรรคความหวังใหม่ก็ใช้ฤกษ์วันที่ 1 เม.ย.2543 ทำให้พรรคได้ ส.ส.เป็นร้อยคน มาถึงตอนนี้ก็อยากให้บรรยากาศเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2543 กลับมาอีกครั้ง
“ป๋าจะทิ้งลูกทิ้งหลานได้อย่างไร แน่นอนว่าเราคิดหนัก เพราะเป็นผู้ใหญ่ เหมือนต้นไม้ใหญ่ จะขับเคลื่อนอย่างไรต้องมีเหตุผล ซึ่งเหตุผลป๋าก็มีเยอะ โดยเฉพาะการต้องทำให้มีการเข้ามาช่วยกันของทุกฝ่าย จะปล่อยให้บ้านเมืองตกต่ำอย่างนี้ไม่ได้ ป๋าทนเห็นประเทศพังไปกับตาไม่ได้ คนรุ่นใหม่ก็มีดี มีความสามารถ แต่สิ่งสำคัญต้องมีประสบการณ์ มีบารมีด้วย”นายเสนาะกล่าว
นายเสนาะกล่าวอีกว่า ครั้งนี้ตั้งใจจะไม่รับตำแหน่งอะไร แต่ถ้าจะรับก็เป็นไปเพื่อบ้านเมือง อายุมากแล้ว จะอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยกำกับดูแล ตั้งใจจะเป็นมือประสานทุกฝ่าย โดยในส่วนของกองทัพก็ได้คุยกันไว้บ้างแล้ว แต่เราไม่พูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณนะ จะพูดเฉพาะเรื่องบ้านเมืองเท่านั้น ต้องไม่ลืมคำโบราณที่ว่า ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้ชั่วอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมาผิดพลาดไปบ้าง ประชาราชมี ส.ส.อยู่ 8 คน แต่อย่าไปพูดจำนวนเลย กี่คนก็ไม่สำคัญ สำคัญที่เสนาะ
ต่อมาเมื่อเวลา 18.45น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางเยาวภา ภริยา ได้ร่วมกันนำช่อกุหลาบสีแดงมาอวยพร โดยทันทีที่เจอหน้า นายเสนาะ ได้กระเซ้านายสมชายว่า “สวัสดีท่านอดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยได้นั่งทำเนียบ วันนี้ผมอยากให้บรรยากาศของวันที่1 เม.ย.2554 ย้อนกลับไปเหมือนวันที่ 1 เม.ย.2543 พูดแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วถึง 11 ปีแล้ว”
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปในช่วงเย็นมีการอออกร้านจากบรรดานักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้าอย่างคึกคักกว่า 30 ร้านค้า โดยมีการเตรียมโต๊ะสำหรับวีไอพี 120 ที่นั่ง ตลอดจนชาวบ้าน จ.สระแก้ว และบุคคลทั่วไป 600 ที่นั่ง ขณะที่บนเวที เป็นภาพนายเสนาะ และมีข้อความเขียนว่า “78 ปี คนกล้า รักษาสัจจะ” และมีการเตรียมโปรเจคเตอร์ ขนาดใหญ่ จำนวน 2 จอ เพื่อรองรับการวิดิโอลิงค์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเวลา 20.00 น.
เมื่อถึงเวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้โฟนอินเข้ามาในงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 78 ปี ของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่บ้านพักในสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่า วันนี้เป็นวันพิเศษ มีนักการเมืองมาร่วมงานอย่างมากมาย ทำให้ตนนึกถึงงานวันเกิดของนายเสนาะ เมื่อปี 2543 ซึ่งตอนนั้นนายเสนาะ อายุ 67 ปี จำได้ว่าครั้งนั้นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แบบที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน และยังเป็นปีที่พรรคไทยรักไทยเพิ่งเกิด และตนได้ใช้เวลาจีบนายเสนาะ มาร่วมงานการเมืองด้วยกันอยู่นาน เพื่อช่วยกันแก้วิกฤติเศรษฐกิจปี 43 โดยนายเสนาะได้ช่วยดูแลงานทางภาคอีสาน
“ขณะนี้ประเทศยังมีวิกฤติมากจึงขอชวนให้พี่เหนาะมาร่วมงานกับเพื่อไทยอีกครั้ง รวมทั้งอยากชวนคนอื่นๆ เข้ามาทำงานร่วมกันด้วย ปีนี้รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มากินขนมอร่อยๆ ในงานวันเกิด แต่ปีหน้าได้ไปแน่ เพราะมั่นใจว่าเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งเข้ามาอย่างล้นหลาม เหมือนปี 43 ที่ค่อนข้างชัดเจนว่า ไทยรักไทย ชนะเลือกตั้ง แต่เขาก็เอา ป.ป.ช. มาเล่นงาน แต่สุดท้ายไทยรักไทยก็ชนะเลือกตั้งอยู่ดี” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนว่า นายเสนาะ เทียนทอว จะเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแบบ 360 องศา กับเมื่อ 4-5 ปี ที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้น นายเสนาะ ได้ออกจากพรรคไทยรักไทย และก่อนด่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างรุนแรง แต่วันนี้ กลับมาบอกว่า ทักษิณก็ไม่ได้ชั่วอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมาผิดพลาดไปบ้าง” เป็นไปตามสุภาษัตที่ว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร นักการเมืองสามารถจูบปากกันได้ ตราบที่มีผลประโชน์ร่วมกัน จึงขอไล่เรียงสิ่งที่นายเสนาะ ได้เคยกล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้
ในหนังสือรู้ทันทักษิณ4 เรื่อง นายเสนาะ ระบุว่า ‘จะเอาทักษิณหรือประเทศไทย’ โดยได้วิจารณ์การทำงานของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งในหน้าที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติเอาไว้ว่า “ทักษิณ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการ ไม่เคยผ่านงานระดับผู้บริหารหน่วยงานราชการแม้เคยรับราชการตำรวจ แต่ก็ใช้เวลาว่างไปกับการประกอบธุรกิจเสียมาก และรับราชการได้ไม่นานก็ลาออกไปประกอบธุรกิจทำมาหากินส่วนตัว”
“ทักษิณ” มีลักษณะเป็นนักเสี่ยงโชค นิยมความเสี่ยง เข้าลักษณะกล้าได้กล้าเสีย ขาดความรอบคอบกระทั่งเคยประสบปัญหาทางธุรกิจ “ทักษิณ” นิยมบริหารธุรกิจและคิดไว้ทำไวชอบตัดสินใจเดินหน้าไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหารายละเอียดภายหลังโดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือสำคัญ “ทักษิณ” มีวุฒิการศึกษาแต่ขาดวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำไม่มีสภาวะผู้นำโดยเฉพาะในระดับประเทศ
ลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้นำไปสู่พฤติกรรมการมใช้อำนาจ การกำหนดนโยบายและการดำเนินนโยบายที่ไม่รอบคอบ สุ่มเสี่ยง อาทิ การจดทะเบียนคนจน ผมเคยแนะนำว่า
“ทำไม่ได้นะ ไปประกาศเฉยๆไม่ได้ การประกาศสงครามความยากจน แต่เอาเขามาขึ้นทะเบียนเฉยๆคนที่เป็นหนี้สินอยู่ แต่ไม่ใช่คนจนก็มาจดทะเบียนด้วยนะ มันจะบานปลายกันไปใหญ่ น้องไปให้เขาจดทะเบียนพี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฎิบัติไม่ได้ มันทำไม่ได้ มันได้แต่ตัวเลขมาโชว์ตอนเลือกตั้งแต่หลังจากนั้นมันไม่มีผลจริง” แต่ทักษิณ บอกว่า “โธ่…พี่เหนาะคนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ”
การแต่งตั้งรัฐมนตรีภายในพรรคไทยรักไทยปรากฎว่ามีการเอาคนของตัวเองเข้าไปวางไว้ในกระทรวงทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ เรียกว่าส่งตัวแทนเข้าไปดูแลผลประโยชนในทุกกระทรวงและมีอยู่ 2-3 คนที่ดูทุกกระทรวงเป็นเหมือน “หลงจู๊” เขามองการบริหารแผ่นดินเหมือนทำงานบริษัทแต่ทำยิ่งกว่านั้นอีก ทำงานบริษัทยังมีกรรมการบริษัท อันนี้คนเดียวเลย หลงจู๊คนเดียว เพราะนี่คืออำนาจ CEO ที่เขาใช้ คนก็ไม่กล้าท้วง เพราะถ้าคุณท้วงคุณเป็นรัฐมนตรีอยู่ คุณก็เด้งทันทีเลย ยิ่งเป็นข้าราชการสามารถเด้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รัฐมนตรีหลายคนจะมีคนของเขาเข้ามาบอกเลยว่า เดี๋ยวทำงบนะจะเอากี่พันล้านจะเอาห้าหรือหกพัน แต่ต้องเอามาเข้าพรรค 10% หมายความว่า คุณไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้
นอกจากนี้ ในวันที่ 8 มิ.ย.2548 ระหว่างการประชุมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป๋าเหนาะได้ใช้เวทีเปิดใจถึงพ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกันเพื่อสะท้อนถึงความอึดอัดใจของส.ส.ในพรรคไทยรักไทยอีกหลายคน เพราะถูกกักขังด้วยรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 107(4) ที่ส.ส.ต้องสังกัดพรรคเป็นเวลา 90 วัน ทำให้ที่ไม่สามารถย้ายต้นสังกัดพรรคการเมืองได้
“ผู้แทนก็เช่นเดียวกันต้องใจกว้าง ท่านหัวหน้าพรรค แม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้านก็ทำได้ กฎหมายเขียนไว้แล้ว 1 ใน 5 ของแต่ละสภา ฝ่ายค้านมีเกินร้อยครับ ยื่นมาสิครับไม่ต้องไปกลัวแพ้หรอก ผมยังว่าคนมีสติสัมปชัญญะยังมีอยู่ใน 377 คน แก้ซะอะไรที่มันเอาอธิปไตยของปวงชนชาวไทยไปล็อกเอาไว้เหมือนกับทาส สมัยนี้เขาเลิกทาสกันแล้ว เลิกมานานแล้วหรืออยากจะกลับไปเป็นทาสอีกก็เอาซิไม่ว่ากัน ขอพูดเป็นประเด็นที่มีความหมายไม่อ้อมค้อม ถึงเวลาหรือยังที่จะร่วมกัน เพื่อการให้คนดีมีโอกาสเป็น ส.ส.ไม่ต้องเป็นทาสใคร …เราอย่าทำให้อธิปไตยปวงชนชาวไทยปริบๆ ผมรับไม่ได้”
27 ก.พ.2549 “เสนาะ” พร้อมด้วยประมวล รุจนเสรี และนายบุญถึง ผลพาณิชย์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย กลุ่มวังน้ำเย็น พรรคไทยักไทย ได้ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ สนามหลวง โดยมีเนื้อหาบรรยายถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณเช่นกัน
“ผมชื่อเสนาะวันนี้จนเหมือนพี่น้องที่นี้ ที่มาทวงสัญญา 19 ล้านเสียงกับคนที่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผมขอกราบอภัยพี่น้องประชาชนที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยบอกประชาชนว่า จะหาคนดีมีอำนาจมาปกครองบ้านเมือง ผมขอกราบอภัยอีกครั้งที่เมื่อปี 2543 ไปหลงกับคำพูดของคนๆ หนึ่ง ที่บอกว่า พี่เหนาะผมพร้อมแล้ว เงินส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้ลูก 3 คน เงินส่วนหนึ่ง 2 ตายาย ชาตินี้กินยังไงก็ไม่หมด และเงินส่วนที่เหลือผมจะใช้หนี้แผ่นดิน น้องทักษิณยังจำได้หรือไม่กับคำๆ นี้ ผมคิดว่าคนๆ นี้เมื่อเลวร้ายแล้วจะกลับใจ แต่ตอนนี้พอรู้แล้วเลยร้องอ๋อ”
อีกเวทีหนึ่งที่เสนาะ เคยอภิปรายพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน คือ การเสวนาโต๊ะกลมทางวิชาการ เรื่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญอะไร ทำไม และอย่างไร” จัดโดยสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2548 ซึ่งมีวรรคทองว่า “มึงมีเงินคนเดียวหรืออย่างไร”
“ผมคิดว่ายุคนี้เป็นยุคที่อันตรายมากที่สุดตั้งแต่ผมเป็นนักการเมืองมา ผมผ่านมาโชกโชนมาก ใครขัดจงขัดใจอำนาจก็อยู่ให้ได้อย่างไร นอกจากทำให้สภาอ่อนแอแล้ว…มันกำลังหน้ามืดหน้ามัวว่า แหม…มึงมีเงินอยู่คนเดียวหรือไง เงินใหญ่เหลือเกิน ผมถึงได้บอกว่าองค์กรใหญ่ๆ สำคัญๆ ถูกซื้อไปหมดแล้ว ประเทศไทยความจริงถ้าปล่อยไว้เหมือนเดิม ประเทศไทยซื้อไม่ได้เพราะเรามีระบอบประชาธิปไตย แต่ ณ ขณะนี้มันหลงตัว จนเหมือนกับว่าเป็นประเทศของกูแล้ว ผมพูดแล้วผมไม่แคร์ เพราะเอาเรื่องจริงมาพูดและไม่มีอคติด้วย”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ชายชื่อ ‘เสนาะ เทียนทอง’ ได้เคยกล่าวอภิปรายพ.ต.ท.ทักษิณแบบผีเผาเงาไม่เหยียบกันมาแล้ว โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าผ่านไป 11 ปี ทุกอย่างจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1470 ครั้ง